ขึ้นแท่น “นางเอกป้ายแดง” แบบสวยๆ สำหรับแป้ง–ศรันฉัตร์ มิตรชัย ทายาทคนโต ของเอ–ไชยา มิตรชัย เดินตามความฝันจนล่าสุดได้เป็นนางเอกเต็มตัวในละครเรื่อง “ทายาทไหทองคำ” ทางช่อง 8 ของผู้จัด สถาพร นาควิไลโรจน์ กับเรื่องราวดราม่าเข้มๆที่แฟนๆเอาใจ ช่วย “มะลิ” กับการตามสืบชาติกำเนิดของตัวเอง เป็นอีกบทบาทที่ยากแต่ท้าทายที่เจ้าตัวเปิดใจกว่าจะเป็น “นักแสดง” ใช้เวลานานมากจนท้อใจ พอได้รับโอกาสเลยอยากทำงานเต็มที่ ส่วนความรักกับหนุ่มบดินทร์ แฟนหนุ่มนอกวงการ คบกันนานถึง 10 ปี แฮปปี้หวานฉ่ำๆ ยอมรับมีคุยๆเรื่องแต่งงานกันแล้ว ใน “คนดังนั่งคุย”

ความสนุกสนานกับละครเรื่องนี้เป็นยังไงบ้าง “เรื่องนี้สนุกสนานค่ะ ตอนรับเรื่องนี้เห็นรายชื่อนักแสดงมาก่อน มีใครบ้าง เรารู้สึกน่าจะเป็นละครคอมเมดี้เบาสมอง ตลก ขายส้มตำ พอกลับมาอ่านบทจริงๆ ทำไมกลายเป็นดราม่าทั้งเรื่องเลย บทในเรื่องมียิ้ม 10% จาก 100 นอกนั้นดราม่าล้วนๆ” จากสิ่งที่คิดกับสิ่งที่เป็นมันแตกต่างขนาดไหน “ค่อนข้างแตกต่างจากสิ่งทีิ่คิดไว้ค่อนข้างมาก ตอนแรกคิดป็นเรื่องเกี่ยวกับส้มตำ พี่ถาบอกเรื่องนี้สนุก ไปๆมาๆกลายเป็นดราม่าทั้งเรื่องเลย ร้องไห้ๆจนปวดหัวมาก”

แป้งได้ทำอะไรแปลกใหม่ขนาดไหน “แป้งยังไม่เคยรู้เรื่องการหมักปลาร้าต้องทำยังไง ต้องเอาอะไรยัดลงไปในไหก่อน ปกติเป็นสายกินแต่ไม่เคยทำเองค่ะ” เรื่องเสน่ห์ปลายจวักของแป้งเป็นยังไง “เน้นหน้าตาสวยงาม รสชาติอีกเรื่องนึงแต่ในเรื่องโชคดี ได้แม่น้อย โพธิ์งาม, พี่ธงธง ตำส้มตำอร่อยมาก จะคอยบอกต้องใส่อะไรก่อน” ส้มตำจานแรกที่ตำใครเป็นผู้โชคดีได้ชิมฝีมือแป้ง “พี่ธงธง เค้าบอกว่าเค็มมากกินไม่ได้เลยค่ะ (หัวเราะ)”

...

บทดราม่าหนักหน่วงมากไหวมั้ย “ค่อนข้างหนักมากๆ วันไหนถ่ายซีนดราม่า จัดไป 10-20 ซีน เป็นฉากดราม่าหมดเลย เรื่องนี้ร้องไห้เส้นเลือดปูด พาร์ตครอบครัวอินสุดๆ พอรู้ความจริงไม่ใช่ลูก กลายเป็นร้องไห้แล้วหยุดไม่ได้ เอาออกไม่ได้มันเสียใจ” ทำยังไงออกจากตัวละคร อย่าบอกนะเก็บตัวละครไปบ้านด้วย “(หัวเราะ) โชคร้ายค่ะ แป้งเก็บตัวละครไปบ้านด้วย ถึงขั้นฝันว่าเราอยู่ในกองทายาทไหทองคำ” เล่นเรื่องนี้มีอาการไบโพลาร์ถามหาด้วยมั้ย “มีบางครั้ง พอเราร้องไห้เสร็จ จะต้องเล่นซีนอินเลิฟ น่ารัก กุ๊กกิ๊กต่อ พี่ถาก็จะวอมาบอกว่าแป้งหน้าเครียดมาก ซึ่งเราไม่รู้ตัว หน้ายิ้มแต่แววตามันเศร้า เป็นความยากของหนู พ่อ (เอ-ไชยา) สงสารจะปลอบทำไมต้องเอาเก็บกลับมา ปล่อยมันไป กลับมานอนหลับพัก ผ่อนให้เพียงพอ”

