วัชระเย้ยมีแต่จุ๊ดจู๋ พท.ล็อกสเปกหน. สู้เผด็จการ-เจ๋งศก.พท.-ปชป.รุมถล่มรัฐบาล คสช.ต่อ “ชัยเกษม” ซัดจ้องเอาเปรียบทุกประตู “วรชัย” ล็อกสเปกผู้นำเพื่อไทยคนใหม่ ต้านเผด็จการ-เก่ง ศก. “นิพิฏฐ์” ถอดรหัสคลายล็อก 3 ขั้น “วิรัตน์” แจงสี่เบี้ยเหตุขอใช้ ม.44 “วัชระ” ชี้ชัดเจนใครพรรคหลักใครลิ่วล้อ คสช. เย้ยพรรคทหารอายุสั้นจุ๊ดจู๋ยิ่งกว่าต้นมะละกอ “ตือ” ไม่เชื่อมั่นแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี กระทุ้งอย่าจับ ก.ม.ลูกเป็นตัวประกัน “ทักษิณ-ปู” โผล่อังกฤษเดินช็อปชิลๆกลางกรุงลอนดอน “บิ๊กตู่” โชว์บทผู้นำ 3 ลุ่มน้ำ ฝันเป็นกลจักรสำคัญเศรษฐกิจโลกความคลุมเครือเกี่ยวกับโรดแม็ปการเลือกตั้ง รวมถึงประเด็นที่ยังติดล็อกเงื่อนไขในการปฏิบัติตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ยังคงสร้างความหวาดระแวงให้กับพรรคการเมืองต่างๆ แม้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี จะเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว แต่ยังไม่สามารถให้ความชัดเจนใดๆได้ “บิ๊กตู่” เปิดเวทีผู้นำ 3 ลุ่มน้ำเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 16 มิ.ย.ที่โรงแรมแชงกรี-ลา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมสุดยอดผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS Summit) ครั้งที่ 8 โดยมีผู้นำประเทศสมาชิก อูวินมยิน ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุน เซน นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา นายเหงียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และนายทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เข้าร่วม โดยนายกฯกล่าวเปิดการประชุมภายใต้หัวข้อ “การก้าวไปสู่ประชาคมลุ่มแม่น้ำโขงที่เชื่อมโยงกัน” ว่า เชื่อว่าการรวมตัวและความเชื่อมโยง เป็นปัจจัยสำคัญต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และการพัฒนาอย่างยั่งยืน เราต้องช่วยกันสร้างประชาคม ACMECS เป็นอันหนึ่งอันเดียว เป็นแกนนำสำคัญเสริมสร้างประชาคมอาเซียนชูแผนแม่บทอนุภูมิภาค “3 S”พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ประเทศไทยโดยการสนับสนุนจาก 4 ประเทศสมาชิก ได้ริเริ่มจัดทำแผนแม่บท ACMECS (ค.ศ.2019-2023) ซึ่งเป็นแผนแม่บทฉบับแรกของอนุภูมิภาค เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงานในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า เป้าหมาย 3 ประการภายใต้สโลแกน “3S” ได้แก่ 1.การเสริมสร้างความเชื่อมโยงแบบไร้รอยต่อในอนุภูมิภาค เน้นการเติมเต็มโครงสร้างพื้นฐาน 2.การสอดประสานด้านเศรษฐกิจ เน้นการปรับแก้กฎระเบียบด้านการค้าและการลงทุนให้สอดคล้องกัน ลดความซับซ้อนของกฎระเบียบ 3.การพัฒนาภูมิภาคในลักษณะยั่งยืนและมีนวัตกรรม เน้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ และเห็นพ้องจัดทำโครงการระยะเริ่มแรก 2 ปี ส่งเสริมความเชื่อมโยงตามระเบียงเศรษฐกิจแนวตะวันออก-ตะวันตก และตอนใต้ พร้อมเสนอจัดตั้งกองทุน ACMECS (ACMECS Fund)ฝันเป็นกลจักรสำคัญ ศก.โลกนายกฯกล่าวต่อว่า การรวมตัวของพวกเราสมาชิก ACMECS วันนี้ ถือเป็นการส่งสัญญาณสำคัญต่อประชาคมโลกว่า ACMECS พร้อมจะผนึกกำลังเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อเดินหน้าและกำหนดทิศทางขับเคลื่อนความร่วมมือของ ACMECS สร้างความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนในอนุภูมิภาคของพวกเรา โดยไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง มั่นใจว่าจะเป็นอนุภูมิภาคเศรษฐกิจใหม่ ที่เป็นกลจักรสำคัญของความกินดีอยู่ดีของโลกได้อย่างแท้จริง ไทยประเดิมลงขันกองทุนต่อมา พล.อ.ประยุทธ์แถลงภายหลังประชุมว่า ที่ประชุม ACMECS ได้รับรองเอกสาร 2 ฉบับคือปฏิญาณกรุงเทพและแผนแม่บท ACMECS ระยะเวลา 5 ปี ส่วนเรื่องงบฯตนได้แจ้งว่าให้แต่ละประเทศแสวงหาแหล่งเงินทุนต่างๆดูว่าอะไรเร่งด่วน โดยต้องสร้างความเชื่อมโยงทางบก น้ำและอากาศ และยังเห็นชอบสนับสนุนการจัดอันดับความสำคัญการทำงานระยะ 2 ปีแรกในโครงการหรือแผนงานที่ทำได้ทันที ซึ่งแต่ละประเทศจะไปทำแผนย่อยเพื่อนำไปสู่แผนปฏิบัติการและใช้จ่ายงบฯ ที่สำคัญที่สุดถ้าคิดดีทำดีแต่ไม่มีเงินก็ทำไม่ได้จึงมีการตั้งกองทุน ACMECS Fund ขึ้นโดยไทยสนับสนุนนำร่องจำนวนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการมีส่วนร่วม ทั้งรัฐ เอกชน ประชาชนเพื่อทำให้ ACMECS เดินหน้าไปอย่างยั่งยืนนายนิกรเดช พลางกูร รองอธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กล่าวว่า จะประชุมเจ้าหน้าที่ด้านการเงินการคลังในปีนี้ เพื่อพิจารณาจำนวนเงินประเดิมในการตั้งกองทุน ACMECS โดยจะให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประเทศสมาชิก และเงื่อนไขข้อกฎหมายประกอบกกต. ขอแก้ 4 อุปสรรคก่อน ลต.ช่วงเช้าวันเดียวกันที่โรงเรียนยอแซฟอุปถัมป์ จ.นครปฐม นายประวิช รัตนเพียร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวเปิดอบรมหลักสูตรพลเมืองดีวิถีประชาธิปไตยแก่คณะครูและนักเรียน ว่า ต้องการปลูกฝังการมีส่วนร่วมของประชาชนในการเลือกตั้งทั้งระดับท้องถิ่นและการเลือกตั้งใหญ่ในปีหน้า เพราะกติกาใหม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ยืนยันว่า กกต.พร้อมจัดการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเลือกตั้งท้องถิ่นหรือเลือกตั้งใหญ่ก่อน แม้จะเป็นแค่ กกต.รักษาการแต่ยังมีอำนาจเต็มที่ ส่วนปัญหาการแบ่งเขตเลือกตั้ง และการทำไพรมารีโหวตว่าควรจะใช้มาตรา 44 เพื่อแก้ไขให้ทันกรอบเวลาโรดแม็ปเลือกตั้งหรือไม่ ก็เป็นเพียงเครื่องมือหนึ่ง แต่สิ่งสำคัญกว่านั้นหากมีการเลือกตั้งในปีหน้า ต้องแก้ปัญหาอุปสรรค 4 ข้อตามที่มีการสรุปในที่ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดเลือกตั้ง โดยไม่จำเป็นต้องเร่งรัดแก้ไขภายในเดือนนี้ยังมีเวลากก.บห.ทำไพรมารีเองไม่ได้นายประวิชกล่าวอีกว่า ยืนยันว่า กกต.ไม่ได้มีความเห็นให้ยกเลิก หรือไม่ให้ทำไพรมารีโหวตเพราะมีปัญหาเรื่องกรอบเวลา แต่ กกต.