เรื่องย่อละคร
พจมาน พินิตนันทน์ เดินทางมายังบ้านทรายทอง ตามคำสั่งเสียในสมุดบันทึกบิดาซึ่งเสียชีวิตลง ให้เธอมาขออาศัยอยู่กับญาติที่บ้านหลังนี้ เพื่อลดทอนค่าใช้จ่ายในการเรียนโรงเรียนประจำ เนื่องจากบิดาของเธอต้องการให้พจมานได้เรียนต่อจนสำเร็จการศึกษา พจมานเป็นเด็กสาวรุ่น ที่มีความหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี กล้าหาญ และเด็ดเดี่ยว อันเป็นอุปนิสัยที่ได้รับการอบรม ปลูกฝังมาจากบิดาที่เธอรักและรักเธอยิ่ง วันแรกที่มาถึงบ้านทรายทอง พจมานไม่ได้รับการต้อนรับดังที่เธอหวัง เนื่องจากหม่อมพรรณราย ซึ่งมีศักดิ์เป็นป้าของเธอ เพราะเป็นลูกพี่ลูกน้องของบิดา ไม่อยู่ต้อนรับ แม้มารดาของพจมานจะได้ส่งจดหมายแจ้งข่าวการมาของเธอล่วงหน้าแล้วถึง 15 วันก็ตาม แต่ความอ่อนล้าจากการเดินทางและความผิดหวังทำให้พจมานเป็นลมหมดสติไปต่อหน้า ม.ร.ว ภาระดีสว่างวัฒน์ หรือ คุณหญิงใหญ่ ลูกสาวคนโตของหม่อมพรรณรายซึ่งเป็นคนรับหน้าพจมานในวันนั้น แม้ภายนอกคุณหญิงใหญ่จะดูเป็นคนเย็นชา อารมณ์ร้อน แต่ลึกๆแล้วเป็นคนมีเมตตา เมื่อพิจารณาจากจดหมายยืนยันของบิดาจากมือพจมาน ถึงแม้คุณหญิงใหญ่จะไม่ได้เปิดอ่านเพราะไม่ได้จ่าหน้าถึงเธอ แต่เธอก็ตัดสินใจอนุญาตให้พจมานพักที่บ้านทรายทองจนกว่าจะได้พบกับหม่อมพรรณราย
หม่อมพรรณรายกลับจากบ้านตากอากาศที่ศรีราชา พร้อม ม.ร.ว ภาวิณีจรัสเรือง หรือคุณหญิงเล็ก บุตรสาวคนสุดท้อง เมื่อทราบเรื่องว่าคุณหญิงใหญ่รับตัวพจมานไว้ในบ้าน ก็เกิดโทสะต่อว่าต่อขานบุตรสาวคนโตต่างๆนาๆ และพยายามผูกเรื่องของบิดามารดาของพจมานไปในทางลบ แต่ยิ่งเล่าก็ยิ่งทำให้คุณหญิงใหญ่ทราบแน่ชัดว่าพจมานมีความเกี่ยวดองเป็นญาติกับสกุล สว่างวงศ์ แห่งบ้านทรายทองจริง กล่าวคือ พจมานเป็นธิดาของพนา พินิตนันทน์ บุตรชายของคุณปู่สุรพล น้องชายแท้ๆ ของเจ้าคุณราชาพิพิธ ผู้เป็นบิดาของหม่อมพรรณราย ที่สำคัญ มารดาของพจมานเมื่อครั้งติดตามบิดาของพจมานมาอาศัยอยู่ที่บ้านทรายทอง เพื่อเรียนวิชากฎหมาย ได้เคยบริบาลเฝ้าไข้คุณยายของคุณหญิงใหญ่จวบวาระสุดท้ายของชีวิต คุณหญิงใหญ่ซาบซึ้งในความดี และตัดปัญหารำคาญใจเรื่องที่หม่อมพรรณรายกล่าวหาว่าเธอเป็นผู้ชักนำพจมานเข้ามาอยู่ในบ้าน ด้วยการรับอาสาดูแลพจมาน และให้พจมานอยู่ภายใต้การปกครองของเธอขณะอาศัยอยู่ในบ้านทรายทอง
แรกทีเดียวคุณหญิงใหญ่มีความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการเรียนของพจมานอยู่บ้าง เนื่องจากเธอเอง ไม่ได้มีรายได้อะไร นอกจากเงินเดือนซึ่งเป็นเงินกองกลางจากมรดกของตระกูล เธอไม่ได้เรียนจนสำเร็จการศึกษา จึงไม่มีอาชีพ เพราะเมื่อรุ่นสาวเกิดมีความรักกับบุตรชายผู้ดูแลมรดกและทรัพย์สินของตระกูล ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้หม่อมพรรณรายเป็นอย่างมาก จึงสั่งห้ามเธอออกจากบริเวณบ้านเพื่อไม่ให้มีโอกาสได้พบกับคนรัก เธอจึงต้องออกจากโรงเรียนโดยปริยาย