เจอดราม่าก็หนักหน่วง แล้วฉากเลิฟซีนกับอั๋น–อัครพรรฒ ล่ะ “เชื่อเปล่าคะ เล่นบทร้ายเยอะก็จริงนะ พาพระเอกเข้าโรงแรม โน่นนี่นั้นแต่ไม่เคยเล่นเลิฟซีนมาก่อนในชีวิต จนกระทั่ง ทายาทไหทองคำ แป้งยังคุยกับอั๋นเลยว่าไม่เคยเล่นเลิฟซีนมาก่อน มีบ้างหอมแก้ม ไม่มีจูบ ไม่เคย” เราโดนพี่ถากล่อมยังไงถึงได้ใจอ่อน “เห็นต้นข้าวก็เล่นหนักหน่วงมากเลย กับน้องสกายคู่เขา แต่ต้นข้าว อาร์สยาม จะเป็นสายบุก แต่ของแป้งมีแต่ไม่เยอะ ฉากเดียวแต่ก็ตื่นเต้นเหมือนกันนะ ไม่เคยเล่นมาก่อนในชีวิต” เขินกันเอง “อั๋นไม่น่าเขิน น่าจะเล่นมาเยอะแล้วแต่แป้งเขิน ทำการบ้านก่อนถึงจุดจูบกัน บทยาวมาก 2หน้ากระดาษ พอถึงเวลาจริงๆ ลืมหมดเลย อะไรนะ เอาใหม่”

เวลาเล่นเลิฟซีนต้องขอทางพ่อกับแม่หรือทางแฟนก่อนมั้ย “ไม่มีการถามใดๆทั้งสิ้น เวลาเล่นมีลิมิต รู้ด้วยตัวเอง อันนี้ เรารักกันนะ มันโอเค ฟีลจูบกันเป็นความน่ารัก กุ๊กกิ๊กมากกว่า” ตอนนี้เราก็ขึ้นชื่อนางเอกแล้ว “พอเป็นนางเอกมีความกดดัน เพราะคนก็คาดหวัง มีคนบอกอยากเล่นให้ฉีกออกไปต้องเปลี่ยนบุคลิกตัวเอง” ความเนิบๆของเราล่ะเป็นอุปสรรคมั้ย “สำหรับตัวเองดีขึ้นเยอะ เราเป็นนางเอกลิเก เวลาพูดมีความลากๆ เพคะ เสด็จพ่อ...อออ ทุกวันนี้ก็ปรับกิริยาบางอย่างต้องเปลี่ยนไป”

นอกจากถ่ายละครทำอะไรอื่นๆอีกมั้ย “พอถ่ายรายการ ปากท้องต้องรู้ เป็นรายการประจำด้วย ทางช่อง 8 และมีเล่นลิเก รับได้ช่วงศุกร์-อาทิตย์ได้บ้าง เกรงใจเจ้าภาพเหมือนกัน มีติดต่อเข้ามาเยอะมาก” ทำงานเยอะๆมีเวลาเป็นของ
ตัวเองบ้างมั้ย “ผ่านจุดปรับตัวไม่ได้ เหมือนเราบาลานซ์ชีิวิตไม่ถูก บ้าการทำงานค่อนข้างมาก พอแบ่งเวลาไม่เป็น นอนไม่พอ กินไม่พอ พอโตขึ้น ประสบกาณ์สอนเรา” ช่วงนั้นที่บาลานซ์ชีวิตไม่ได้อาการเป็นยังไง “ช่วงนั้นก็หนักค่ะ ทำงานจนรู้สึกไม่มีเวลาเลย ช่วงปีที่แล้วถ่ายละคร 4-5 เรื่อง จัดรายการสด และเล่นลิเก ช่วงนั้น เห้ย! เรากำลังทำอะไรอยู่ กลายเป็นเราตั้งใจทำงานมากเกินไปมีสรวน ติดเรื่องนี้ไปใช้เรื่องโน้น ต้องมานั่งคุยกับตัวเอง เราควรจะจัดการกับชีวิตตัวเองยังไง มันหนักมาก”

...