ได้เสนอต่อที่ประชุมต่อคณะทำงานด้านเทคนิคจัดการเลือกตั้ง ว่าหากจะมีการทำไพรมารีโหวตต้องดำเนินการให้ทันตามเวลา ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ว่าจะต้องแบ่งเขตอย่างไร เรื่องไพรมารีโหวต เป็นเรื่องถกเถียงกันมาตลอดว่าใช้กับประเทศที่ใช้ระบบประธานาธิบดี โดยมีกำหนดเวลาชัดเจนว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อไหร่ ต้องใช้เวลาทำร่วมปี แต่หากจะใช้มติที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคแทน โดยอ้างว่าเป็นสาขาพรรคที่เป็นตัวแทนจากประชาชน ไม่น่าจะทำได้ เพราะผิดวัตถุประสงค์ซัดจ้องเอาเปรียบทุกประตูด้านนายชัยเกษม นิติสิริ อดีต รมว.ยุติธรรมและแกนนำพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงผลการหารือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดเลือกตั้ง โดยเตรียมเสนอ 4 ประเด็นปัญหาให้นายกฯและ คสช. หาทางออกจากคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ว่า เมื่อมีโรดแม็ปเลือกตั้งชัดเจนแล้ว คำสั่งเหล่านี้ต้องยกเลิกไปทั้งหมด ต้องปลดล็อก ไม่ใช่คลายล็อก การอ้างเรื่องความสงบเท่ากับโชว์ว่า คสช.ไม่มีประสิทธิภาพพอที่จะรักษาความสงบ และจากข่าวมีพรรคเล็กพรรคน้อยไปสนับสนุน มีพลังดูด จะทำให้เข้าใจได้ว่า คสช.ต้องมีส่วนแน่นอน การที่ยังไม่ยอมปลดล็อกยังเก็บโน่นเก็บนี่ไว้ ก็เพื่อประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง คิดว่ายังมีอำนาจก็ทำไป แต่เมื่อถึงเวลาเลือกตั้งประชาชนได้รับรู้แล้ว เสียงจะเทไปฝ่ายตรงข้าม พูดง่ายๆว่าเมื่อจะเป็นนักการเมืองแล้ว เจอช่องตรงไหนที่ทำให้ได้เปรียบก็ทำทุกเรื่อง ทำในสิ่งที่เคยด่านักการเมืองเก่าๆไว้ ลากอำนาจพิเศษโลกครหาเมื่อถามว่านายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ยังไม่กล้าฟันธงจะมีเลือกตั้งในเดือน ก.พ.2562 นายชัยเกษมตอบว่า หากเลื่อนเลือกตั้งแล้วตัวแปรไม่สมเหตุสมผลก็จะเหมือนอดีต คือมีคนทนไม่ได้ คนบางกลุ่ม ประชาชน นักศึกษา คนที่เห็นว่าถ้าอยู่ต่อไปบ้านเมืองมีแต่ความเสียหาย ในที่สุดหนีไม่พ้นการต่อสู้ด้วยมวลชน ซึ่งไม่ดีกับประเทศและตนไม่สนับสนุน แต่การปล่อยให้ประเทศจมปรักอย่างนี้คงไม่มีใครเห็นด้วย ส่วนการเชิญพรรคการเมืองพูดคุยในช่วงปลายเดือน มิ.ย. พรรคเพื่อไทยมองว่าไม่ใช่หน้าที่ของรัฐบาลและ คสช. ควรเป็น กกต. แม้เราจะไม่มั่นใจนักว่า กกต.มีความเป็นกลางเต็มที่หรือไม่ แต่ตามรัฐธรรมนูญไม่ว่าฉบับไหน ต้องเป็นหน้าที่ กกต. รัฐบาลควรเป็นรัฐบาลรักษาการด้วยซ้ำ ไม่ใช่มาใช้อำนาจเต็ม ใช้อำนาจมาตรา 44 จนกว่าจะได้รัฐบาลใหม่มา ความเป็นธรรมจะเกิดขึ้นยาก คำครหาจะเกิดขึ้นไปทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะในประเทศ“วรชัย” ล็อกสเปกผู้นำพรรคนายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐบาล คสช. บริหารแบบเผด็จการมา 4 ปี ประเทศไม่ก้าวหน้าไปไหนการเลือกตั้งครั้งนี้จึงมีความสำคัญชี้วัดว่าประชาชนจะเลือกพรรคที่ฝักใฝ่เผด็จการ หรือพรรคที่ยืนข้างประชาชนต่อต้านเผด็จการ เมื่อ คสช. เปิดโอกาสให้ทำกิจกรรมได้ พรรคเพื่อไทยต้องเลือกผู้นำคนใหม่ จากพูดคุยกับอดีต ส.ส. และแกนนำพรรคบางส่วน รวมถึงสอบถามความต้องการประชาชน มีความเห็นตรงกันว่าคุณสมบัติผู้ที่จะมานำพรรค คือยืนข้างฝ่ายประชาธิปไตย ต่อสู้กับเผด็จการเคียงข้างประชาชนมาตลอด ต้องมีความรู้ความสามารถเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง เพราะนี่คือจุดแข็งมาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน จนมาถึงเพื่อไทย ที่ประชาชนให้ความเชื่อมั่นต่อพรรค ใครมาเป็นผู้นำแล้วไม่มี 2 ด้านนี้ พรรคคงเดินด้วยความยากลำบาก เพราะการจะมาเป็นผู้นำพรรค อดีต ส.