สมาชิก

วังนางโหง

ตอนที่ 15


ดานุขับรถราวกับเหาะถึงบ้านธนารักษ์ฯ เห็นรถตำรวจกับรถพยาบาลจอดเต็มหน้าบ้านก็ตกใจ รีบวิ่งเข้าไป เจอพรรวีนอนบนเตียง พยาบาลกำลังเข็นขึ้นรถพยาบาล ดานุตกใจแทบสิ้นสติ

“เกิดอะไรขึ้นพอลลี่ ทำไมพอลลี่ถึงอยู่ที่นี่ล่ะ แล้วพอลลี่เป็นอะไร ใครทำพอลลี่”

พรรวีขอพยาบาลคุยกับดานุ เล่าว่าเตชินบุกมาแก้แค้น จับคุณทับ คุณดวงและตนขังห้องแล้วหายออกไป อีกสักพักพวกตนได้ยินเสียงปืนดังรัวๆ จากนั้นครู่ใหญ่ยงก็มาเปิดประตูให้ เลยพากันตรวจตรารอบบ้าน เจอเตชินเสียสติบอกกลัวผีผู้หญิงที่อยู่ในรูปในห้องพระ และจู่ๆก็วิ่งไปมอบตัวกับตำรวจเอง

ดานุไปที่ห้องพระ กวาดตามองข้าวของหล่นแตกกระจัดกระจาย ไม่อยากเชื่อว่ามีผีมาช่วยคุณตาคุณยายและแฟนสาว

“ดาเรศยังไงล่ะตานุ ดาเรศมาช่วยพวกเราไว้ ...ขอบใจมากนะลูกเรศ” คุณดวงเข้ามาในห้องพระ เอามือลูบภาพดาเรศ น้ำตาไหลพราก

“แสดงว่าลูกเรศยังอยู่แถวนี้สินะ” คุณทับน้ำตาซึม

“พิกุลเองก็ยังไม่ได้ไปไหนครับ ยังคงเป็นห่วงพวกเรา...ผมว่าเราควรทำอะไรสักอย่างเพื่อให้วิญญาณทั้งสองคนไปสู่สุคตินะครับ”

สองสามวันต่อมาเมื่อเหตุการณ์ร้ายคลี่คลาย สมาชิกครอบครัวธนารักษ์นิมนต์พระยันไปทำพิธีส่งวิญญาณพิกุลกับดาเรศที่ท่าน้ำบ้านเรือนไทย โดยมีพรรวี จิรวัฒน์ เพลินและหมอเวกร่วมด้วย ยงกับคำช่วยกันยกเรือมาดลงน้ำ หมอเวกถามพระยันให้เริ่มพิธีเชิญวิญญาณเลยหรือไม่

“ยัง...โยมมีอะไรที่จะให้อาตมารึเปล่า”

พระยันย้อนถาม หมอเวกหน้าจ๋อยที่ถูกรู้ทัน ล้วงย่ามหยิบขวดแก้วกักขังวิญญาณยื่นให้ พระยันรับมาแล้วลงนั่งพนมมือสวดมนต์ ทุกคนทำตามด้วยความเต็มใจ

“ขอให้บุญกุศลที่อาตมาและโยมทุกคนในที่นี้กอปรก่อมาทั้งในอดีตชาติ ปัจจุบันชาติ จงช่วยปลดปล่อยดวงวิญญาณทุกดวงที่สิงสถิตในเรือลำนี้ให้ไปสู่ภพภูมิที่สุขสงบตามเหตุปัจจัยที่ได้สร้างมาด้วยเถิด...”

พระยันเปิดจุกขวด ทันใดนั้นลมพัดวูบใหญ่ ปรากฏร่างทองกับแก้วหน้าตาแจ่มใสเหมือนคนธรรมดานั่งพนมมือเบื้องหน้าพระยัน

“ปลดบ่วงในใจได้แล้วนะโยม”

ทองกับแก้วกล่าวสาธุแล้วก้มกราบพร้อมกัน

ดานุอดถามพระยันถึงพิกุลไม่ได้ พระยันอมยิ้มไม่ตอบ ทันใดนั้นพิกุลในชุดสวยงามก้าวขึ้นศาลาท่าน้ำ นั่งลงกราบพระยันแล้วพูดกับทองและแก้ว

“ข้าขอให้เอ็งสองคนอโหสิให้ข้า ที่ข้าหลอกเอ็งเอาไว้ใช้สนองความแค้นของข้าเอง จนวิญญาณของเอ็งไม่ได้ไปผุดไปเกิด”

ทองกับแก้วกล่าวอโหสิกรรมให้พิกุลพร้อมกัน จากนั้นพิกุลขออโหสิกรรมจากเพลิน เพลินสะดุ้งเพราะเพิ่งเคยเห็นผีเต็มตาครั้งแรก และงงว่าพิกุลจะให้อโหสิอะไร พิกุลต้องพูดย้ำเตือนความจำ

“เรื่องน้าของเธอ อโหสิให้ฉันด้วย”

