ตอนที่ 14
ในห้องไอซียู หมอกับพยาบาลรุมปั๊มหัวใจช่วยชีวิตดานุสุดความสามารถ ร่างชายหนุ่มกระตุกตามความแรงของกระแสไฟฟ้าที่หมอใช้กระตุ้นหัวใจ แต่ดวงตากลับเหม่อ จิตล่องลอยไปไกลแสนไกล...
ดานุยืนท่ามกลางในสายหมอก ชายหนุ่มก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่รู้ทิศทาง ไปหยุดอยู่กลางลานที่ล้อมรอบด้วยหลุมศพและป่าร้าง ทันใดนั้นได้ยินเสียงเรียก เขาหันตามเสียงเห็นพระรูปหนึ่งนั่งสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้...พระยันนั่นเอง ดานุอึ้ง ลังเลครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจไปก้มกราบถามว่าตนเองตายแล้วหรือ
“โยมหมดห่วงแล้วเหรอ”
“ไม่ครับ ผมยังมีสิ่งที่ต้องทำอยู่ ตอนนี้ทุกคนในครอบครัวผมกำลังตกอยู่ในอันตราย ผมต้องรีบกลับไปช่วยพวกเขา”
พระยันบอกถึงกลับตอนนี้ก็ช่วยคนในครอบครัวและพิกุลไม่ได้ ดานุตกใจที่พระตรงหน้ารู้จักพิกุล
“อาตมาไม่ใช่คนอื่นคนไกลหรอกโยม ก่อนบวชอาตมาก็เคยได้พึ่งใบบุญของตระกูลธนารักษ์ฯของโยมอยู่”
ดานุมองหน้าพระ นึกถึงคำพูดของยงว่าพระยัน พี่ชายของเขาเป็นผู้สะกดวิญญาณที่เรือนไทยธนารักษ์และสั่งรื้อศาลเจ้าแม่วารี ก็คิดได้ว่าพระตรงหน้าคือพระยัน ดานุก้มกราบอีกครั้งด้วยจิตเปี่ยมศรัทธา
“ที่หลวงพ่อบอกผมกลับไปก็ช่วยทุกคนไม่ได้ หมายความว่าไงครับ”
“นั่นก็เพราะโยมยังไม่เข้าใจความจริงทั้งหมดอย่างไรล่ะ...”
ในโลกของดวงจิต...ดานุบอกกับพระยันว่าจะยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อให้เรื่องจบ
“ความตายจบทุกอย่างไม่ได้ มีตายก็มีเกิด วนเวียนอยู่เช่นนี้ ตราบใดที่ยังจบความยึดติดในใจไม่ได้”
“แล้วจะทำยังไงดีครับ ในเมื่อพิกุลเชื่อว่าคุณเทียดทรยศต่อความรักของเธอ แล้วคุณเทียดก็ตายไปแล้ว ท่านไม่สามารถจะมาแก้ตัว ไม่สามารถจะขอโทษอะไรพิกุลได้เลย ทีนี้ใครจะเป็นคนมาปลดปล่อยพิกุลให้พ้นจากความอาฆาตแค้นล่ะครับ”
“ผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ได้มีแค่โยม หรือเทียดของโยม เวรกรรมนี้พัวพันกันหลายคน”
“แต่ผมจะรู้ได้ยังไงล่ะครับ ว่าใครทำอะไรบ้าง”
“โยมรู้ได้ แต่โยมเองนั่นแหละที่ไม่อยากรู้”
ดานุคิดตามคำพูดพระยัน นึกได้ว่ายังไม่ได้แปลตอนจบของบันทึก และประโยคสุดท้ายที่พระยาธนารักษ์ฯเขียนเป็นภาษาไทยอาจมีความหมายซ่อนอยู่ พระยันยิ้มดีใจที่ดานุแก้ปมปัญหาออก ไม่ทันที่ดานุจะได้ถามต่อ จู่ๆก็รู้สึกว่าร่างของตนถูกผลักออกห่างจากพระยันอย่างรวดเร็ว
ขณะนั้นที่หน้าห้องไอซียู ดาริกาเหมือนคนสติแตก วุ่นวายกดโทรศัพท์หาคนรู้จักให้ช่วยหากรุ๊ปเลือดที่เข้ากับลูกชายได้ จู่ๆดาราโผล่มาจับแขนพร้อมขู่ถ้าอยากให้ดานุรอดก็ต้องตามมา
ดาราฉุดดาริกาไปที่สวนในโรงพยาบาล ดาริกาหงุดหงิดสะบัดมือ บอกไม่มีเวลาคุยเรื่องไร้สาระเพราะต้องรีบหาเลือดให้ดานุ ดาเรศโผล่มาพูดแทงใจดำว่าแค่เลือดช่วยไม่ได้ เพราะดานุถูกนางโหงลงโทษ
ดาริกานึกถึงคำพูดของพรรวีที่หน้าห้องผ่าตัดว่า ดานุบอกตำรวจก่อนหมดสติว่าเตชินถูกผีสิง จึงคล้อยตามดาเรศว่าดานุบาดเจ็บสาหัสเพราะถูกนางโหงลงโทษ ดาเรศย้ำว่าต้องรีบทำพิธีขอขมานางโหง โดยบูชายัญคนที่พิกุลโกรธเกลียดที่สุดซึ่งไม่ใช่ดานุ...แต่เป็นพรรวี!