ส. และประชาชนที่สนับสนุนพรรคต้องให้การยอมรับยืนยันพรรคเพื่อไทยมีอิสระ ใครจะมาเป็นหัวหน้าพรรคต้องได้รับการคัดเลือกจากสมาชิก ไม่มีใครสามารถสั่งการได้“นิพิฏฐ์” ถอดรหัสคลายล็อกขณะที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รัฐบาลคงดูเงื่อนไขระยะเวลาโรดแม็ปแล้ว คิดว่า คสช.จะคลายล็อกเป็น 3 ขั้น คือ 1.ก่อนกฎหมายทั้ง 2 ฉบับประกาศในราชกิจจานุเบกษา อาจคลายล็อกให้พรรคการเมืองจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี เลือกกรรมการบริหารพรรค แก้ไข หรือยกร่างข้อบังคับพรรคการเมือง โดยทุกพรรคต้องทำให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญและกฎหมายใหม่ เมื่อกฎหมายทั้ง 2 ฉบับประกาศลงราชกิจจานุเบกษาแล้ว ยังไม่มีผลบังคับใช้เหมือนเช่นกฎหมายปกติ ต้องหน่วงเวลาไว้อีก 90 วัน ถึงจะมีผลบังคับใช้ตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด 2.เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว คสช.อาจใช้มาตรา 44 หรือ พ.ร.ก. หรือ พ.ร.บ. เพื่อให้ กกต. แบ่งเขตเลือกตั้งก่อนประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งทั่วไปเป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้พรรคมีเวลาเตรียมทำไพรมารีโหวต 3.เมื่อกฎหมายทั้ง 2 ฉบับมีผลบังคับใช้หลังจาก 90 วันแล้ว ก็เริ่มต้นกระบวนการทำไพรมารีโหวต คือคัดเลือกผู้สมัครเบื้องต้นในแต่ละเขตเลือกตั้ง ซึ่งจะค่อนข้างสับสนวุ่นวาย เพราะเป็นระบบใหม่ที่เพิ่งใช้ แต่ทั้งหมดยังอยู่ในกรอบเวลาโรดแม็ป หาก คสช.ปลดล็อกเร็วเท่าไหร่จะยิ่งเรียกฟื้นความเชื่อมั่นได้มากขึ้น “วิรัตน์” แจงสี่เบี้ยขอใช้ ม.44นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เหตุผลที่เสนอให้ คสช.ใช้มาตรา 44 ผ่าทางตันปลดล็อกคำสั่งที่ 53/2560 เพื่อแบ่งเขตเลือกตั้งนั้น เมื่อดูตามเงื่อนเวลาถ้ากฎหมายนับหนึ่งในเดือน ก.ค. ต้องใช้เวลาอีกประมาณ 6 เดือนนับจากนี้ไป จากนั้น กกต.จะเริ่มแบ่งเขตเลือกตั้งได้ในเดือน ธ.ค. ซึ่งขั้นตอนการดำเนินการต้องใช้เวลาอีกประมาณ 2 เดือน แสดงว่าการเลือกตั้งในเดือน ก.พ.2562 สุ่มเสี่ยงจะเกิดไม่ทันตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.รับปากไว้ จึงอยากให้ใช้มาตรา 44 แต่ถ้าไม่แก้ไขแล้วปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปจนกระชั้นชิด ผู้เกี่ยวข้องไปคิดเอาเองแล้วกันว่าการจัดเลือกตั้งจะยืดไปถึงเดือนไหน เพราะการแบ่งเขตเลือกตั้งต้องถามพรรคการเมือง ถามกรรมการ ถามความเห็นประชาชนผู้ใช้สิทธิ ไม่ใช่จู่ๆใครจะไปใช้ดินสอขีดเอาเองตามอำเภอใจได้ ที่สำคัญการเลื่อนโรดแม็ปอีกเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ จะกระทบความเชื่อมั่นประชาชนอย่างรุนแรงชัดเจนพรรคหลัก–พรรคลิ่วล้อนายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายชวน ชูจันทร์ ผู้จดแจ้งตั้งพรรคพลังประชารัฐ ระบุว่าไม่ใช่ผู้เชิญชวนกลุ่มนักการเมืองเก่า เข้าร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ พร้อมยอมรับว่ามาเพราะบุคคลในรัฐบาล คสช.