พ่อเตือนมั้ยช่วงที่เราทำงาน 7 วัน หรืองานพ่อก็หนักกว่าเราอีก “พ่อก็ทำงานหนักแต่มีบาลานซ์ชีวิตดี พ่อก็จะสอนหนู เจอผู้ใหญ่หลายๆ ท่านก็จะบอกว่านอนให้พอแค่นั้นเลย ทิ้งไปบ้างก็ได้ เพราะหนูเก็บไปฝันทุกวันเลย” เคยถามตัวเองบ้างมั้ยทำไมเราทำงานเยอะๆ ขนาดนี้ “คือก่อนหน้าแป้งพยายามเข้าวงการมาทั้งชีวิต ตั้งแต่เด็กๆ ก่อนเปิดตัวเป็นลูกพ่อ พยายามแคสต์งานมาเยอะ 100 งาน การเข้าวงการบันเทิงหลายๆคนอาจจะง่าย สำหรับเรามันยากมากกว่าจะได้เป็นดารา เล่นลิเก หรือเป็นพิธีกร เลยรู้สึกว่าพอมีโอกาสเข้ามา เป็นสิ่งที่รอคอย อยากทำมาก เพราะเรารักงานนั้นมาก พองานเข้ามาเราลืมนึกถึงตัวเองไหวหรือเปล่า? เรามีความสุข แต่สุดท้ายคุยกับตัวเองมันมากเกินไปหรือเปล่า? ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้วค่ะ”

แสดงว่าก่อนหน้าที่จะเข้าวงการเจออุปสรรคเยอะเลยสิ “เยอะมากค่ะ เพราะไม่ได้บอกว่าเป็นลูกใครในวงการโฆษณาคือรู้กันถ้าคนนี้มายังไงก็ได้แน่นอน เราผิดหวังเยอะมาก มีจังหวะ ได้โฆษณาตัวนึงแต่จังหวะชีวิตไม่สมหวัง ไม่สามารถถ่ายให้เขาได้ เป็นอย่างนี้ตลอดเวลา” เคยท้อมั้ยไม่สามารถเปิดตัวลูกพ่อแต่เราอยากได้งาน “ท้อมาก บวกกับใกล้เรียนจบ เรียน ปี 3 แต่ช่วงนั้นโชคดีได้เล่นละคร จากการที่เค้าเซิร์สหา แล้วชื่อแป้งขึ้นเป็นคนแรกโดยไม่ได้แคสต์ ได้ช่วงนั้นพอดี ละครนางฟ้าอสูร ทางช่อง 3 ของอาเปี๊ยก-พิศาล ก็ถามๆ ทำไมเลือกหนูมาเล่นเพราะเค้าไม่รู้จักหนูมาก่อน เขาบอกว่าเซิร์สคำว่านางเอกลิเก แล้วรูปแป้งอยู่รูปแรกในกูเกิล เลยเลือกเป็นเรา แต่กลายเป็นละครถูกดอง ไม่ใช่จังหวะชีวิตเราอีก พอเราปี 4 ใกล้เรียนจบ คิดว่าคงไม่ใช่ทาง คุยกับแม่คงเรียนต่อและหาเส้นทางชีวิตทำอาชีพ เป้าหมายใหม่แล้ว พ่อแม่สงสาร ถ้ามันไม่ใช่ไม่เป็นไร เราก็ทำอย่างอื่นได้ จนมาเปิดตัวว่าเป็นลูกพ่อนั่นแหละค่ะ ชีวิตเปลี่ยนไป มีงานเข้ามาเรื่อยๆ ไปอ่านเจอคอมเมนต์ เธอดังได้เพราะพ่อเธอนิ ไม่ปฏิเสธเลยค่ะ เรามีชื่อเสียงจากการเป็นลูกของไชยา มิตรชัย เป็นนางเอกลิเก ยอมรับ พอเข้าวงการได้แล้วเพราะเป็นลูกของพ่อ จากนั้นเราจะต่อยอดตัวเองยังไงมากกว่า เราอยากเข้าวงการบันเทิงอยากเล่นละคร เป็นพิธีกรต้องทำยังไง เราก็ต้องพัฒนาตัวเองอยู่ทุกวัน”

...

