ตอนที่ 14
ดานุต่อรองขอออกจากโรงพยาบาล หมอไม่ยอมเพราะร่างกายเขาอ่อนแอมาก พอดีพยาบาลนำจิรวัฒน์กับเพลินเข้ามา หมอจึงอนุญาตให้เยี่ยมแค่สิบนาทีเพราะต้องการให้ผู้ป่วยพักผ่อน ดานุรีบถามสถานการณ์จากจิรวัฒน์
“นายโตกับพวกเป็นยังไงบ้าง”
“นายโตถูกฉันยิงที่มือ เจ็บไม่มาก ส่วนสมุน
คนนึงตาย คนนึงรอด ตำรวจคุมตัวไว้ที่โรงพัก”
ดานุถามหาโทรศัพท์ จิรวัฒน์ยื่นให้ ดานุขอให้เปิดโทรศัพท์ดูรูปถ่ายบันทึกที่ถ่ายเก็บไว้ แต่เปิดไม่ติด จิรวัฒน์ตกใจทำอะไรไม่ถูก เพลินมองมาเซ็งๆแย่งโทรศัพท์ไปดูจนรู้ว่าแบตหมด จึงหยิบเพาเวอร์แบงก์มาชาร์จแล้วเปิดหารูปจนเจอ ดานุบอกต้องแปลบันทึกต่อให้จบ จะได้รู้สาเหตุที่พิกุลตามแก้แค้นครอบครัวธนารักษ์ฯ
ดาริกาจอดรถที่หน้าเรือนไทยธนารักษ์ ทุกคนลงจากรถ ยกเว้นพรรวี
“ตกลงจะบอกพอลลี่ได้รึยังคะว่าจะมาทำอะไรที่นี่”
“เราจะมาทำพิธีช่วยดานุ” ดาเรศตอบเสียงเหี้ยม
“พิธีอะไรคะ อย่าบอกนะว่ามาบูชานางโหง ถ้าคุณแม่กับคุณน้าไม่บอก พอลลี่ก็จะกลับ”
“แต่เธอต้องไป เพราะมีแต่เธอเท่านั้นที่จะทำให้เรื่องทุกอย่างมันจบ” ดาเรศเริ่มหงุดหงิด
“หมายความว่ายังไงคะ ทุกคนคิดจะทำอะไรกันแน่”
“ไม่ต้องพูดมาก เลิกถามแล้วลงมาจากรถ เร็ว!”
ดาเรศหมดความอดทน ชักปืนจี้พรรวี ดาริกาเห็นปืนก็ตกใจถามไปเอาปืนมาจากไหน ดาเรศไม่ตอบ แต่ชี้ปืนขู่ให้พี่สาวทั้งสองรีบลากพรรวีเข้าบ้านถ้าไม่อยากให้ดานุตาย ดารากลัวปืนจึงเข้าไปฉุดพรรวีลงจากรถ พรรวีไม่ยอม ก้มกัดมือดารา ดาเรศจึงเอาด้ามปืนฟาดท้ายทอยพรรวีจนสลบ
ขณะนั้นที่โรงพยาบาล จิรวัฒน์กับเพลินแอบพาดานุหนี ทั้งคู่ประคองดานุขึ้นนั่งรถด้านหลัง เพลินอาสาขับเองแต่จิรวัฒน์ไม่ยอม
“ไม่ใช่เวลาจะมาเป็นสุภาพบุรุษตอนนี้ แอพมันแปลบันทึกเป็นภาษาอังกฤษก่อนไม่ใช่เหรอ คุณต้องช่วยคุณนุแปล”
“ขับได้แน่นะ” จิรวัฒน์ไม่มั่นใจ
“ถึงฉันไม่เก่งภาษาอังกฤษ แต่ว่ายน้ำกับขับรถ ฉันชำนาญมาก”
เพลินขึ้นขับ จิรวัฒน์นั่งข้างดานุ ไม่ทันล็อกประตูรถ หมอเวกเปิดประตูข้างคนขับพรวดขึ้นมานั่ง จิรวัฒน์กับเพลินตกใจนึกว่าโจรเพราะไม่เคยเจอหมอเวก จึงเกิดชุลมุน จนดานุต้องตะโกนบอกว่าหมอเวกเป็นพวกเดียวกันและจะมาช่วยปราบพิกุล
“ดาเรศทำลายพิธีปราบนังพิกุล ฉันก็เลยต้องไปปลุกเสกด้ายอาคมมาจัดการกับมัน”
หมอเวกอธิบายและควักขวดแก้วมาอวด “นี่ไง ฉันขังวิญญาณบริวารของมันไว้ในนี้ได้แล้ว แต่นังพิกุลมันหนีไปได้ ฉันถูกยามไล่จับ เลยต้องซ่อนตัวอยู่แถวนี้”
“งั้นก็ไปด้วยกันเลย เรากำลังจะไปที่ระยอง พิกุลต้องอยู่ที่นั่นแน่”
ooooooo
ที่โถงทางเดินในโรงพยาบาล คุณทับร้อนใจโทรศัพท์ติดต่อเพื่อนตำรวจให้ช่วยตามหาลูกสาว ทันใดนั้นคำนำพระยันเข้ามา คุณทับกับคุณดวงดีใจมากเพราะท่านเป็นเหมือนที่พึ่งสุดท้ายของครอบครัวธนารักษ์ฯ พระยันบอกไปหาที่บ้านแต่ไม่พบใคร จึงให้คำพามาที่นี่ คุณทับพนมมือไหว้บอกตามหาพระยันแทบพลิกแผ่นดิน
“อาตมาธุดงค์ไปทั่วเพื่อหาที่ปฏิบัติเจริญสติ หวังจะได้หลุดพ้น แต่ก็ไม่พบที่ไหนที่สงบพอ ที่จริงแล้ว เหตุเกิดที่ไหน ก็ต้องดับที่นั่น...อาตมาถึงต้องกลับมา”
“ท่านกลับมาช่วยพวกเราใช่ไหมคะ” คุณดวงถามอย่างมีความหวัง
“คราวนั้นอาตมาบอกโยมไว้ว่าอย่างไร”
พระยันย้อนถาม แล้วเล่าเหตุการณ์ในอดีตครั้งท่านไปสะกดวิญญาณร้ายที่โรงเก็บเรือ เพื่อกระตุ้นให้ทุกคนช่วยกันคิดหาต้นเหตุแห่งการจองเวรไม่จบไม่สิ้น...
หลังจากคุณทิว คุณทัน และคุณทวนเสียชีวิตในน้ำในเวลาไล่เลี่ยกัน คุณทับก็ปิดบ้านเรือนไทยย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ แต่คนในตระกูลธนารักษ์ฯก็ยังถูกผีร้ายรังควาน คุณทับจึงนิมนต์พระยันไปช่วยทำพิธีให้คนในครอบครัวอยู่อย่างเป็นสุข
พระยันก้าวขึ้นเรือนไทย เห็นสภาพรกร้างเต็มไปด้วยฝุ่นและหยากไย่เพราะถูกปิดตายเป็นเวลานาน ได้แต่สังเวชใจกับความเปลี่ยนแปลงตรงหน้า คุณทับจับอารมณ์พระยันได้จึงอธิบายกึ่งแก้ตัว
“บ้านค่อนข้างโทรมเพราะผมไม่ค่อยได้มาดูแลเลยครับ งานที่กรุงเทพฯยุ่งมาก ลูกสามคนก็ยังเล็ก จะพามาพักก็ไม่มีใครทำความสะอาด แล้วก็กลัวลูกจะตกน้ำตกท่าไปด้วย”
“ดีแล้วล่ะโยม อยู่ห่างบ้านนี้เอาไว้ ไม่ต้องให้ใครในตระกูลธนารักษ์ฯมาที่นี่เลยยิ่งดี”
“ทำไมล่ะครับท่าน”
“ที่นี่มีวิญญาณร้ายสิงสู่”
พระยันรับรู้กระแสจิตชั่วร้าย เดินเข้าไปในห้องห้องหนึ่งแล้วบอกคุณทับให้ช่วยเปิดหน้าต่าง ท่านชะโงกมองโรงเก็บเรือ แล้วบอกคุณทับให้ช่วยเตรียมของเพื่อทำพิธีสะกดวิญญาณ!
ooooooo
พระยันเดินมาหน้าโรงเก็บเรือ กล่าวขออโหสิกรรม จู่ๆประตูโรงเก็บเรือเปิดผลัวะ ผีไอ้ทองและผีอีแก้วยืนอยู่หน้าประตูมองมาอย่างเคียดแค้น ส่วนผีพิกุลนั่งบนเรือ ตวาดขู่เสียงเกรี้ยวกราด
“เป็นพระไม่อยู่ส่วนพระ คิดว่าจะปราบข้าได้ง่ายๆ เหรอ ไม่มีทาง! ถ้าไม่อยากตายก็ไปซะ ข้าจะละเว้นชีวิตให้”
“อาตมาคงจะหยุดไม่ได้ หากโยมไม่ยอมหยุดกรรมมีวาระเวลาของมันที่ทุกคนต้องชดใช้ ไม่ใช่หน้าที่ของโยมที่จะมาตัดสิน ทำอย่างนี้รังแต่จะก่อกรรมติดตัวเพิ่มขึ้นเสียเปล่า”
“ไอ้พวกธนารักษ์ฯต่างหากที่ต้องชดใช้ มันฆ่าคนบริสุทธิ์มากมายเพื่อให้ตระกูลของมันรุ่งเรือง คนชั่วๆ
อย่างมันสมควรต้องตายอย่างทุกข์ทรมาน”
ผีไอ้ทองกับผีอีแก้วเข้าทำร้ายพระยัน แต่สู้อำนาจพุทธคุณไม่ได้ หายตัววับ พิกุลโมโห บังคับเรือมาดพุ่งเข้าชน แต่พระยันสวดมนต์แผ่เมตตาให้ พิกุลปิดหูอย่างทรมาน เรือเลื่อนกลับที่และร่างผีสาวสลายเลือนหาย
พระยันก้าวออกจากโรงเก็บเรือ พร้อมๆกับประตูโรงเก็บเรือกระแทกปิดปัง จึงหยิบยันต์สีแดงออกจากย่าม แปะยันต์บนประตูโรงเก็บเรือ จุ่มนิ้วลงในขันดินสอพองแล้วเขียนอักขระลงบนยันต์เพื่อสะกดวิญญาณ พนมมือสวดคาถาสุดท้าย
ทันใดนั้นฟ้าผ่าเปรี้ยง เสียงวิญญาณร้ายที่กรีดร้องโหยหวน และประตูโรงเก็บเรือที่เขย่าปึงปังก็สงบเงียบ ฟ้ามืดครึ้มกลับสว่าง...พระยันนำคุณทับมาที่หน้าเรือนไทย
“ต่อจากนี้เท่ากับโยมยกเรือนหลังนี้ให้เขาแล้ว อย่ามารบกวนเขาอีก”
“วิญญาณพวกนี้เป็นใครเหรอครับ แล้วที่พ่อผม น้องผมอีกสองคนต้องตายอย่างแปลกประหลาด เพราะพวกมันใช่ไหมครับ”
“เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา โยมอย่าเอาปัจจุบันไปยึดโยงกับอดีตเลย ทำบุญกุศลไว้ให้มาก ที่สำคัญ สอนลูกหลานของโยมให้มีหิริโอตตัปปะ จำไว้! คนที่มีศีล เทวดาจะปกป้องรักษาเสมอ”
คุณทับจำเหตุการณ์ในวันสะกดวิญญาณร้ายที่โรงเก็บเรือได้ทั้งหมด น้ำตาซึม พนมมือบอกพระยันตามตรง
“ที่ผ่านมาถึงไม่ได้ก่อกรรม แต่ผมก็ไม่ได้หมั่นสร้างกุศลอย่างที่ท่านเคยแนะนำ ผมผิดเอง ลูกหลานถึงต้องมารับกรรมอย่างนี้”
คุณทับไม่ทันได้พูดอะไรมากกว่านี้ พยาบาลก็ลนลานมาแจ้งว่าดานุหายไปจากห้องพัก ทุกคนตกใจวุ่นวาย มีเพียงพระยันที่สงบนิ่ง
“ทุกอย่างคงสุกงอมแล้ว...”
“หลวงพี่ว่าอะไรนะครับ” ยงสงสัยคำพูดของพระยัน
“วันที่ปัจจุบันกำลังจะกำหนดอนาคตมาถึงแล้ว”
ooooooo