ว่า เท่ากับนายชวน ชูจันทร์ ยอมรับว่านักการเมืองเหล่านี้เข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐผ่านรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ จึงไม่น่าแปลกใจอีกต่อไปว่าพรรคพลังประชารัฐ คือพรรคการเมืองแกนหลักของ คสช. ที่จะสืบทอดอำนาจการเมือง สนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯต่อไป ส่วนพรรค การเมืองเฉพาะกิจอื่นที่ตั้งขึ้นมาใหม่ประกาศจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ล้วนเป็นพรรคบริวารลิ่วล้อ คสช.ทั้งสิ้น นายชวนอาจไม่เคยรู้ถึงธาตุแท้นักการเมืองเก่าบางคน หลายคนที่เข้าไปร่วมพรรคพลังประชารัฐ เพราะคาดว่าตัวเอง หรือภรรยาจะหลุดพ้นข้อกล่าวหาจาก ป.ป.ช. สามารถทำมาหากินจากงบประมาณแผ่นดินได้เย้ยพรรคทหารอายุสั้นจุ๊ดจู๋“แต่ประวัติศาสตร์การเมืองไทย พรรคที่ตั้งมาสืบทอดอำนาจคณะทหาร ไม่เคยมีพรรคใด ประสบความสำเร็จ เพราะตั้งขึ้นมาเฉพาะกิจเพื่อผลประโยชน์ของคณะทหารในยุคนั้นๆ ไม่เคยมีพรรคใดอายุยืนกว่าต้นมะละกอแม้แต่พรรคเดียว พี่ชายนายชวน ชูจันทร์ บอกผมว่านายชวนเรียนหนังสือเก่ง คลั่งไคล้การเมืองมาตั้งแต่หนุ่ม เคยลงสมัคร ส.ส. ส.ว. ทั้งที่ กทม.และลำปาง 4-5 ครั้ง แต่ไม่เคยได้ ตอนนี้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี โทร.มาสั่งให้งดสัมภาษณ์ เลยเงียบๆไป จึงเกรงว่านายชวนในฐานะผู้จดแจ้งจัดตั้งพรรคพลังประชารัฐ จะผิดหวังครั้งใหญ่อีก เพราะแนวคิดและอุดมการณ์พรรคพลังประชารัฐกับพฤติกรรมของรัฐบาลขณะนี้ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับนักการเมืองรุ่นเก๋ากึ๊ก เปรียบเสมือนเส้นขนานของอุดมการณ์ที่ไม่อาจมาบรรจบกันได้ระหว่างความจริงกับความฝันของนายชวน ชูจันทร์” นายวัชระกล่าว“ตือ” ไม่เชื่อมั่นแผนยุทธศาสตร์ด้านนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ที่ประชุม สนช.เพิ่งมี มติเห็นชอบรับร่างแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ยิ่งกว่ากติกา เพราะเป็นแผนอนาคตประเทศ 20 ปีที่จะบอกว่าเราจะเดินไปทางไหน ต้อง ไม่เขียนผูกมัดตัวเอง จำเป็นต้องให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม โดยเฉพาะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติต้องมีที่มาหลากหลาย ทั้งจากภาคประชาชน พลเมือง ผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆมาช่วยกันคิด แต่คณะกรรมการ ยุทธศาสตร์ชาติชุดนี้กลับมีแต่คนที่มาจาก คสช. กองทัพ และ สนช. มีอำนาจกำหนดแผนให้รัฐบาล ชุดต่อไปเดินตาม หากไม่ทำตามมีบทบัญญัติลงโทษอีก จึงเกิดคำครหาว่าเป็นยุทธศาสตร์ชาติหรือยุทธศาสตร์ คสช.กันแน่ “ผมไม่เชื่อมั่นกรรมการยุทธศาสตร์ชุดนี้ว่าจะรอบรู้ทุกเรื่อง อย่างกรรมการยุทธศาสตร์ชาติด้านเศรษฐกิจบางคน เคยรู้บ้างไหมว่ารากหญ้าเป็นอย่างไร ไม่ใช่หยิบตัวเลขจีดีพีที่เติบโตแต่เฉพาะกลุ่มมาเป็นตัวชี้วัดภาพรวมของประเทศ ถ้าดูจากหนี้ภาคครัวเรือนที่มีกว่า 2 แสนล้านบาทแล้ว เศรษฐกิจจะโตร้อยละ 4.8 ได้อย่างไร”อย่าจับ ก.ม.