ooooooo
หมอกับพยาบาลช่วยกันปั๊มหัวใจจนดานุฟื้นคืนสติ หมอแจ้งอาการกับญาติๆว่าชายหนุ่มปลอดภัย แต่ยังต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด คุณดวงจะเป็นลม คุณทับบอกให้กลับไปพักที่บ้านจะได้อยู่เป็นเพื่อนลูกสาวคนเล็กด้วย
ทันใดนั้นดาริกาเข้ามาบอกจะไปรับดาเรศ แล้วชวนพรรวีไปด้วยกันโดยอ้างว่าทำเพื่อดานุ
พรรวีไม่เข้าใจคำขอร้องของดาริกานัก แต่ก็ยอมตามมาที่รถ พอดีดารากับดาเรศโผล่มาสมทบ บอกว่าจะไปช่วยชีวิตดานุ พรรวีงงหนัก ดาริกาตัดบทอ้างว่า
หมอเวกบอกวิธีช่วยชีวิตดานุแล้ว แต่จะเล่าให้ฟังระหว่างนั่งรถ และฉุดมือพรรวีขึ้นรถทันที
ดาริกาขับรถออกจากโรงพยาบาล หมอเวกเดินสวนมา มองผ่านๆเห็นดาริกา ดารา ดาเรศและพรรวีอยู่ในรถก็แปลกใจที่เห็นทั้งสี่คนอยู่ด้วยกัน เอะใจแหงนมองไปบนตึก เห็นเงาตะคุ่มของผีร้ายทั้งสามอยู่บนดาดฟ้า
ดานุนอนนิ่งไม่ได้สติอยู่ในห้องไอซียู พิกุลปรากฏร่าง จ้องชายหนุ่มเขม็ง...ทั้งรักทั้งแค้น
“เมื่อข้าไม่ให้ตาย คุณหลวงก็ยังตายไม่ได้ คุณหลวงยังต้องอยู่ อยู่เพื่อเห็นคนรักของคุณหลวงถูกเซ่นสังเวยให้ตามคำสาบาน”
ผีไอ้ทองกับผีอีแก้วปรากฏร่างตามมา คิดว่าพิกุลหลอกใช้พวกตนเพื่อจะได้ครองคู่กับพระยาธนารักษ์ฯอีกครั้ง จึงพุ่งเข้าทำร้ายดานุ พิกุลคว้าคอทัน ลากทะลุออกกำแพงห้อง แต่ครั้งนี้บริวารทั้งคู่ไม่ยอม บีบคอกลับ พิกุลรู้ว่าหมอเวกกำลังมาจึงไม่สู้ หวังให้หมอผีจัดการบริวารที่ไม่เชื่อฟังแทน เลยหายตัววับดื้อๆ
หมอเวกโผล่มาเจอผีไอ้ทองกับผีอีกแก้ว จะแก้แค้นแทนเมี้ยน หยิบด้ายอาคมจากย่าม บริกรรมคาถาขว้างไปกลายเป็นเชือกรัดศัตรูคู่อาฆาตทั้งสอง ผีร้ายทั้งสองดิ้นหนีแต่ไม่หลุด หมอเวกควักมีดหมอจี้หน้าผากผีร้ายทีละตน จนในที่สุดทั้งคู่ก็ถูกดูดเข้าขวดแก้วที่หมอผีถือไว้อีกมือ หมอเวกรีบปิดจุกขวด
ยามผ่านมาเห็นหมอเวกถือมีดคิดว่าเป็นคนร้าย รีบวอเรียกยามคนอื่นๆมาจับกุม หมอผีตกใจวิ่งหนี ยามถือกระบองไล่ตามไปติดๆ
ooooooo
การช่วยชีวิตดานุประสบความสำเร็จ ยงรีบไปบอกคุณทับกับคุณดวงที่นอนพักในห้องรับรอง ทุกคนผลุนผลันไปหาหลานชาย พยาบาลแจ้งว่าดานุได้รับเลือดจากผู้บริจาค อาการจึงดีขึ้นจนฟื้นคืนสติ
คุณทับเห็นหลานชายถอดเครื่องช่วยหายใจก็โล่งใจ ไถ่ถามอาการด้วยความเป็นห่วง แต่ดานุกลับนึกถึงแต่บันทึกของพระยาธนารักษ์ฯ ขอร้องคุณตาช่วยเอามาให้เพราะต้องแปลให้จบ คุณทับกับคุณดวงเป็นห่วงอยากให้หลานชายพักผ่อน แต่ดานุตื๊อจนคุณทับใจอ่อน รับปากจะสั่งคำเอามาให้
บนรถดาริกา...พรรวีมองทิวทัศน์สองข้างทาง เอะใจว่าไม่ใช่ทางไปบ้านธนารักษ์ฯ จึงเอ่ยถามว่าจะไปไหน ดาริกาตอบสั้นๆว่าไประยองและไม่ยอมอธิบายอะไรอีก จนพรรวีหวั่นใจ กลัวจะถูกลวงไปทำร้าย
คุณทับสั่งคำกลับบ้านไปนำบันทึกมาให้ดานุ
คำเห็นบ้านเงียบกริบก็สงสัย พอไปถึงหน้าห้องคุณทับเห็นประตูสั่นและได้ยินเสียงพันแผ่วๆก็ตกใจกลัวนึกว่าผี พอรู้ว่าเป็นเมียจึงรีบเปิดประตู พันพรวดออกมาบอกว่าถูกดาเรศจับขัง และที่สำคัญดาเรศหยิบปืนของคุณทับไปด้วย
คำโทร.แจ้งคุณทับว่าบันทึกถูกเผา ปืนพกของคุณทับก็ถูกดาเรศขโมยแล้วหายตัวไปพร้อมกับดารา คุณทับหน้าเครียดสั่งคำตามหารอบบริเวณบ้านให้ทั่ว ดานุตื่นมาได้ยินพอดี ถามว่าเกิดอะไรขึ้น คุณทับอึกอัก แต่ไม่เห็นประโยชน์จะปิดบังหลานชาย ยอมเปิดปาก
“ดาเรศขังพันไว้แล้วก็ออกจากบ้านไปกับดารา เอาปืนของตาไปด้วย”
“แล้วบันทึกล่ะครับ”
“ดาเรศเผาไปแล้ว...ตอนนี้ตาต้องรีบไปแจ้งตำรวจให้ตามหาตัวสองคนนั่นเร็วที่สุด ไม่ต้องห่วงนะ ตาเป็นหัวหน้าตระกูลธนารักษ์ฯ ตาจะรับผิดชอบทุกอย่าง”
ดานุนึกได้ว่าถ่ายรูปบันทึกเก็บไว้ในโทรศัพท์ที่หล่นในบ้านเช่าตอนไปช่วยเพลิน จึงขอยืมโทรศัพท์จากคุณทับโทร.หาจิรวัฒน์ที่ยังอยู่บ้านเช่าหลังเกิดเหตุกับเพลิน ให้นำโทรศัพท์ของตนมาให้
ตำรวจออกจากห้องเช่าพร้อมกล่องใส่หลักฐานต่างๆ จิรวัฒน์เห็นโทรศัพท์ของดานุในซองใสเลยขอคืน แต่ตำรวจปฏิเสธเพราะต้องกันไว้เป็นวัตถุพยาน เพลินสงสัยว่าดานุจะเอาโทรศัพท์ของดานุไปทำอะไร
“มันบอกว่ามันถ่ายรูปบันทึกของคุณเทียดมันไว้ในนั้น ข้อมูลในบันทึกจะทำให้ทุกคนในตระกูลธนารักษ์ฯรอดตาย”
“จะยากอะไร ตำรวจไม่ให้ดีๆ ก็ขโมยกลับมาสิ”
เพลินโพล่งขึ้น แต่จิรวัฒน์ไม่เห็นด้วย เดินเซ็งออกไป แต่เพลินก็แอบขโมยโทรศัพท์ของดานุมาจนได้
ooooooo