เม้าท์ชัด จัดทุกตอน ติดตามได้ที่ www.thairath.co.th/novel และ Facebook Fanpage : นิยายไทยรัฐ

ทำงาน 7 วันแบบนี้มีเวลาให้ตัวเองขนาดไหน “ต้องบอกก่อนว่าโดนผู้จัดการบ่นประจำว่าเธอควรจะไปทำผมบ้าง ทำเล็บบ้าง บางทีเราลืมนึกไปเราเป็นดารา นักแสดง ไม่ใช่แค่ทำตามหน้าที่เสร็จแล้วมันจะจบสมบูรณ์นะ เราต้องดูแลตัวเอง ก็พยายามหาวันว่างๆ แต่หายากแต่ก็พอมี” ไม่ค่อยเห็นไปเที่ยวไกลๆกับครอบครัวเท่าไหร่ “ล่าสุดเพิ่งไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยกันมาค่ะ ต้องใจแข็งเลย ห้ามรับงานกันเลย เชื่อไหมว่าทั้งชีวิตไปต่างประเทศมาแค่ 3ครั้งเท่านั้นเอง น้อยมาก มานั่งคิดกับตัวเองเราไม่ได้เที่ยว ไม่ได้ใช้เงินที่หามา เราไม่ได้เปย์ตัวเองให้มีความสุขเลย เที่ยวน้อยมาก ล่าสุดไปคือเที่ยวจริงๆ ถ้าไปกับครอบครัวเที่ยวต่างประเทศถือว่าเป็นครั้งแรก พอพูดว่าแม่หนูอยากไปญี่ปุ่น แม่บอกไปเลยมั้ยก็ลางานเลย เดินต่อวันหลายกิโลไม่เคยเดินเยอะขนาดนี้ ไปครั้งนี้คุ้มค่ามาก เจอแดด เจอฝน เจอหิมะ เจอหมดทุกฤดูกาล ช่วงนั้นจะไม่อ่านคอมเมนต์เท่าไหร่เพราะมีบางคนคอมเมนต์ว่าอวดรวย เราก็คิดกับตัวเองที่ผ่านมาเราไม่เคยเที่ยวอะไรแบบนี้มาก่อนเลย เพราะจริงๆ แป้งก็เป็นคนค่อนข้างเหนียวนิดนึงค่ะ (หัวเราะ) มานั่งนึกอวดรวยตรงไหนเหรอ? หนูไปตอบคอมเมนต์ด้วย...หนูขออนุญาตเพราะ
ไม่เคยไปเที่ยวกับครอบครัวเลย ขอเที่ยวกับครอบครัวหน่อย คนก็มาเมนต์เต็มเลย”

