พญ.เชิดชู อริยศรีวัฒนา กรรมการแพทยสภา ได้มาให้ข้อมูลของประเทศไทย สืบเนื่องจากรายงานการวิเคราะห์เรื่องประสิทธิภาพการใช้จ่ายในบริการด้านสุขภาพของนานาประเทศทั่วโลกซึ่งเผยแพร่ในวันที่ 19 กันยายน 2561 ของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก (และใช้ข้อมูลการวิเคราะห์ในปี ค.ศ. 2015) โดยได้รายงานว่า ประเทศไทยมีการพัฒนาประสิทธิภาพการใช้จ่ายในการให้บริการสุขภาพดีขึ้นจากลำดับเดิมเมื่อปีที่แล้ว มากกว่าประเทศอื่นๆทั้งหมด (รายงาน 56 ประเทศ)กล่าวคือค่าใช้จ่ายต่อหัวของประชาชนลดลงถึง 40% เหลือเพียง 219 ดอลลาร์อเมริกัน (หรือประมาณ 7,200 บาท) ต่อปี โดยมีอายุขัยเฉลี่ยของประชาชนเพิ่มขึ้นเป็น 75.1 ปีในขณะที่ประเทศอื่นล้วนใช้จ่ายงบประมาณในการให้บริการสุขภาพแก่ประชาชนมากกว่าประเทศไทยทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน เกาหลีใต้ หรือจีน หรือในประเทศตะวันตก เช่น สหรัฐฯ อังกฤษ ทั้งนี้ การเปรียบเทียบดัชนีประสิทธิภาพการใช้จ่ายในบริการสุขภาพประชาชนในแต่ละประเทศนี้ จะเปรียบเทียบเฉพาะประเทศที่ประชาชนมีอายุขัยเฉลี่ยมากกว่า 70 ปีขึ้นไป มี GDP เฉลี่ยต่อหัวมากกว่า 5,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ และมีประชากรมากกว่า 5 ล้านคน และข้อมูลที่นำมาใช้ในการจัดลำดับประสิทธิภาพในการใช้จ่ายด้านสุขภาพของประเทศต่างๆก็คือ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเป็นเปอร์เซ็นต์ของรายได้มวลรวมประชาชาติ (GDP)และค่าใช้จ่ายต่อหัวประชาชนคิดเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และอายุขัยเฉลี่ยของประชาชนมากกว่า 70 ปีชาวอเมริกันมีอายุขัยเฉลี่ย 79 ปี โดยสหรัฐฯมีค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพต่อหัวประชากรสูงเป็นอันดับที่สอง (9,818 ดอลลาร์) รองจากสวิตเซอร์แลนด์ (9,536 ดอลลาร์) ซึ่งบลูมเบิร์กสรุปว่า สวิสมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าสหรัฐฯ 282 ดอลลาร์ ทำให้ประชาชนมีอายุขัยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอีก 4.2 ปี (83 ปี) มากกว่าประชาชนอเมริกัน (79.1 ปี)รายงานนี้ยังสรุปอีกว่า สหรัฐฯเป็นประเทศที่มีดัชนีประสิทธิภาพการใช้จ่ายด้านสุขภาพต่ำที่สุดในโลก เปรียบเทียบกับสาธารณรัฐเช็ก ซึ่งประชาชนมีอายุขัยเฉลี่ยเท่ากับสหรัฐฯ แต่สหรัฐฯมีค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ (เปรียบเทียบกับ GDP) สูงกว่าสาธารณรัฐเช็ก 2 เท่ากล่าวคือสหรัฐฯมีค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพคิดเป็น 16.8% ของ GDP ในขณะที่สาธารณรัฐเช็กใช้ไปเพียง 7.3% และคาดหมายว่าค่าใช้จ่ายของสหรัฐฯจะเพิ่มเป็น 18% ของ GDP ซึ่งค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของสหรัฐฯนี้รายงานหลังจากมีการใช้ “Obama Care” มาแล้ว 2 ปีเต็ม