เพลินนึกย้อนถึงเหตุการณ์วันที่น้าเจิมจมน้ำน้ำตาไหล จ้องหน้าพิกุลนิ่งนานอย่างตัดสินใจ แล้วบอกอโหสิกรรมให้ พิกุลโล่งใจ และยิ้มให้อย่างขอบคุณ

“ชาติหน้าขอให้เราได้เกิดเป็นพ่อแม่ลูกกันอีกนะพิกุล” คุณดวงน้ำตาคลอ

“ลูกก็หวังเช่นนั้น แต่คงอีกนานแสนนาน”

“มันต้องมีวันนั้น”

คุณทับยิ้มส่งพิกุลเป็นครั้งสุดท้าย พิกุลน้ำตาคลอ ยกมือไหว้ขอบคุณคุณทับกับคุณดวงด้วยความตื้นตันใจ แล้วสบตากับดานุ สองหนุ่มสาวยิ้มให้กันอย่างหวานชื่น

“น้องลานะคะ...คุณหลวง”

พิกุลยกมือไหว้ ดานุเข้าไปรวบมือคู่นั้นไว้ ภาพอดีตรักอันหวานชื่นผุดขึ้นมาในความทรงจำจนทั้งคู่ร้องไห้สะอึกสะอื้นน้ำตาไหลพราก

“เราต้องได้พบกันอีกพิกุล”

ดานุสัญญา พิกุลกราบอกดานุ ค่อยๆเลือนรางหายไปพร้อมกับร่างของทองและแก้ว พระยันส่งสัญญาณให้คำจุดไฟเผาเรือ หมอเวกคิดได้ว่าควรเลิกหากินกับไสยศาสตร์ จึงโยนเครื่องรางของขลังต่างๆลงไป ยงผลักเรือไปกลางแม่น้ำ ไฟลุกท่วมเรือพุ่งสู่ท้องฟ้า...บัดนี้ดวงวิญญาณของพิกุล ทองและแก้วถูกปลดปล่อยแล้ว

ooooooo

พายุร้ายพัดผ่านบ้านธนารักษ์ไปแล้ว ความสงบร่มเย็นกลับคืนดังเดิม...ทุกคนเดินจากศาลาท่าน้ำผ่านหน้าบ้านเรือนไทย หยุดมองสถานที่ที่เป็นต้นเหตุโศกนาฏกรรมทั้งปวง

“แล้วต่อไปจะทำยังไงกับบ้านเรือนไทยหลังนี้ดีคะคุณพ่อ” ดาริกาพูดขึ้น

“แกคิดที่จะขายอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ก็ขายไป”

ดาริกาหัวเราะ “โธ่คุณพ่อ เกิดเรื่องขนาดนี้คงไม่มีใครซื้อหรอกค่ะ แล้วหนูเองก็ตั้งใจว่าจะไม่ทำแล้วอาชีพค้าที่ดินเนี่ย กะว่าจะช่วยดาราเขาเปิดโรงเรียนสอนทำอาหารไทยเล็กๆแถวบ้านบางโพ”

“จริงเหรอดารา” คุณดวงดีใจ

“ค่ะ...หนูคงกลับไปสอนหนังสือไม่ได้แล้ว ก็เลยอยากใช้ความสามารถที่มีทำอะไรให้เป็นประโยชน์บ้าง พี่ดาริจะออกทุนให้ค่ะ” ดารายิ้มให้ทุกคน

“ดี...พ่อเห็นด้วย ตกลงเรือนไทยหลังนี้ก็คงกลายเป็นบ้านร้างเหมือนเดิม”

คุณทับปลง มองบ้านนิ่งนาน ดานุเข็นรถพรรวีเข้ามาได้ยิน

“ไม่หรอกครับ ผมกำลังจะขอคุณตาพอดี”

ทุกคนหันมองดานุอย่างสงสัย ดาริกาอดกระเซ้าไม่ได้

“แกจะเอาไปทำอะไรตานุ อย่าบอกนะว่าแต่งงานแล้วแกจะมาอยู่ที่นี่”

“พอลลี่จะกลับไปต่างประเทศ ให้นุทำในสิ่งที่นุได้เลือกแล้ว”

พรรวียิ้มให้ดานุ...สองหนุ่มสาวผ่านเรื่องดีและร้ายด้วยกันมามาก บัดนี้ได้พูดคุยปรับความเข้าใจจนกลายเป็นเพื่อนแท้ต่อกัน

“ขอบคุณนะพอลลี่ที่เข้าใจ” ดานุกุมมือพรรวีแน่นอย่างซึ้งใจ

“เลือก...แกเลือกทำอะไร...นุ” จิรวัฒน์เลิ่กลั่ก ไม่เข้าใจความนัยในคำพูดของเพื่อนสนิท

ดานุขอเรือนไทยจากคุณทับปรับปรุงเป็นสถานปฏิบัติธรรมธนารักษ์ราชภักดี และตัดสินใจบวชตลอดชีวิตเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้พิกุล ดาเรศ และทุกคนที่เสียชีวิตเพื่อเซ่นสรวงความไม่รู้เท่าทันอารมณ์ด้านมืด โดยมีพระยันเป็นพระอุปัชฌาย์และพระพี่เลี้ยงช่วยกันดูแลสถานปฏิบัติธรรม

“คนเราต่างเกิดมาเพื่อแสวงหาความสุขให้กับชีวิต แต่น้อยคนนักที่จะแสวงหาความสงบให้กับจิตใจ เรามีอดีต ปัจจุบัน และอนาคตอยู่ด้วยกันในช่วงพริบตาเดียว อยู่ที่ว่าจะเลือกให้หนึ่งพริบตาเดียวนั้นเป็นอะไร เพราะผลในจิตใจก็จะตอบสนองให้ได้พบสิ่งนั้น แต่หากเลือกที่จะให้อนาคตอยู่ร่วมกันกับปัจจุบันและอดีต ย่อมหาความสงบได้ยาก”

พระดานุเทศน์เป็นครั้งแรก ครอบครัวธนารักษ์รวมถึงพรรวี จิรวัฒน์ เพลินและวิทย์พนมมือฟังอย่างชื่นใจ ดาริกาเห็นผ้าเหลืองพระก็ตื้นตันใจน้ำตาคลอ

ที่ด้านหน้าสถานปฏิบัติธรรม...จิรวัฒน์เข็นรถพรรวีออกมา พรรวีบอกลาจะกลับต่างประเทศ จิรวัฒน์เศร้าเพราะยังไม่เคยเผยความรู้สึกหลงรักให้เธอรู้ เลยอ้อนขอไปเยี่ยมที่ต่างประเทศ เพลินที่เดินมาด้วยกันได้ยิน กระแหนะกระแหนจิรวัฒน์ว่าเป็นพระเอกละครน้ำเน่า จิรวัฒน์ไม่ยอม เถียงกลับ

“ว่าแต่คนอื่น เอาตัวเองให้รอดก่อนเหอะ”

เพราะช่วยเหลือกันมามาก จิรวัฒน์เลยกลายเป็นคู่กัดกับเพลินไปเรียบร้อย

“อะไร! ตัวองตัวเองอะไร พูดให้ดีๆ” เพลินสวน

“จะให้พูดไหมว่าเธอแอบชอบใคร”

“ฉันจะแอบชอบใครก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่เลย เพราะฉันไม่ได้เศร้าไม่ได้ทุกข์ไม่ได้หวัง...แค่เห็นคนที่ฉันรักมีความสุขก็โอแล้ว ไง! เท่ไหม ไม่ต้องมาตามรักตามแค้นกันข้ามภพข้ามชาติด้วย” เพลินอาย เดินหนี

“โห...วีร่าว่าน้องเพลินน้ำเน่ากว่าบอสเยอะเลยนะคะ เดี๋ยวก่อนๆ ตกลงบอสกับน้องเพลินนี่รักคุดทั้งคู่เลยเหรอคะ น้องเพลินนี่พอเดาออกว่าเลิฟคุณ เอ๊ย! หลวงพี่ดานุ แต่บอส...เอ๊ะ! หรือว่า...”

วิทย์มองสองหนุ่มสาวสลับกันไปมา จิรวัฒน์เขิน แกล้งดุไล่วิทย์ให้ไปถอยรถมารับ พรรวีรู้ใจจิรวัฒน์ ก็บีบมือขอบใจ บอกว่าเขาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด จิรวัฒน์จ๋อยเพราะไม่อยากเป็นแค่เพื่อน

“ทั้งจินแล้วก็เรา ผ่านเรื่องร้ายๆมาแล้ว ทำให้เรารู้ว่าไม่มีอะไรแน่นอนเลย แม้แต่ใจของเราเอง”

“ก็จริง ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอ จะได้ไม่ต้องเสียใจภายหลัง...เนอะ”

พระดานุยืนมองสายน้ำที่ไหลเรื่อยจากท่าน้ำสถานปฏิบัติธรรม จู่ๆลมพัดวูบ ดอกพิกุลร่วงพรูหล่นพื้น พระดานุก้มเก็บแล้วปล่อยให้ไหลไปกับสายน้ำ ยิ้มอิ่มสุขเพราะเข้าใจสัจธรรมชีวิต

“จิตใจที่ปล่อยวางจากความโลภ โกรธ หลง ที่ยึดติดอยู่ได้ จะไม่ทุกข์ทรมานด้วยความคิดนั้น ทั้งในภพนี้และภพหน้า เปรียบดั่งสายน้ำที่ไหลไปไม่หวนกลับ ย่อมไม่เหลือความขุ่นใดให้เศร้าหมอง”

พิกุลดอกนั้นลอยเรื่อย พิกุลหยิบขึ้นมาแล้วหันสบตาพระดานุ ก่อนพายเรือลับหายไปตามสายน้ำ...

ooooooo

-อวสาน-

วังนางโหง

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด