แม่-ลูกขึ้นโรงพัก ผกก.ปฏิเสธทำร้ายวุ่นไม่เลิกคลิปรอง ผกก.สายไหม บังคับซ้อมผู้ต้องหารับคดีฆ่า ผกก. สายไหม เปิดนัดแถลงข่าวแจงสื่อ ยันหลักฐาน “ภาพกล้องวงจรปิด” มัดผู้ต้องหา และปัดข่าวซ้อมผู้ต้องหา แต่ขณะกำลังนั่งแถลงข่าว 2 แม่ลูกโผล่ขอร่วมฟังและขอความเป็นธรรม บอกภาพกล้องตำรวจตัดต่อ แต่มีภาพจริงและผลตรวจลูกชายถูกซ้อมแม่ร้องรอง ผกก.สายไหม ซ้อมบังคับลูกชายรับเป็นมือปืนยิงคนตาย เปิดเผยเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 5 พ.ค. ที่ สน.สายไหม พ.ต.อ.ทนงศิลป์ มณีโชติ ผกก.สน.สายไหม และ พ.ต.ท.ประพจน์ อนุศิริ รอง ผกก.สส.สน.สายไหม ร่วมกันแถลงข่าวกรณีที่มีการแชร์ในโลกโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับ “แม่โพสต์!! ขอความเป็นธรรมลูกโดน ตร. ซ้อมให้รับคดีฆ่าคนตาย” โดย พ.ต.อ.ทนงศิลป์ แถลงว่า การชี้แจงคดีนี้สืบเนื่องจากได้รับร้องเรียนจากนายพงศธร หรือเอ็ม พุ่มราตรี อายุ 27 ปี และ น.ส.องุ่น พุ่มราตรี อายุ 52 ปี 2 แม่ลูกว่า พ.ต.ท.ประพจน์ อนุศิริ รอง ผกก.สส.สน.สายไหม ทำร้ายร่างกายขณะถูกคุมตัวมาสอบสวนอยู่ที่ห้องฝ่ายสืบสวน สน.สายไหม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจขอชี้แจงว่า คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 เม.ย. ที่ผ่านมา วันเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สายไหม ได้เชิญตัวนายพงศธร พุ่มราตรี มาเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงเนื่องจากอยู่ในที่เกิดเหตุ ไม่ได้มีการแตะเนื้อต้องตัว ไม่ได้ใส่กุญแจมือนายพงศธร และการสอบสวนผู้ต้องหาอยู่พร้อมกับทนายความ นายพงศธรให้การปฏิเสธพ.ต.อ.ทนงศิลป์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ได้ภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นภาพนายพงศธรได้ลงมาจากรถของมือปืน และพากันเดินไปดูผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน ก่อนที่มือปืนจะหลบหนีไป ศาลอนุมัติหมายจับ เจ้าหน้าที่ได้ถ่ายรูปทำประวัติเวลา 15.00 น. ของวันที่ 28 เม.ย. ตอนนั้นผู้ต้องหามีสภาพร่างกายปกติ ไม่มีบาดแผลใดๆ ก่อนที่ผู้ต้องหาแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สน.สายไหม วันที่ 30 เม.ย. เพื่อเอาผิด พ.ต.ท.ประพจน์ ในข้อหา “ทำร้ายร่างกาย” ต่อมาวันที่ 3 พ.ค. ได้ลงโพสต์ภาพว่าโดนทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ หลังจากนี้จะรวบรวมพยานหลักฐานไว้ก่อน หากพบว่านายพงศธรทำให้ภาพลักษณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียหายจะดำเนินคดี ขอยืนยันว่า ทางตำรวจไม่ได้มีการขอเจรจากับผู้ต้องหาเพื่อขอไกล่เกลี่ยตามข่าวที่ปรากฏแต่อย่างใดระหว่างแถลงชี้แจงข่าว ผกก.สน.สายไหม นำภาพถ่ายขณะสอบสวนและทำประวัติมาให้ผู้สื่อข่าวดูว่าผู้ต้องหาไม่มีร่องรอยบาดแผล นายพงศธร และ น.ส.องุ่น มารดา เดินทางเข้ามาร่วมฟังการแถลงข่าว และขอความเป็นธรรมกับผู้สื่อข่าวและเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดย น.ส.องุ่นบอกว่า ภาพกล้องวงจรปิดที่เอามาเป็นหลักฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นภาพที่ตัดต่อมา และมีหลักฐานเป็นภาพกล้องว่านายพงศธรลูกชายไม่ได้มากับมือปืน พร้อมมีหลักฐานการตรวจร่างกายจากทาง รพ.ว่ามีการถูกทำร้ายร่างกายจริง และหากพบว่าลูกไม่ผิดจริง ขอ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรับผิดชอบออกจากราชการนายพงศธรกล่าวว่า วันเกิดเหตุถูกควบคุมตัวมาที่ห้องฝ่ายสืบสวน สน.สายไหม เมื่อไปถึงห้องสืบสวนมีนายตำรวจนั่งอยู่ในห้องหลายคน ตั้งแต่ ผกก. และ รอง ผกก.สน.สายไหม ก่อนจะถามว่า “ไอ้น้องไหนเล่ามาสิว่าคนยิงมันหลบหนีไปไหน ยังไง” วันนั้นตอบไปว่าไม่ทราบ เพราะไม่ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ก่อนที่จะถูกรอง ผกก.สส.สน.สายไหม ทำร้ายร่างกายด้วยการตบใบหน้า 1 ครั้ง จนล้มลง แล้วใช้เท้ากระทืบต่อจนได้รับบาดเจ็บสำหรับคดีที่เป็นเรื่องวุ่นวายเกิดช่วงดึกวันที่ 28 เม.ย. เป็นเหตุทะเลาะวิวาทใช้อาวุธปืนยิงใส่กันมีผู้เสียชีวิต 2 ราย คือนายธันวา พิมจ่อง อายุ 28 ปี และนายภาณุมาศ จีนสกุล อายุ 25 ปี เหตุเกิดภายในซอยพหลโยธิน 54/1 แยก 1-7 แขวงคลองถนน เขตสายไหม สอบสวนผู้ก่อเหตุคือนายพงศธร หรือเอ็ม พุ่มราตรี อายุ 28 ปี และนายเอกชัย หรือซิ่ง ยินดีวงษ์ อายุ 33 ปี ขับรถยนต์ยี่ห้อบีเอ็มดับบลิว สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ชล 4514 กรุงเทพมหานคร ก่อนเกิดเหตุผู้ต้องหาทั้ง 2 คนออกมาจากงานเลี้ยงวันเกิดเพื่อน ขณะกลับบ้านมาถึงจุดเกิดเหตุผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน ขับรถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงิน ทะเบียน ษวล 917 กรุงเทพมหานคร ปาดหน้า ทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายมีปากเสียงท้าทายกัน นายเอกชัยลงจากรถก่อนใช้ปืน 9 มม.กระหน่ำยิง 10 กว่านัดใส่ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน หลังเกิดเหตุควบคุมตัวนายพงศธรได้ขณะขับรถหลบหนีพร้อมรถยนต์ ส่วนนายเอกชัยลงจากรถวิ่งหลบหนีไปได้ เจ้าหน้าที่ขออนุมัติหมายจับของศาล ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา ข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนอยู่ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาพกพาอาวุธปืนฯ ส่วนนายพงศธรถูกแจ้งข้อหาเดียวกัน ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย