ปล่อย “ของ” โชว์ฝีมือแบบไม่มีกั๊ก สำหรับ พีพี-พัชญา เพียรเสมอ นางเอกสาวจากละคร “สะใภ้นางรำ” ทางช่อง 7 จนแฟนๆ เสียน้ำตาเพราะสงส้าน สงสาร ต้องลุ้นและเอาใจช่วยจะสุดท้าย ท้ายสุดจะสมหวังกันรึเปล่า?! ถือเป็น “นางเอกคลื่นลูกใหม่” ฮอตเบอร์แรง เลยต้องคว้าสาวพีพีมาเปลือยใจ แถมกลับมาร่วมงาน แอมป์-พีรวัศ พระเอกหนุ่มรุ่นพี่อีกครั้ง จะสนิทมากขึ้นหรือลดลง หลังเคยตกเป็นข่าวสะท้านจอ ใน “คนดังนั่งคุย”

ละครใกล้จบแล้วฟีดแบ็กเป็นยังไงบ้าง

“กระแสตอบรับค่อนข้างดี เวลาเดินไปตลาด เจอเพื่อนๆจะบอกคุณแม่ที่บ้านชอบดูนะ ตอนนี้กำลังท้องกำลังไส้ อ้วกทั้งวันทั้งคืน ไม่ค่อยได้นอน (หัวเราะ)”

ฉากแพ้ท้องเป็นเรื่องแรกที่เล่นเลยหรือเปล่า

“ค่ะ หนูรู้สึกว่าจากซีนง่ายๆ วิ่งแล้วไปอ้วกกลายเป็นซีนที่ยาก ไม่รู้ว่าคนที่แพ้ท้องมีอาการยังไง หนูรู้สึกการอ้วกมีหลายอย่าง ดื่มมาแล้วอ้วก หรือท้องเสีย อาการไม่เหมือนกัน มันจะมีความพะอืดพะอมบอกไม่ถูก งงๆอยู่ ก็ถามพี่ๆในกองที่เคยมีลูก พยายามแต่อาจจะตลกนิดนึงเหมือนคนท้องเสียมากกว่า (หัวเราะ)”

...

คนพูดถึงละครเยอะเหมือนกันนะ

“ค่ะ มีคนติดต่อเข้ามาเกี่ยวกับงานรำมาเรื่อยๆ แต่มีถ่ายละครอีก 2 เรื่องประจวบเหมาะจะต้องทำธีสิสจบด้วยช่วงนี้จะยุ่งๆ ไม่ค่อยรับงานข้างนอกเท่าไหร่”

จากบุคลิกห้าวๆ ของพีพีไม่น่าเชื่อเล่นบทนางรำเป็นคนเรียบร้อยได้เลย

“(หัวเราะ) ช่องอาจจะอยากให้เราลองเล่นหลายๆอย่าง อย่างเรื่องนี้ค่อนข้างตรงกันข้ามกับบุคลิกเพราะว่า ไพรำเป็นเด็กนาฏศิลป์ ค่อนข้างเรียบร้อย โตมากับบ้านละคร มีกฎ กติกาเยอะกว่าบ้านเพื่อนๆ แต่บ้านหนู คุณแม่ คุณยาย ไม่ได้เคร่งขนาดนี้”

พื้นฐานการรำของพีพีล่ะ

“ไม่มีเลยค่ะ (หัวเราะ) ชอบความเป็นไทยๆอยู่แล้วค่ะได้ลงมือทำเองก็รู้สึกภูมิใจ มันอาจจะไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์แต่หนูก็ตั้งใจที่จะทำ เรื่องตัวอ่อนไม่มีปัญหาแต่นาฏศิลป์จะสวยงามอยู่ที่ลีลา เหมือนอินเนอร์ เหมือนเวลาแสดงละคร นักแสดงทุกคนหน้าตาดีหมดแต่ก็ขึ้นอยู่ที่ลีลาการแสดง”

ตอนนี้คนเชื่อเป็นนางรำจริงๆนะ

“ใช่ค่ะ แต่เพื่อนเราเค้าจะตลกๆ เพราะไม่เคยเห็นเราในลุคเป็นผ้าพับไว้ มันจะ ฝืน ท่าเดิน ท่านั่งจะดูแปลกๆ ไปจากที่เพื่อนๆเคยเห็น”

พอมีอีเวนต์งานจ้างไปรำรู้สึกยังไง

“ใจจริงอยากรับนะคะ ไม่อยากลืมการรำตรงนี้ อุตส่าห์ไปเวิร์กช็อป มา แต่ก็ไม่มีเวลาจริงๆค่ะ”

เห็นว่าตอนนี้มีละคร 2 เรื่องต่อคิวแล้ว

“ใช่ค่ะ ตอนนี้ถ่ายละคร 2 เรื่อง เรื่องแรกเป็นแนวดราม่า ชื่อเรื่อง “กาเหว่า” ตอนแรกที่ได้รับเรื่องนี้รู้สึกกังวลนิดนึงเพราะเรื่องที่แล้วก็ดราม่าไป ยากพอสมควรและเครียดด้วย แต่เรื่องที่แล้วดีที่ไม่มีเรื่องของมหาวิทยาลัยเข้ามาเกี่ยวข้อง ปีนี้หนูต้องจบแล้ว บังคับทำธีสิส เหมือนกับเรียนไปด้วยถ่ายละครไปด้วยค่อนข้างเครียดอยู่ และมีอีกเรื่องติดต่อเข้ามาเรื่อง “เจ้าสัวมั่วนิ่ม” แนวโรแมนติกคอมเมดี้”

ตอนนี้พีพีได้ฉายา “นางเอกสายดราม่า”

“รู้สึกดีใจและปลื้มใจมากๆเลยค่ะ แต่ก่อนอื่นหนูต้องขอบคุณทุกๆ ท่านที่ชื่นชมและมอบฉายานี้ให้นะคะ ละครที่ผ่านมาหลายๆเรื่องก็จะแนวดราม่าหนูก็รู้ตัวเองดีว่าหนูต้องพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ตั้งใจทำเพื่อให้งานทุกงานออกมาดีที่สุดเท่าที่หนูจะทำได้ เรื่องสะใภ้นางรำ ก็เป็นอีกเรื่องที่ท้าทายความสามารถ เพราะมันห่างไกลตัวหนูมากๆ จนผลงานออกมาให้ท่านผู้ชมได้ตัดสินกันว่าสามารถจะเป็นนางเอกสายดราม่าได้ไหม เมื่อทางช่องอยากให้เราลองเล่นดราม่า ถ้าเราทำออกมาได้ดีคงจะเป็นสิ่งที่ดีกับตัวเรา”

...

เล่นไปเล่นมา หลงเสน่ห์แนวดราม่า

“ชอบนะคะ เมื่อก่อนเป็นคนร้องไห้ยากมาก แต่เดี๋ยวนี้เริ่มมีการเรียนรู้ พี่ๆในกองช่วยสอน หรือเราเริ่มมีสมาธิ เราเริ่มจับโฟกัสของงานได้แล้วก็เริ่มง่ายขึ้นจะไม่เป็นกังวลเรื่องร้องไห้ เพราะการร้องไห้บางทีมีอะไรมากกว่านั้น บางทีมีความอึดอัด มีน้ำตา เข้าใจ อาจจะโตมากขึ้นถ่ายละครมา 4-5 เรื่องแล้ว เมื่อก่อนจะหนักใจมากเวลามีซีนร้องไห้ เรื่องแรกใช้เวลานานมากในแต่ละซีน แล้วสาวน้อยอ้อยควั่น โอ้โห! ชีวิตลำบาก รันทด ตอนนั้นเราเด็กมากเพิ่งเรียนจบมัธยม ในช่วงนั้นสับสนในชีวิต ช่วงเข้ามหาวิทยาลัยเราจะมีที่เรียนมั้ย ยังจัดการชีวิตไม่ได้ดีเท่าตอนนี้ เล่นดราม่ารู้แล้วต้องทำยังไง”

กลับมาร่วมงานพี่แอมป์อีกครั้งเป็นยังไงบ้าง

“ตอนแรกก็ยังตกใจ ใช่เหรอเพราะว่าตั้งแต่จบเรื่องสาวน้อยอ้อยควั่น ก็ไม่ได้เจอกันเลยจนมาเจอกันเรื่องนี้ก็อุ่นใจ พี่แอมป์เหมือนเป็นรุ่นพี่ในวงการคนแรก เค้าให้คำแนะนำเป็นคนที่ใจเย็นเวลาหนูเล่นไม่ได้ รอได้ไม่มีบ่นไม่มีงอแง”

ข่าวก่อนหน้านี้ทำให้มีผลในการพูดคุยหรือความสนิทสนมกันมั้ย

...

“หนูว่ามีผลค่ะ แต่เป็นผลในทางที่ดีขึ้น เราสามารถวางตัวต่อหน้าคนอื่นยังไง เราควรจะประมาณนี้นะ เวลาเจอกันความรู้สึกเหมือนเดิมมั้ยก็เหมือนเดิม หนูวางพี่แอมป์ในฐานะพี่ และพี่เค้าก็วางหนูเป็นน้อง”

เจอกันครั้งนี้ยังคุยภาษาพ่อขุนมั้ย

“ก็เหมือนเดิมค่ะ (ยิ้ม) เหมือนคุยกับเพื่อนคนอื่น พี่แอมป์คุยกับเพื่อนยังไงก็คุยกับหนูอย่างนั้น เล่นเกม ก็ด่ากัน มีอารมณ์บ้าง (หัวเราะ)”

กลัวคนจับตามองเรื่องข่าวที่เกิดขึ้น

“เวลามีละครเรื่องใหม่ ประกบคู่ใหม่ ก็เป็นที่สนใจการโปรโมต มาเป็นพี่แอมป์ เราเคยมีข่าวร่วมกัน อาจจะมีบ้างนิดนึงแต่ไม่ขนาดนั้นเพราะเวลาผ่านไปทุกคนรับรู้ได้เรื่องราวเป็นยังไงอาจจะไม่สนใจมาก เค้ามาโฟกัสที่การแสดง การทำงานมากกว่า”

เห็นผู้จัดการแซวแก๊งพีพีห้าวมาก

“ใช่ค่ะ ส่วนใหญ่เพื่อนพีพีจะเป็นเพศทางเลือก เลือกเอาเอง ในแก๊งหนูเป็นผู้หญิงแท้คนเดียวก็ว่าได้ เมื่อก่อนจะมีรุ่นพี่ที่เค้ายังไม่จบแต่อยู่กันคนละคณะก็จะเป็นผู้ชายหมดเลยแล้วจะมีเพื่อนหนูอยู่ด้วยแต่ตอนนี้เพื่อนหนูไปฝึกงาน บางทีไปไหนกับกลุ่ม เค้าจะไม่แน่ใจเป็นผู้หญิงหรือเราเป็นแบบเพื่อน เค้าลังเลมีแอบมาถามเพื่อนเราก่อนว่าเป็นผู้หญิงใช่มั้ย”

รู้สึกยังไงเราก็ออกจะหน้าตาสะสวยเป็นถึงนางเอกแต่มีคนแอบคิดเป็นสาวประเภทสอง

“มันก็เป็นเรื่องตลกค่ะในกลุ่มเพื่อนเพราะหนูเป็นคนติดเพื่อน ทำอะไรคิดถึงเพื่อน ทำงานเลิกดึก 4 ทุ่ม แล้วเพื่อนโทร.มาหิวข้าวหนูก็ออกไปกินข้าวกับเพื่อน ถึงจะเหนื่อยแต่ก็ไป”

การแต่งตัวสายสวยเป๊ะหรือสายชิล

“หนูเป็นคนชิลมาก ไม่ชอบใส่รองเท้าส้นสูง เดินไม่ถนัดเวลาออกงานก็ต้องมีตัวช่วยนิดนึง ต้องหาคนเกาะเดินไปส่ง ใส่ส้นสูงหลายๆคนมั่นใจ แต่หนูไม่มั่นใจ”

...

ถามจริงๆมีรองเท้าส้นสูงเป็นของตัวเองมั้ย

“ไม่มีค่ะ (ยิ้ม) รองเท้าที่ซื้อของหนูจะเป็นผ้าใบหมดเลย จะเป็นแบบสนีกเกอร์ หนูเลยใส่แต่รองเท้าผ้าใบและรองเท้าแตะเพราะว่ามหาวิทยาลัยไม่ได้บังคับ ใส่อะไรก็ได้ขอให้มาเรียนก็พอ”

เป็นนางเอกแต่ชีวิตติดดินเดิน ตลาด นั่งรถเมล์ รถตู้แทนซื้อรถขับเอง

“ใช่ค่ะ ตลาดนัดมันมีความง่าย เวลาเราจะเดินจะดูอะไร มันมีครบ อาหาร ร้านเสื้อผ้าก็ติดกันได้ไม่ซีเรียสมาก ชิลๆ เวลากลับบ้านที่ราชบุรี จะชอบนั่งรถเมล์เพราะรถเมล์ผ่านหน้าบ้านพอดี หนูเป็นคนไม่ชอบนั่งวินมอเตอร์ไซค์เพราะหนูกลัว หนูเคยเห็นแม่รถล้มก็เลยจำฝังใจ ถ้านั่งมอเตอร์ไซค์จะต้องนั่งเพราะฉุกเฉินจริงๆ หรือแม่เป็นคนขับจะนั่ง”

เวลากลับราชบุรีก็นั่งรถตู้ด้วยหรือเปล่า

“แม่ขึ้นมารับค่ะ แต่เวลาอยู่ในกรุงเทพฯนั่งรถเมล์ รถไฟฟ้า นั่งตุ๊กๆ”

ขับรถเองล่ะกล้ามั้ย

“หนูขับรถไม่เป็น หนูซื้อรถให้แม่ไปแต่หนูไม่ขับ ถ้าหนูทำงานแม่ก็มารับ หรือติดรถทีมงาน จริงๆแม่อยากให้หนูขับเองเพราะแม่จะได้ไม่ต้องขึ้นมาแต่หนูขี้กลัวมากไม่มีสกิลเรื่องการขับขี่อะไรเลย แม้แต่จักรยาน ขี่ไม่แข็งเลยทำให้ไม่มั่นใจ ลำบากนิดนึงเวลานัดกองเช้าหรือเลิกกอง ทีมงานจะเป็นห่วงไม่กล้าปล่อยเรา ไม่เป็นไรๆหนูโอเค”

ทุกวันนี้อารมณ์กรี๊ดศิลปิน

“หลายคนเลยค่ะ (หัวเราะ) หนูยังหนักอยู่เหมือนเดิม อย่างพี่แบงค์ แคลช ยังชอบหนัก อาการยังหนักอยู่ เวลาพี่เค้ามีข่าวอะไรก็ติดตามก็สนใจ เค้ามีแฟนแล้ว ก็ยังรักอยู่ไม่เป็นไร เราเป็นแฟนคลับ เป็นแฟนเพลง ชอบผลงานชอบลุคพี่เค้า เพิ่งไปหลังเวทีคอนเสิร์ตเจอพี่แบงค์ แต่หนูไม่ค่อยกล้าคุยกับพี่เค้าหรอกค่ะ นั่งอยู่ใกล้ๆไม่มองหน้าแต่ตามไอจี ไลค์ทุกรูป หนูชอบพี่ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนกมาก ตั้งแต่พี่เค้าเล่นหนังสิ่งเล็กๆไปถ่ายที่ราชบุรี ติดตามเพราะดูเป็นคนน่ารักเล่นหนังล่าสุดเฟรนด์โซน หนูชอบความเป็นธรรมชาติของเค้า”