ทำงานเยอะๆแฟนไม่บ่นเหรอ “มีบ้าง เจอกันยากนะ แต่แป้งพยายามคุยกันเพราะแป้งมองว่าวงการบันเทิงเหมือนฟองสบู่ เหมือนเราได้รับโอกาสมาเราต้องทำให้เต็มที่ ถ้าวันนึงมันไม่ใช่เวย์ของเราแล้วมันจะแตกโพละเลย วงการบันเทิงเราไม่ได้ยืนตรงนั้นแล้วก็ได้ พอมีโอกาสมาเราทำเต็มที่” กับความรัก แป้งก็คบนาน 10 ปีแล้ว เริ่มคุยเรื่องอนาคตกันหรือยัง “จริงๆทางบ้านเค้ามีคุยบ้างแล้ว แต่แป้งขอทำงานก่อนได้มั้ย พยายามคุยอยู่ค่ะ จริงๆ แป้งไม่ได้ฟิกหรือยึดติดกับการแต่งงาน การแต่งงานจะมีความสุขแล้วจะประสบความสำเร็จ ไม่ได้ฟิกขนาดนั้น” ถ้าเค้าทำเซอร์ไพรส์คุกเข่าขอแต่งงานล่ะพร้อมมั้ย “บอกแล้วว่าเธออย่าทำเซอร์ไพรส์ (หัวเราะ) ถามว่าแอบกลัวมั้ย ไม่ๆ คุยกันเขาก็เข้าใจ” แฟนเราเค้าโตกว่าเรามั้ย “ใช่ค่ะ โตกว่า 3 ปี พี่เค้าเป็นคนนอกวงการ” หน้าตาพระเอกเอ็มวีได้อยู่นะ “เค้าบอกว่าหน้าตาไม่แข็งแรงพอที่จะเข้าวงการ ถ้าเจอคอมเมนต์ทำไมต้องมาว่า เพราะสมัยนี้สังคมโซเชียลแรงมาก”

...

คบกันนานพ่อแม่ว่ายังไงอยากให้แต่งเร็วอุ้มหลานหรือยัง “บ้านเราเป็นครอบครัวสบายๆ ทั้งๆที่คุณพ่อมีลูกเร็วมาก ด้วยยุคสมัยเปลี่ยนไป เขาแล้วแต่เราเลยค่ะ” คบกันยาวๆ ถามจริงๆ มีทะเลาะกันมั้ย “มีค่ะ มีช่วงทะเลาะกันบ้าง เพราะคบกันนานมันก็มีอยู่แล้ว ทำไมทำงานเยอะไม่เจอเลยก็มี ก็พยายามหาเวลาต้องคุยกันว่า เดี๋ยวไปนี่มั้ย ไปกินข้าวกัน เราพยายามหาจุดตรงกัน เขาโอเค เราก็โอเค โชคดีพี่เค้าก็เป็นคนทำงานเยอะเหมือนกัน” ใครเป็นคนโรแมนติกมากกว่า “เขาจะโรแมนติกมากกว่าค่ะ แป้งไม่ค่อยเท่าไหร่ ไม่รู้จะแสดงออกยังไงมากกว่า”

มีของขวัญแทนใจ “ก็ได้รับมาทุกปีนะคะ วันนึงเราโตแล้วแค่เจอกัน กินขาว มันก็โอเคแล้วนะ เราไม่ได้ยึดติดกับอะไรเลย” คบกันนานๆ ถามจริงมีช่วงปล่อยมือกันมั้ย “มีๆ ช่วงทำงานเยอะๆ แต่ท้ายที่สุดถ้าเรายังรักกันอยู่มันก็ยังไปต่อได้ อาศัยไปต่อได้” ช่วงนั้นเป็นอาถรรพณ์ 7 ปีหรือเปล่า “ใช่ๆ ช่วง 7 ปีพอดี ซึ่งนานมาแล้วหลังจากนั้นไม่มีอะไรแล้ว 7 ปีมันน่ากลัว คบกันมานาน เขาจะรู้ว่าหนูติดบ้านมาก ติดพ่อกับแม่มากๆ เหมือนเราอยู่กับพ่อแม่ทุกวัน จนบางทีพ่อไล่บอกไปเที่ยวกับเพื่อนบ้างก็ได้นะ เราก็ไม่ค่อยอยากไปเที่ยว อยากอยู่บ้านมากกว่า”

สุดท้ายแป้งมองเป้าหมายชีวิตตัวเองยังไงบ้าง “หนูยังคงอยากได้งานวงการบันเทิงที่แตกต่างกันออกไป ไม่ได้ฟิกตัวเองเป็นนางเอกแล้วจะต้องเป็นนางเอกทุกเรื่อง เพราะว่าเราอยากมีความรู้สึกเติบโตในตัวเองเหมือนกัน เล่นบทนางเอกพัฒนาตัวอยู่ทุกวัน พยายามเรียนรู้ ดู ศึกษาซีรีส์เกาหลี ละครไทย อยากพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆค่ะ”.

เรื่อง: วรรณี ห่อวโนทยาน
ภาพ : สุรกิจ แก้วมรกต

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่