ซึ่งมีการขยายการเข้าถึงบริการประกันสุขภาพและการจ่ายเงินชดเชยเริ่มต้นจากเดือนมกราคม 2014 การจัดประสิทธิภาพในระบบสุขภาพตามการจัดลำดับของบลูมเบิร์กนั้น ใช้ข้อมูลค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพทั้งหมดคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของ GDP และจำนวนเงินที่จ่ายจริงต่อหัวประชากร และอายุขัยเฉลี่ยของประชากรเป็นสำคัญ โดยประเทศที่มีประสิทธิภาพในการใช้จ่ายสูงสุดตามลำดับ ได้แก่1.ฮ่องกง มีประสิทธิภาพสูงสุด 87.3 เปอร์เซ็นต์ อายุขัยเฉลี่ยของประชาชน 84.3 ปี ค่าใช้จ่าย 5.7% ของ GDP ค่าใช้จ่าย 2,222 ดอลลาร์ต่อหัวต่อปี ในขณะที่สิงคโปร์อยู่ในลำดับที่ 2 ประสิทธิภาพ 85.6% ค่าใช้จ่าย 4.3% ค่าใช้จ่ายต่อหัว 2,280 ดอลลาร์ ส่วนประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 27 (ขึ้นมาจากลำดับที่ 41 เมื่อปีที่แล้ว) มีค่าใช้จ่าย 3.8% ค่าใช้จ่ายต่อหัว 219 ดอลลาร์ ประเทศมาเลเซีย อยู่ในลำดับที่ 29 มีค่าใช้จ่ายต่อหัว 3.9% หรือ 377 ดอลลาร์ต่อคนต่อปี ประเทศจีนอยู่ในลำดับที่ 20 มีค่าใช้จ่าย 5.3% หรือ 426 ดอลลาร์เมื่อดูค่าใช้จ่ายในบริการสุขภาพจะพบว่าไทยมีค่าใช้จ่ายต่อหัวต่ำที่สุดในโลก เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศต่างๆ 56 ประเทศ จากรายงานนี้ และมีค่าใช้จ่ายเปรียบเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ของ GDP ต่ำมากอีกเช่นกัน และประเทศที่มีค่าใช้จ่ายต่อหัวของประชาชนสูงที่สุดคือ สหรัฐอเมริกา และมีอัตราค่าใช้จ่ายทั้งหมดสูงที่สุดคือ 16.8% ของ GDP...ประเทศที่มีค่าใช้จ่ายเปรียบเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ GDP ต่ำที่สุดคือ เวเนซุเอลา มีค่าใช้จ่าย 3.2% ของ GDP แต่ค่าใช้จ่ายต่อหัวเท่ากับ 973 ดอลลาร์ ส่วนประเทศที่มีค่าใช้จ่ายสูงสุดเปรียบเทียบกับ GDP คือประเทศสหรัฐอเมริกา 16.8% ของ GDP หรือค่าใช้จ่ายต่อหัวเท่ากับ 9,563 ดอลลาร์ ในขณะที่ประเทศที่มีค่าใช้จ่ายต่อหัวของประชาชนสูงเป็นอันดับที่สองรองจากสหรัฐฯคือสวิตเซอร์แลนด์ มีค่าใช้จ่ายต่อหัว 9,818 ดอลลาร์ คิดเป็น 12.1% ของ GDP ส่วนประเทศไทยมีค่าใช้จ่าย 3.8% ของ GDPส่วนประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นต้นแบบของระบบหลักประกันสุขภาพของไทย มีค่าใช้จ่ายต่อหัว 4,356 ดอลลาร์ คิดเป็น 9.9% ของ GDPในขณะที่รายงานนี้กล่าวว่า ประเทศไทยมีประสิทธิภาพการใช้จ่ายด้านสุขภาพเปลี่ยนแปลงดีขึ้นมากที่สุดในโลก และประเทศไทยมีอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวด้านการแพทย์ เป็นอุตสาหกรรมที่เติบโตรวดเร็วที่สุด จากการอ่านรายงานนี้ อาจทำให้ประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมีแนวคิดที่ได้เคยกล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่สามารถใช้งบประมาณต่ำที่สุดในการดูแลสุขภาพประชาชนได้มากที่สุด.หมอดื้อ