ลูกเป็นตัวประกันนายสมศักดิ์กล่าวต่อว่า แปลกใจที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ระบุว่าจะปลดล็อกทันทีหลังร่างกฎหมายลูกที่เหลืออีก 2 ฉบับมีผลบังคับใช้นั้น ทำไมต้องรอ เพราะรัฐธรรมนูญ พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง บังคับใช้แล้ว เหลือแค่ร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. กับร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. แต่กลับเอามาเป็นตัวประกันอีก ขณะนี้สังคมสับสนไม่รู้ว่าระหว่างรัฐธรรมนูญกับมาตรา 44 สิ่งไหนใหญ่กว่ากัน วันนี้กลายเป็นว่ารัฐธรรมนูญไม่มีความหมาย ใช้แต่มาตรา 44 คิดเกรงใจประชาชนที่ออกมาลงประชามติรัฐธรรมนูญบ้างหรือไม่อัด “สนธิรัตน์” คุยโวไม่รู้จริงนายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ระบุราคาพืชผลทางเกษตรพุ่งสูงสุดในรอบ 10 ปี โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิราคาตันละ 18,700 บาท และมันสำปะหลังกิโลกรัมละ 3.20 บาท ว่า นายสนธิรัตน์เคยแต่รับราชการ รับแต่รายงาน ต่อให้ข้าวหอมมะลิตันละ 50,000 บาท ชาวนาก็ไม่มีข้าวขายเพราะคนทำนาปีส่วนใหญ่เพิ่งหว่านข้าว มันสำปะหลังราคากิโลละ 100 บาท ก็ไม่มีขายเพราะเพิ่งปลูกได้เดือนเดียว แสดงถึงความไม่รู้จริงของ รมว.พาณิชย์ รอถึงเดือนเก็บเกี่ยวก่อนถึงค่อยคุย มิน่าถึงได้แสดงความคิดว่าการซื้อเรือดำน้ำเป็นการสร้างเศรษฐกิจของประเทศ วันนี้ชาวนาจะตายอยู่แล้ว“ปู-ทักษิณ” โผล่อังกฤษช็อปชิลผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงดึกคืนวันที่ 15 มิ.ย. ต่อเนื่องวันที่ 16 มิ.ย. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์อินสตาแกรมเป็นคลิปวิดีโอที่นายทักษิณ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ระหว่างเดินซื้อสินค้าและทักทายแฟนคลับ ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยอดีตนายกฯทั้งคู่จะอยู่ที่อังกฤษไปจนถึงวันที่ 21 มิ.ย. ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของน.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่ออยู่ฉลองครบรอบ 51 ปี ต่อมาเวลาไล่เลี่ยกันเพจเฟซบุ๊ก TV24 สถานีประชาชน ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอดังกล่าว โดยเขียนข้อความระบุว่า “ดร.ทักษิณ ชินวัตร และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 2 อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย มีสีหน้ายิ้มแย้มระหว่างพักผ่อนกับครอบครัว ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ที่ประเทศอังกฤษ”เหน็บสื่อดิสเครดิตรัฐบาลอีกเรื่อง พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ระบุถึงการนำเสนอข่าวของสื่อเรื่องบำเหน็จประจำปี (2 ขั้น) ของเจ้าหน้าที่ คสช. จำนวน 600 คนนั้น ที่ประชุม ครม.เพียงรับทราบข้อเสนอของ คสช.เท่านั้น และให้ฝ่ายความมั่นคงคสช.กลับไปพิจารณาทบทวนหลักเกณฑ์ให้เหมาะสมเป็นธรรมอีกครั้ง ยังไม่ได้อนุมัติให้ดำเนินการตามที่เป็นข่าว มีสื่อเพียงไม่กี่สำนักที่นำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ราวกับต้องการลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาล ที่ผ่านมามีผลงานสำคัญหลายด้าน นอกเหนือจากงานประจำ ก็ควรให้บำเหน็จตอบแทนบ้างตามความเหมาะสม เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