ได้โชว์ฝีมือการแสดงถึง 2 บทบาทในละคร “แม่โขง” ช่อง 7HD ทำเอาสาว “เจด้า-ศรัณย่า ชุณหศาสตร์” ถูกใจได้เปิดโลกบู๊แบบที่แตกต่างและชีวิตจริงตอนนี้ก็เปิดหัวใจ เลยชวนเจด้าบอกเล่าเรื่องราว

เริ่มจากในละครแม่โขง

“เรื่องนี้ เจด้ารับบท 2 ตัวละครคือ ซู เป็นภรรยาเก่าของ เดฟ (มิกค์ ทองระย้า) อีกตัวละครคือ ไพลิน ทั้ง 2 ตัวละครต่างกันมาก ซูภรรยาเก่าของเดฟ มีความเรียบร้อย ส่วนไพลินจะเป็นนักสู้ บู๊ มีอุดม การณ์ชัดเจน มาเพื่อกำจัดพระเอก เป็นนักฆ่า”

บู๊หนักขนาดไหน?

“ใช้คำว่าบู๊แตกแตน บู๊เยอะมาก ก่อนหน้านี้ได้เล่นบู๊มาเยอะ แต่เรื่องนี้จะเป็นการบู๊ที่แตกต่าง ทั้งเรื่องท่าทางการจับปืน การยิงปืน ปืนเล็ก ปืนสั้น ปืนใหญ่คือมีหมด หรือการบู๊เตะต่อยมีความผาดโผนมากขึ้น เป็นท่าที่ยากมากขึ้น”

หลุยส์ เฮสบอกว่าเจด้าชอบไปเจาะยางเค้า?

“(หัวเราะ) คือต้องบอกว่าตอนถ่ายขวางทางปืนด้วยกัน พี่หลุยส์คือเรียบร้อยมาก พอมาละครแม่โขงเค้ายังคงมีความสุภาพอยู่แต่ว่ามีความร้ายขึ้นมา เค้าต่อปากต่อคำกับพี่เวอร์ (โอริเวอร์ บีเวอร์) หนักมาก สู้คนขึ้น พี่หลุยส์ เป็นคนที่มีคาแรกเตอร์ที่ทุกคนอยากแกล้งค่ะ”

...

เรื่องพญานาคเจด้ามีเจอเหตุการณ์แปลกๆมั้ย?

“ส่วนตัวเจไม่เคยเจอ แต่ว่าพอเราไปอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์นักแสดงทุกคนจะมองหน้ากันและรู้สึกได้ว่าสถานที่นี้มีอะไรที่ศักดิ์สิทธิ์และตัวเจต้องเล่นว่าเจเชื่อ ซึ่งเจก็เชื่อว่าทุกคนเชื่อจริงๆ การไหว้ เราไหว้จากใจที่ศรัทธาจริงๆ”

เป็นสายมูอยู่แล้ว?

“ใช่ค่ะ”

มีมูขอความรักบ้างมั้ย?

“ยังไม่มีเลยค่ะ เชื่อมั้ยตั้งแต่เด็กจนโต ไม่ว่าจะไหว้พระขอพร หรือว่าเดินทางไปที่ไหนก็ตาม ยังไม่เคยขอพรเรื่องความรักเลย คือเจรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องของโชคเท่าไหร่ บางคนอาจจะมองว่าได้แฟนดีเหมือนถูกหวย แต่เจรู้สึกว่ามันเรียบง่ายกว่านั้น แค่รู้สึกว่าใช่หรือไม่ใช่เท่านั้นเอง และรู้สึกว่าถ้าเราซื่อสัตย์กับความรู้สึกคือชอบก็บอกชอบ ไม่ชอบก็บอกไม่ชอบ ทำให้ความรักมันเรียบง่าย ทุกอย่างจะโอเค”

ใช้ความรู้สึกตัวเองตัดสินมากกว่า?

“ใช่ค่ะ ตอนนี้เจก็ 30 แล้ว เจรู้สึกว่าเราโตขึ้น เรากล้าพูดมากขึ้น คือเมื่อก่อนเวลาใครพูดอะไร ไม่เป็นไรค่ะ ปฏิเสธคนไม่เป็น แต่พอเราโตขึ้นแก่ขึ้น เรารู้สึกว่าไม่ได้แล้ว เราต้องซื่อสัตย์กับใจตัวเอง เมื่อก่อนความรักเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเราแต่พอโตขึ้นคือความรักมันกลายเป็นเรื่องเล็ก แต่วันนี้ครอบครัวคือเรื่องใหญ่ ทำมาหากินคือเรื่องใหญ่ การเงินคือเรื่องใหญ่ เรื่องทุกอย่างมันใหญ่มากกว่าความรักในชีวิตเรา ก็เลยไม่ได้ไปมองเลย”

ตอนนี้เริ่มเปิดใจ?

“ที่ผ่านมาไม่ได้ปิดนะคะ เพียงแต่ว่าก็ถ่ายละคร และอยู่กับเพื่อนๆก็อาจจะมีคนที่คุยมากกว่าปกติเท่านั้นเอง ไม่ได้ตอบแบบดารานักแสดงนะคะ เพียงแต่ว่ายังไม่ใช่แฟน อยู่ในช่วงศึกษากัน”

เป็นนักแสดงด้วยกันมั้ย?

“ไม่ใช่ค่ะ เป็นคนนอกเลย”

ประสบการณ์ที่ผ่านมาหรือเปล่าเลยมองคนนอกวงการดีกว่า?

“คือในวงการหรือนอกวงการไม่ใช่หัวข้อที่เจใช้ในการตัดสินใจ อย่างที่บอกเลยว่าเรียบง่าย คุยแล้วใช่ก็คือใช่เท่านั้นเอง”

เป็นเพื่อนวัยเดียวกัน?

“เป็นเพื่อนรุ่นพี่ แก๊งเดียวกัน โตกว่ากันนิดหน่อย”

อะไรที่ทำให้เปิดใจคุย?

“ก็ไม่รู้เลยค่ะ อาจจะเป็นความสบายใจมากกว่า”

เค้าตามใจ?

“ก็ไม่นะคะ คือเจมองว่าเราเหมือนเพื่อน คุยกันทุกเรื่อง”

จากประสบการณ์ที่ผ่านมาเราเอามาปรับอย่างไรในรักครั้งนี้?

“ไม่ได้เอามาเลยค่ะ เพราะแต่ละครั้งแต่ละความสัมพันธ์มีความแตกต่างกัน ก็คือดูหน้างาน ดูวินาทีนั้น ดูใจตัวเองว่าถ้ามันรู้สึกอย่างไรก็เป็นไปตามนั้นเท่านั้นเอง”

เริ่มคิดเรื่องแต่งงานหรือยัง ขึ้นเลข 3 แล้ว?

...

“เจเป็นคนที่ไม่ได้เห็นภาพตัวเองในอนาคตเรื่องแต่งงาน มีลูกมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เห็นภาพตัวเองคือพาแม่ไปกินข้าว พาพี่สาว พาพ่อไปกินข้าวครอบครัว เห็นภาพตัวเราเป็นลูกอยู่เสมอ ยังไม่เคยมองเห็นภาพว่าตัวเองเป็นแม่อย่างไร แต่พยายามบังคับพี่สาวตัวเองอยู่ว่า แต่งงาน มีลูกได้แล้ว อยากอุ้มหลาน (หัวเราะ) เจยังอยากดูแลพ่อแม่จริงๆ”

ยังไม่ถึงเวลา?

“คือเจยังไม่รู้สึก”

กับโหน–ธนากร อดีตคนรัก ยังมีโอกาสได้เจอได้คุยกันมั้ย?

“มีโอกาสได้คุยกันบ้างนิดหน่อยแต่ไม่มาก เรื่องร่วมงานก็มีโอกาสได้เจอกันบ้าง แต่ยังไม่ได้คุยกันมาก ยังไม่ได้มีโอกาสแบบร่วมงานละคร แต่แว่วๆว่าอาจจะมีโอกาสได้ร่วมงานกันในอนาคต”

ยังคุยกันได้?

“ใช่ค่ะ ร่วมงานกันได้ คุยกันได้ เจก็ไม่แน่ใจว่าเค้ามีคนคุยหรือเปล่า คือเราก็ต้องให้เกียรติทางเขาด้วย ถ้าถึงเวลาวันหนึ่งข้างหน้า เจกับเค้าจะเป็นเพื่อนกันอย่างโอเคมากๆเลย”

หลังจากตัดสินใจแยกกันก็มีคำถามว่าเรายังเป็นเพื่อนกันมั้ย?

“ยังคงเป็นเพื่อนกันค่ะ เจยังหวังดีกับเค้าเสมอเลย”

...

เค้ายังมีทักทายบ้าง?

“นานๆทีค่ะ แบบตามโอกาสวันเกิดเขาก็จะมีอวยพร”

โตขึ้นเห็นลุคที่เปลี่ยนไป เซ็กซี่ขึ้น?

“นิดหนึ่งค่ะ”

เปิดโลกมากขึ้น?

“เพราะอะไรเจก็ไม่แน่ใจ คือเริ่มจากดูเสื้อผ้าในอินสตาแกรม แบบที่เราชอบมันเริ่มเปลี่ยนไปเอง เราเห็นเพื่อนๆในไอจี เหมือนที่โตไปพร้อมกัน รวมถึงเพื่อนที่เราฟอลโล ก็ไม่แน่ใจว่าเพราะตรงนั้นด้วยมั้ยที่ทำให้เรากลมกลืนไป ถ้าถามว่าจุดเปลี่ยนที่มาเซ็กซี่มีมั้ย ถ้าตรงๆคงไม่มีเลย จะมีนิดๆ หน่อยๆ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เราจะเป็นสไตล์คอกลม รองเท้าผ้าใบ”

เกี่ยวมั้ยว่าโสดแล้วเริ่มดูแลตนเอง แบบสวยแซ่บ?

“เจไม่ได้คิดถึงตรงนั้นเลย แต่ยอมรับว่ามีเวลาดูแลตนเองมากขึ้น ไม่ได้คิดว่าดูแลเพื่อที่จะจุดประสงค์อะไร เหมือนแค่เราว่าง เราก็ไป ที่ผ่านมามีเวลาเราไปกินข้าวกับแฟน ตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็นเราไปคลินิก (หัวเราะ) ยิ่งเราถ่ายละครอยู่กลางแดดตลอด เรายิ่งดูแลตัวเองมากขึ้น”

คนแซวว่าเดี๋ยวนี้เจเซ็กซี่ขึ้น?

“ไฟลุก (หัวเราะ) ก็จะมีคนแซวๆ จริงๆ คำนวณจากอายุทุกคนก็จะรู้ว่าถ้าไม่ตอนนี้ก็จะไม่มีเวลาแล้ว”

จะได้เห็นวันพีซทูพีซมั้ย?

“ไม่ค่ะ อันนั้นไม่เห็น”

แค่สปอร์ตบาร์?

“คือถ้าจะเป็นชุดว่ายน้ำจ๋าๆ เลยคงไม่ เราอาจจะมั่นใจแต่ยังไม่มั่นใจขนาดนั้น”.

เม้าท์ชัด จัดทุกตอน ติดตามได้ที่ www.thairath.co.th/novel และ Facebook Fanpage : นิยายไทยรัฐ

...

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่