ตอนที่ 12
ที่โรงแรมริมทะเลระยอง เตชินย่องไปหาพรรวีที่ห้องหวังปลุกปล้ำ เพลินจับพิรุธได้เลยวางแผนตลบหลัง ให้วิทย์ปลอมตัวเป็นพรรวีนอนรอบนเตียง ส่วนจิรวัฒน์และพรรวีถ่ายคลิปเก็บหลักฐาน เตชินโกรธจัดง้างหมัดจะต่อยเพลิน จิรวัฒน์เข้าขวางและต่อยสวนจนหนุ่มนักกีฬาล้มคว่ำ เตชินโมโหขู่จะฟ้องบริษัทจิรวัฒน์ท้าให้ฟ้อง เพลินบอกจะลงคลิปประจานในอินเตอร์เน็ตว่าเตชินเป็นเกย์ จะได้หลอกผู้หญิงไม่ได้อีก เตชินหงุดหงิดจะต่อยเพลิน แต่คราวนี้
พรรวีขวางบอกให้หยุด หนุ่มนักกีฬาเลยถือโอกาสแก้ตัว พรรวีไม่เชื่อ ตบหน้าฉาดใหญ่ เตชินอึ้ง ชี้หน้าด่าเพลิน จิรวัฒน์ และวิทย์อย่างเคียดแค้น แล้วคว้าเสื้อออกจากห้อง
พรรวีรู้สึกผิดที่แผนคบเตชินประชดดานุทำให้เกิดเรื่องเลวร้าย บอกขอบคุณทุกคนที่ช่วย และหยิบกระเป๋าเก็บเสื้อผ้ากลับกรุงเทพฯ ไม่ว่าจิรวัฒน์จะอ้อนวอนให้รอดานุก็ไม่สนใจ
ทางด้านดานุหัวหมุนเพราะหลงทางในซอยตัน พิกุลยืนมองผลงานตัวเองอย่างสะใจ จู่ๆได้ยินเสียงสวดมนต์ดังขึ้นเรื่อยๆจนทนไม่ไหว หายตัววับ ส่งผลให้ภาพลวงตาหายไป ซอยตันกลับโล่ง ดานุลงจากรถ ยืนมองงงๆ ลุงคนหนึ่งขี่จักรยานผ่านจอดถามว่ารถเสียหรือ
“เปล่าครับ คือเมื่อกี๊ผมเห็นว่าตรงนี้เป็นซอยตันไปไม่ได้เลยจะถอย”
“มิน่า มองมาแต่ไกล เห็นขับถอยหน้าถอยหลังอยู่ เมาแล้วขับสิเนี่ย จอดนอนเถอะ อย่าไปต่อเลย”
ชายหนุ่มเซ็งที่เสียเวลากับเรื่องไร้สาระ รีบออกรถ... อำนาจพุทธคุณของพระยันช่วยไว้นั่นเอง
จิรวัฒน์กระสับกระส่ายรอดานุหน้าโรงแรม เพลินมองอย่างเซ็งๆ พอดานุจอดรถ จิรวัฒน์เข้าไปตำหนิทันทีว่าทำไมมาช้า ดานุตอบตามตรงว่าหลงทาง
“ก็หาเหตุผลที่มันน่าเชื่อถือมาหน่อยสิวะ แกรู้ไหมไอ้นุว่าแกทำตัวแย่แค่ไหน รับปากว่าจะทำงาน แกก็ไม่ทำ พอลลี่ แกก็ไม่ดูแล เกือบพลาดท่าเสียทีไอ้โตไปแล้ว ดีนะที่เพลินช่วยเอาไว้ได้”
“จริงเหรอ พอลลี่อยู่ที่ห้องใช่ไหม”
ดานุตกใจจะรีบไปหาพรรวีที่ห้อง จิรวัฒน์บอกกลับกรุงเทพฯแล้ว ดานุมองหน้าเพื่อนรู้สึกผิด
“ฉันขอโทษว่ะจิน แต่ฉันมีเรื่องที่ต้องหาคำตอบให้ได้”
“คำตอบตะหวักตะบวยอะไรของแกวะ ไอ้เรื่องแปลบันทึกอะไรของแกเนี่ยนะ แกจะจ้างใครทำก็ได้ อย่ามาอ้างหน่อยเลย ฉันขี้เกียจฟัง”
จิรวัฒน์โกรธจัดเดินหนี ดานุถอนใจอึดอัด ไม่รู้จะอธิบายเรื่องประหลาดให้เพื่อนเข้าใจได้อย่างไร
เพลินมองดานุด้วยความสงสัย “นี่คุณไปค้นหาข้อมูลของตระกูลคุณมาอีกใช่ไหม มันมีความลับอะไรกันแน่ คุณถึงยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อจะหาคำตอบนั้นมาให้ได้”
“ผมก็ไม่รู้ว่าจะเล่ายังไงดี เล่าไปก็คงไม่มีใครเข้าใจ”
“ถ้าคุณไม่ยอมพูด ก็ไม่มีใครเขาเข้าใจคุณหรอก”
ooooooo
พิกุลเซถลากลับโรงเก็บเรือเพราะอำนาจบทสวดมนต์ ผีบริวารทั้งสองปรากฏร่างถามด้วยความตกใจว่าใครทำร้ายนายหญิงผู้แข็งแกร่ง พิกุลไม่รู้ รู้แค่ตอนนี้พลังของเธอลดลง
“หรือเป็นไอ้หมอเวก” ผีอีแก้วสันนิษฐาน
“ไม่ใช่ ไอ้หมอเวกไม่มีบารมีเท่านี้”
“เป็นเพราะนายหญิงปล่อยเวลาให้เนิ่นช้า หากมันเจอคนดีมีวิชา พวกเราคงต้องถูกสะกดเอาไว้อีกครา” ผีไอ้ทองขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
ทันใดนั้นพิกุลได้ยินเสียงบทสวดบูชานางโหงลอยมาทางกระแสจิต เพราะที่บ้านธนารักษ์ ดาเรศสวดบูชานางโหงและอธิษฐาน
“ขอบารมีนางโหงคุ้มครองคุณพ่อ คุณแม่ พี่ดาริ และนายดานุให้รอดปลอดภัย ส่วนคนอื่น ทำอะไรเอาไว้ก็ให้ได้รับกรรมอย่างนั้น”
“มีคนมอบพลังให้ข้าแล้ว...” พิกุลกลับมีแรงลุก ยิ้มเหี้ยม “ใช่ ใครทำกรรมอะไรเอาไว้ก็ต้องรับ...ไม่ต้องเรียกร้องให้เสียเวลาหรอก...คุณหญิงแข”
จิตอาฆาตของพิกุลส่งให้ดาเรศหรือคุณหญิงแขในอดีตฝันร้าย ตกใจสะดุ้งตื่น รีบออกจากห้อง สั่งพันให้เตรียมเครื่องเซ่นบูชานางโหง ตามดาริกากับดานุมาทำพิธีขอขมานางโหงวันนี้ พันบอกคงไม่ได้ เพราะทุกคนยกเว้นคุณทับที่นอนป่วยในห้อง ออกไปข้างนอกแต่เช้า แต่อ้ำอึ้งไม่ยอมบอกว่าไปที่ไหน
ทุกคนในบ้านธนารักษ์ไปที่โรงเรียนของดารานั่นเอง เพราะผู้อำนวยการโรงเรียน โทร.แจ้งแต่เช้าให้มารับดาราที่คลุ้มคลั่งไปพบแพทย์ คุณดวงสั่งคำให้ขับรถ ดาริกากับยงตามไปด้วย เมื่อถึงหน้าบ้านพักครู ดาราตื่นกลัวพิกุลวิ่งตัดหน้ารถจนล้มแล้วลุกหนี ดาริกาลงรถตามจับ ส่วนคุณดวงเข้าสวมกอดลูกด้วยความสงสาร
“อีพิกุล อีพิกุลมันมาหลอกหนู มันบอกว่าชาติที่แล้ว หนูเคยทำร้ายมัน มันจะฆ่าหนูคุณแม่ มันจะฆ่าหนู...” ดาราเห็นคุณดวงรีบฟ้อง
ดาริกาไม่เชื่อ “เธอเป็นเอามากนะดารา พิกุลพยายามหาทางช่วยพวกเราทุกอย่าง แต่เธอนั่นล่ะที่ทำให้นางโหงต้องโกรธ”
“อีพิกุลนั่นแหละที่เป็นนางโหง มันเป็นคนทำเรื่องทุกอย่างนี้ขึ้นมาเพื่อแก้แค้นพวกเรา”
พิกุลปรากฏร่าง ดาราเห็นตกใจร้องลั่นว่าพิกุลตามมาฆ่า ทุกคนหันไปดูทางที่ดาราชี้...แต่ไม่มีใครเห็นพิกุล! ดาราร้องให้แม่ช่วย คุณดวงทำอะไรไม่ถูกได้แต่กอดลูกสาวแน่น
“ไม่มีใครช่วยเอ็งได้อีกแล้วอีจวน ถึงเวลาที่เอ็งต้องรับกรรมที่ทำไว้กับข้าแล้ว” พิกุลขู่
“ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ฉันไม่รู้เรื่อง”
คุณดวงปลอบลูกสาวว่าน่าจะตาฝาด ทันใดนั้นพิกุลพุ่งเข้าหาดาราจนประจันหน้ากัน ดารากรี๊ดผลักคุณดวงแล้ววิ่งหนี บรรดาคนใช้ช่วยกันจับแต่ดาราสะบัดหลุด พิกุลหายตัววับมาบีบคอ ดาราหายใจไม่ออกตาเหลือก หวาดกลัวจนหมดสติล้มทรุด พิกุลยิ้มสะใจก่อนหายตัวไป
คุณดวงพาร่างไร้สติของดาราไปส่งโรงพยาบาล แล้วกลับบ้านเล่าเรื่องให้ลูกสาวคนเล็กฟัง ดาเรศช็อก
“เป็นอย่างที่พิกุลบอกจริงๆ นางโหงจะไม่ละเว้นพวกเราอีก ถ้าดานุไม่ยอมขอขมานางโหง พวกเราทุกคนต้องวิบัติ โดยเฉพาะคนที่ท้าทายนางโหงจะต้องถูกลงโทษก่อน”
คุณดวงตกใจทำอะไรไม่ถูก ดาเรศเลยบอกให้ดาริกาโทร.ตามดานุ
“พี่พยายามโทร.แล้ว แต่ติดต่อไม่ได้เลย...อ้อ นึกออกแล้ว” ดาริกากดโทรศัพท์หาจิรวัฒน์ทันที
จิรวัฒน์รับสาย “ผมไม่ได้อยู่กับไอ้นุครับคุณแม่ ผมกำลังเดินทางกลับกรุงเทพฯ ผมไม่รู้มันเป็นอะไร ทำตัวลึกลับ ทิ้งการทิ้งงาน แม้แต่พอลลี่มันก็ไม่สนใจ ห่วงแต่จะแปลเอกสารภาษาจีนอะไรของมันให้จบก่อน คุณแม่คุยกับมันเองเถอะครับ”
ดาริกาหงุดหงิดวางสายแล้วบอกทุกคนว่าดานุอยู่ระยอง ไม่ยอมกลับพร้อมกองถ่ายเพราะจะแปลเอกสาร คุณดวงเสนอให้ปรึกษาพิกุล ดาเรศแย้งไม่น่าช่วยได้ เพราะทุกคนที่นี่ไม่ทำตามคำแนะนำของพิกุล ขณะนั้นคุณทับย่องมาแอบฟัง สีหน้าเครียดอย่างถึงที่สุด
ooooooo
ดานุหมกตัวในห้องพักโรงแรมที่ระยองเพื่อแปลบันทึก จิตใจจดจ่อทำให้ชายหนุ่มตกภวังค์ กลับสู่อดีตอีกครั้ง...
พิกุลถูกปล่อยตัวกลับบ้าน เพราะพิสูจน์ได้ว่าไม่ใช่ผู้ร้ายลักพาตัวคุณทิว หญิงสาวนั่งกับพื้นก้มหน้าไม่มองใครเพราะผิดหวังและเสียใจที่หลวงธนารักษ์ฯไม่เชื่อคำพูดตน คุณแขแสร้งยิ้มให้และพูดทำลายความอึดอัด
“ฉันต้องขอโทษพิกุลเป็นอย่างมากที่เกิดเรื่องเข้าใจผิดแบบนี้ขึ้น ฉันเป็นห่วงลูกจนทำอะไรไม่ถูกอภัยฉันด้วยเถอะนะพิกุล”
“เจ้าค่ะคุณแข คุณทิวเธอเล็กนัก หายไปอย่างนั้น คนเป็นแม่หัวใจก็แทบสลาย พิกุลเข้าใจ”
หลวงธนารักษ์ฯไม่เข้าใจอารมณ์ประชดของพิกุล ดีใจบอกว่าต่อไปนี้พิกุลจะอยู่ที่นี่อย่างมีความสุข พิกุลจ้องตาผัวเขม็ง แล้วตัดสินใจกราบลาขอกลับบ้านที่ระยองเพื่อไปช่วยงานศพชม คุณหลวงโกรธที่เมียเข้าข้างชม เพราะปักใจว่าชมเป็นคนลักพาตัวคุณทิว สองผัวเมียเถียงกันใหญ่โต คุณแขกลัวเรื่องลามถึงตนรีบตัดบท
“เลิกเถียงกันเถอะค่ะ อย่างไรพ่อทิวก็กลับมาแล้ว ครั้งนี้ถือว่าฟาดเคราะห์ไป”
“เคราะห์กรรมเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะโชคชะตา แต่นี่เกิดขึ้นเพราะฝีมือไอ้คนชั่ว จะให้ฉันคิดอย่างนั้นไม่ได้หรอกคุณแข” หลวงธนารักษ์ฯตอบคุณแข แต่ตั้งใจประชดพิกุลด้วยความน้อยใจ
จู่ๆบ่าวหญิงคนหนึ่งเข้ามารายงานว่าคุณทิวไม่สบาย ตัวร้อนจัด คุณแขรีบลุกไปทันที หลวงธนารักษ์ฯนิ่งมองพิกุลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจลุกตามคุณแข พิกุลมองตามด้วยความเสียใจ เก็บของกลับระยองทันที
ooooooo
