เทคโนโลยีปัญญา ประดิษฐ์ (Artificial intelligence: AI) ถูกหยิบยกมาพูดถึงในวงการ ว่าเป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่มาแรงในยุคนี้ กับการพัฒนาการมาหลายสิบปีต่อเนื่อง จากความชาญฉลาดของมนุษย์ที่พัฒนาขีดความสามารถของคอมพิวเตอร์ให้มีความสามารถคล้ายมนุษย์ คิดเองได้ มีการเลียนแบบพฤติกรรมของมนุษย์ และโลกของเราได้ก้าวเข้าสู่ยุคนี้อย่างเต็มตัวหลังจากการใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตในอดีตย้อนหลังไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ทาง “ไอบีเอ็ม” ได้พัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่และถูกเขียนโปรแกรมสำหรับการเล่นหมากรุกโดยเฉพาะ ที่เรียกว่า Deep Blue ได้สร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้คนเป็นอย่างมากเมื่อเอาชนะแชมป์หมากรุกโลกได้ภายในเวลาตามกติกามาถึงวันนี้ความชาญฉลาดของ AI ได้ถูกบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่มองว่าเป็นอนาคตไม่ว่าจะเป็นแอปเปิล, กูเกิล, ไมโครซอฟท์, อเมซอน, เฟซบุ๊กและไลน์ เป็นต้น ได้เริ่มพัฒนาและใช้งานในเชิงพาณิชย์กันมาแล้ว แต่ ก็ยังไม่ถึงเป้าหมายเพราะ AI ที่โต้ตอบกับมนุษย์ ได้ยังไม่ฉลาดพอเพียง แต่รับคำสั่งให้ทำโน่นทำนี่ ค้นหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตแต่ทุกค่ายก็เร่งพัฒนา AI ที่สั่งงานด้วยเสียงไม่ว่าจะเป็น Siri ของแอปเปิล, Google Assistant, Alexa ของอเมซอน, Cortana ของไมโครซอฟท์ เป็นต้น ซึ่งในปีนี้เองก็ได้เห็นลำโพงอัจฉริยะของค่ายอเมซอนได้เปิดตัวไปล่วงหน้า เป็นอุปกรณ์ขนาดเล็ก ที่ส่งเสียงรอบทิศทาง มี Alexa เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะเพื่อรับใช้เจ้าของ สั่งให้ทำงานอัตโนมัติ ควบคุมอุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้านหรือสมาร์ทโฮม สั่งให้โทรศัพท์ เป็นต้น และมีอีกหลายค่ายจ่อคิวเปิดตัวในปีนี้เช่นกันขณะที่เทคโนโลยี AI สำหรับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ได้มองเห็นอนาคตที่จะเป็นเครื่องมือทำงานแทนมนุษย์ เช่นการพัฒนา Chatbot หรือผู้ช่วยอัจฉริยะ สำหรับธุรกิจการตลาดทำงานคล้ายกับคอลเซ็นเตอร์ ดูแลลูกค้าอัตโนมัติ เป็น “หุ่นยนต์แชต” ที่ดูแลลูกค้าแบบส่วนบุคคล ช่วยวางแผนและหาสิ่งที่ลูกค้าต้องการมากที่สุด คุ้มที่สุด เหมือนคอลเซ็นเตอร์ที่บริการเรียลไทม์ โดยที่มนุษย์ธรรมดาทั่วไปไม่สามารถมองออกได้ ที่ใกล้จะเป็นความจริงที่สุดก็คือ “เทคโนโลยีรถไร้คนขับ” ที่เห็นข่าวหลายๆ ค่ายเร่งพัฒนาจนเป็นข่าวรายวันทางด้าน “ไป่ตู้” ผู้ให้บริการสืบค้นข้อมูลออนไลน์ของจีนได้มีการพัฒนา AI ที่ชัดเจน ซึ่งเทคโนโลยีการจดจำใบหน้าได้ถูกนำมาใช้ให้ครอบครัวชาวจีน ที่ลูกชายวัย 27 ปี ถูกพลัดพรากตั้งแต่เด็ก เป็นสื่อนำให้มาเจอกันอีกครั้ง พร้อมกับการตรวจดีเอ็นเอได้ยืนยันตามด้วย อย่างไรก็ตามระบบนี้ยังไม่สมบูรณ์เพราะประสบความสำเร็จเพียงไม่กี่รายเท่านั้นแต่ทุกคนมีความเชื่อว่าอนาคตอันใกล้นี้จะใช้ได้จริงจังและมีประสิทธิภาพ และยังมองไปถึงอนาคตมนุษย์ครึ่งค่อนโลกต้องตกงานกับฝีมือมนุษย์ที่คิดค้นขึ้นมา!!หนุ่มดิจิทัลcybernet@thairath.co.th