เคยเจอตัวจริงพี่ใบเฟิร์น

“ไม่เคยค่ะ หนูเซฟรูปพี่เค้ามาแล้วก็ตั้งเป็นหน้าจอ เวลาคนในกองเค้าเห็นรูปก็จะแซว หาว่าหนูชอบผู้หญิง หนูยังชอบผู้ชายอยู่แต่พี่เค้าน่ารัก เป็นดาราในดวงใจ”

การเรียนบ้างใกล้จบแล้วสิ

“ใช่ค่ะ เรียนปี 4 คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ จะจบแล้ว”

หลังจากจบตั้งเป้ายังไงบ้าง

“หนูอยากเรียนต่อป.โทแต่อยากทำงาน เพราะตอนนี้ที่บ้านไม่มีใครสามารถทำงานได้เต็มที่เท่าหนู คุณตาคุณยายมีอายุแล้ว และแม่ก็ต้องดูแลน้องไม่ได้ทำงาน เลยรู้สึกอยากให้แม่ได้พักไม่ต้องทำงาน”

ตอนนี้พีพีเป็นเสาหลักของบ้านหรือเปล่า

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ เราก็อยากให้น้อง แต่เดี๋ยวน้องก็เข้ากรุงเทพฯเรียนต่อมหาวิทยาลัยก็ต้องเป็นหนูที่ดูแลอยู่ดี หาได้ก็ให้แม่ ให้น้องเพราะแม่ไม่ค่อยได้ทำอะไร แม่ดูแล”

ความรักล่ะตอนนี้เปิดใจมั้ย

“หนูเปิดค่ะแต่ว่า ไม่รู้ทำไมถึงไม่มีใครถูกใจ ด้วยนิสัยหรือด้วยการที่เราไม่มีเวลา พอมีเวลาก็เทให้เพื่อน เพราะตอนก่อนเข้ามหาวิทยาลัย หนูตั้งใจว่ามหาวิทยาลัยจะไม่มีแฟนจะอยู่กับเพื่อน พอจบชีวิตวัยเรียนทุกคนก็แยกย้าย แล้วยังดีถ้าเรามัวแต่มาโฟกัสเรื่องความรัก จะกลายเป็นว่าเราจบไปโชคร้ายเลิกกับแฟนเราก็ไม่มีใครเลย ตอนนี้ก็เลยให้ความสำคัญเรื่องเพื่อนมากกว่าแต่ก็ไม่ได้ปิดตัวเอง ถ้าสมมติมาโอเคในระดับนึงแต่อย่างแรกเลยคนที่จะเข้ามาในชีวิต มาจีบ จะต้องเข้ากับเพื่อนได้ สองค่อยเข้ากับครอบครัวได้ เพราะหนูอยู่กับเพื่อนบ่อยกว่าที่บ้าน ถ้าเข้ากับเพื่อนไม่ได้ก็คือจบ เป็นหลายคนมากเข้ากับเพื่อนไม่ได้ก็ไม่คุยด้วย มีคนเข้ามาแต่เจอด่านเพื่อนไม่ผ่านก็จบ เพื่อนบอกไม่โอเค เราก็คุยกันไปสักพักเรารู้สึกเองล่ะไม่ใช่ อาจจะเป็นเพราะเรามีโลกส่วนตัวสูงด้วย”

จริงๆเราเป็นคนข้อแม้เยอะมั้ยถ้าคบใครสักคน

“ข้อแม้อาจจะไม่เยอะแต่หนูต้องการเวลาส่วนตัว ไม่ชอบยุ่งเรื่องใครและไม่ชอบให้ใครมายุ่งเรื่องของเรา เป็นการไม่แชร์กัน บางทีการเป็นคนรักกันต้องการเรียนรู้กันแต่หนูไม่ค่อยให้ตรงนี้เท่าไหร่ ยังต้องการพื้นที่ส่วนตัวอาจจะยังไม่พร้อมด้วย ถ้าเรียนจบค่อยว่ากัน”.


ทีมข่าวบันเทิง