ที่ห้องนอนคุณแข คุณทิวร้องไห้งอแงไม่หยุดไม่ว่าผู้เป็นแม่จะอุ้มปลอบอย่างไรก็ตาม หลวงธนารักษ์ฯคอยดูแลใกล้ๆด้วยความเป็นห่วง สักครู่หนึ่งพระยาศรีศักดิ์ฯกับคุณหญิงอิ่มเข้ามาเยี่ยมหลานชายพร้อมซินแส จวนที่กลับไปอยู่กับพระยาศรีศักดิ์ฯเดินตัวลีบตามมาด้วย
คุณแขแจ้งอาการคุณทิว “พอเช็ดตัวให้ไข้ก็ลด แต่สักพักก็ตัวร้อนอีก ลูกสงสารพ่อทิวเหลือเกิน”
“แม่เห็นว่าหมอฝรั่งมารักษาก็ไม่หาย เลยพาซินแสมาดูอาการให้ หมอฝรั่งอาจไม่เข้าใจโรคแบบเราก็ได้”
หลวงธนารักษ์ฯไม่พอใจแต่ขัดพ่อตาแม่ยายไม่ได้ ส่วนคุณแขสบตาคุณหญิงอิ่มอย่างเข้าใจ...แผนกำจัดพิกุลครั้งใหม่เริ่มขึ้นแล้ว
พระยาศรีศักดิ์ฯพยักหน้าอนุญาตให้ซินแสตรวจอาการคุณทิว ซินแสจับชีพจรอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าเครียด แล้วถามทุกคนในห้องว่าเคยบนบานอะไรไว้หรือไม่ หลวงธนารักษ์ฯปฏิเสธเสียงแข็ง คุณแขแกล้งนิ่งคิดแล้วโพล่งขึ้น
“ลูกนึกได้แล้วค่ะเจ้าคุณพ่อ คืนก่อนที่พ่อทิวจะหายไป ลูกฝันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ท่าน้ำ พูดกับลูกว่าถึงเวลาที่ตระกูลธนารักษ์ราชภักดีต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้แล้ว”
พระยาศรีศักดิ์ฯทำเป็นนึกบางอย่างได้ ขอคุยกับลูกเขยเป็นการส่วนตัว หลวงธนารักษ์ฯงง แต่ก็เดินตามพ่อตาออกจากห้องไป ทั้งคู่หลบมุมคุยกันเรื่องการบูชาเจ้าแม่วารี
“กระผมเคยเห็นศาลที่วัดวังลุ่ม อาหลิวบอกว่าเตี่ยเป็นคนสร้าง แต่พอถามเตี่ย เตี่ยก็ไม่ได้ว่ากระไร”
“ก่อนที่เจ้าสัวหอจะมาเหยียบแผ่นดินสยามได้เคยให้สัตย์สาบานไว้กับเจ้าแม่วารี หากตนรอดมาจากมรสุมร้ายกลางทะเลได้ จะขอแลกชีวิตด้วยคนเป็น” พระยาศรีศักดิ์ฯตรงเข้าประเด็น
“หมายถึงฆ่าคนน่ะรึขอรับ” หลวงธนารักษ์ฯตกใจ
“เจ้าสัวขอให้ฉันช่วย ฉันจึงเอาตัวไอ้ทอง ทาสในเรือนไปทำพิธีบูชายัญที่ระยอง จากนั้นอาการป่วยของเจ้าสัวก็ทุเลา หน้าที่การงานของคุณหลวงก็เจริญรุ่งเรือง”
หลวงธนารักษ์ฯสะดุ้งโหยง นึกถึงวันที่มั่นแจ้งข่าวเรื่องมีกลัวผีไอ้ทองจนลนลาน ชนนั่งร้านล้มทับกลั่นตาย คุณหลวงไม่อยากเชื่อเรื่องเหลวไหลและผิดกฎหมาย แต่พ่อตายืนยันว่าเป็นเรื่องจริง และเสียงแข็งกดดันว่าเพื่อแลกกับชีวิตลูกหลาน ถึงเป็นเรื่องผิดกฎหมายก็ต้องทำ
พระยาธนารักษ์ฯบันทึกเหตุการณ์ในวันที่ความโหดร้ายที่สุดเริ่มต้นว่า “และแล้วความลับที่โหดร้ายของตระกูลธนารักษ์ก็เปิดเผยออกมา...มันทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกหดหู่ใจอย่างมาก หากแต่การรับรู้เรื่องราวในอดีต ยังไม่เท่ากับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น”