นับแต่นั้นมา คุณหญิงใหญ่ก็กลายเป็นคนเย็นชา หม่นหมอง อารมณ์แปรปรวน และคุ้มดีคุ้มร้ายในสายตาของผู้อื่น แต่เมื่อซักถามพจมาน จึงทราบความจริงว่าบิดาของพจมานได้กันเงินสำหรับค่าเล่าเรียนของบุตรสาวไว้แล้วจำนวนหนึ่ง ไม่มีใครต้องเป็นธุระเรื่องค่าเล่าเรียนหรือค่าใช้จ่ายส่วนตัวของพจมาน นอกจากขอเพียงแค่ที่พักและอาหารเท่านั้น หญิงใหญ่จึงดูแลพจมานได้สนิทใจมากขึ้น แต่นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของความคลางแคลงใจในตัวมารดาว่าเหตุใดหม่อมพรรณรายจึงกีดกันพจมานให้ไปจากบ้านทรายทอง ทั้งที่ไม่ต้องเลี้ยงดูปูเสื่ออะไรพจมานมากมาย
ฝ่ายคุณหญิงเล็ก ผู้มีอารมณ์ร้อน หลงใหลในความหรูหราฟู่ฟ่า เชื่อคำบอกเล่าของมารดาทั้งหมด และรู้สึกว่าพจมานมารบกวนและสร้างความรำคาญให้แก่เธอและผู้คนในบ้านทรายทอง จึงเริ่มจงเกลียดจงชังพจมาน และหาทางกำจัดออกจากบ้าน แต่พจมานไม่ใช่คนอ่อนแอและยอมคนหากตัวเองไม่มีความผิด คุณหญิงเล็กกับพจมานจึงกลายเป็นไม้เบื่อไม้เมากันเสมอ พจมานอาศัยอยู่ในบ้านทรายทองท่ามกลางความกดดันและการกลั่นแกล้งต่างๆนาๆ จะมีก็เพียงเพื่อนคลายเหงาเป็นเด็กชายวัย14 คือม.ร.ว ภาณุทัตสวัสดี หรือคุณชายน้อย ลูกคนสุดท้องของหม่อมพรรณราย ที่มีร่างกายพิการ ขาเป๋ ปากเบี้ยว และรูปร่างเล็กกว่าอายุจริง และเกิดมาได้ไม่นานทูลหม่อมพ่อก็เสียชีวิต หม่อมพรรณรายจึงชิงชังลูกชายคนนี้ถึงขั้นโยนให้แม่นมทิพย์เลี้ยงดูที่เรือนคนใช้ พจมานเอ็นดูสงสารชายน้อยเพราะคิดถึง พจนา น้องชายคนกลางพี่ชายของพจนีย์ น้องสาวคนเล็กของเธอ คุณนมทิพย์เองก็มีความเมตตา ใจดีต่อพจมาน เธอจึงสนิทสนม นอกจากคุณชายน้อยแล้ว พจมานยังรักใคร่สนิทสนมกับคุณนมทิพย์เป็นอย่างดี
พจมานถึงจะพักอยู่ในบ้านทรายทองอย่างผู้อาศัย ต้องทำงานบ้านแทบไม่ต่างจากบ่าวไพร่ แต่เธอก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียนหนังสือ ตามคำสั่งเสียของบิดา หากแต่การเรียนของเธอก็แย่ลงตามลำดับ เนื่องจากต้องแบ่งเวลาไปช่วยงานในบ้าน จนแทบไม่มีเวลาทบทวนตำรา พจมานขอแยกห้องจากหญิงใหญ่ไปอยู่เรือนคนใช้เพื่อจะได้ทบทวนตำราเรียนยามดึกได้สะดวก ขณะเดียวกัน คุณแพรวพรรณ น้องสาวคนเดียวของหม่อมพรรณราย ก็กลับจากต่างประเทศและย้ายมาขออาศัยอยู่ที่บ้านทรายทองพร้อมกับลูก ๆและสามีกะทันหัน เพราะบ้านในเมืองไทยนั้นปล่อยให้ผู้อื่นเช่าขณะที่ตนและครอบครัวใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ
พจมาน ทราบว่าเจ้าคุณราชาพิพิธ พี่ชายแท้ๆ ของคุณปู่สุรพล ผู้เป็นบิดาของ พนา พินิตนันทน์ บิดาของเธอ ยังมีชีวิตอยู่ที่ตึกขวางของบ้านทรายทอง จึงต้องการเข้าไปกราบเรียนว่าเธอได้เข้ามาขออาศัยบารมีท่านในบ้านทรายทอง แต่เมื่อไปพบเข้าจริงๆ เจ้าคุณราชาพิพิธกลับมีอาการหวาดผวา เมื่อได้ยินชื่อ สุรพล และเพ้อออกมาเป็นคำพูดแปลกๆ มากมาย จนอาการป่วยทรุดหนัก พจมานจึงถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าไปพบท่านอีก แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้พจมานอดทนต่อความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหว คือ ความเปล่าเปลี่ยวรกร้างของตึกขวาง ที่ดูเหมือนจะถูกปิดตาย วันหนึ่ง เมื่อสบโอกาส พจมานจึงลองลัดเลาะเดินไปสำรวจที่ตึกขวาง แต่ภาพที่เธอเห็นสร้างความประหวั่นพรั่นพรึงและน่าตกใจกลัวให้แก่เธอเป็นอย่างมาก ภาพของหญิงชราผมขาว ที่เดินถือเครื่องเซ่นไหว้ ไปตั้งที่หน้าโลงศพ พร้อมกลิ่นธูปตลบอบอวน พจมานคิดว่าเธอโดนผีหลอก แต่ยังมีสติพาตัวเองวิ่งกลับมาที่หน้าตึกฝั่งที่พักอาศัย ความตกใจสุดขีดประกอบกับเมื่อชนเข้าอย่างจังกับสุภาพบุรุษท่านหนึ่ง ทำให้พจมานถึงกับหวีดร้องและสิ้นสติไปทันที
ชายผู้นั้น คือ ม.ร.ว ภราดาพัฒน์ระพี หรือคุณชายกลาง แห่งบ้านทรายทอง ที่เพิ่งกลับจากการไปดูงานที่ต่างประเทศ แรกทีเดียวเขาเองไม่ทราบว่าพจมานเป็นใคร แต่เมื่อพบว่าหมดสติจึงพาไปส่งที่ห้องของชายน้อย เพื่อให้คุณนมดูแล และได้รับข้อมูลของพจมานจากบุคคลรอบตัวตามลำดับ การกลับมาของคุณชายกลาง เปรียบได้กับฤดูดอกประดู่บาน พลิกฟื้นความแร้นแค้นทั้งร่างกายและจิตใจของผู้อาศัยอยู่ในบ้านทรายทอง ตั้งแต่คนใกล้ชิดอย่างชายน้อย ที่ได้รับการส่งตัวไปรักษา ตลอดจนบ่าวไพร่ รวมไปถึงพจมานด้วย เธอได้รับอนุญาตให้มีห้องพักเป็นของตัวเองชั้นบน เทียบเท่าญาติพี่น้อง และได้รับการช่วยเหลือเรื่องเงินทอง เมื่อปะเหมาะเคราะห์ร้าย มารดาของเธออาจไม่มีเงินส่งเสียให้เธอเรียนจนสำเร็จการศึกษาได้ พจมานจึงเปลี่ยนมือไปตกอยู่ในความปกครองของคุณชายกลาง เธอและเขาต่างจึงเข้ามามีบทบาทในชีวิตของกันและกันตามลำดับ
เหตุการณ์ที่กำลังดำเนินไปได้ด้วยดี ต้องมีอันพลิกผัน เมื่อคุณชายกลางต้องเดินทางไปดูงานที่ไซ่ง่อน จังหวะนั้นเอง คุณหญิงเล็กซึ่งจงเกลียดจงชังพจมานมากขึ้นทุกวัน จึงเริ่มวางแผนทำลายพจมานให้เสียคนโดยการพาพจมานไปเข้าสมาคมและทำความรู้จักกับบุคคลต่างๆซึ่งมีความประพฤติไม่ดี ส่วนมากจะเป็นเสือผู้หญิง มากหน้าหลายตา โดยทำทีขอตอบแทนพระคุณของคุณชายกลางที่มอบเงินในการจัดงานหมั้นระหว่างเธอกับท่านชายอเนกนพรัตน์ หรือท่านต้อม เจ้าพี่ของท่านหญิงปิยะฉัตรโสภา หรือท่านติ๋ว สตรีสูงศักด์ซึ่งสนิทสนมกับคุณหญิงเล็กเพราะหมายปองในตัวคุณชายกลาง โดยอาสาจะเป็นผู้ปกครองให้แก่พจมาน และรับปากว่าจะดูแลพจมานเป็นอย่างดี คุณชายกลางตกลงให้คุณหญิงเล็กดูแลพจมาน แผนร้ายต่างๆ จึงเริ่มต้นขึ้น หญิงเล็กอนุญาตให้นกุล เพื่อนชายคนสนิทของพจมานที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่อยู่บ้านต่างจังหวัด มาพบพจมานที่บ้านทรายทองได้ ทั้งที่ตอนต้นเคยกระทั่งตบหน้าพจมานและสั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้พบปะกับนกุล แต่ครั้งนี้หญิงเล็กหวังจะให้ทั้งสองมีโอกาสใกล้ชิดและทำเรื่องไม่ดีไม่งามขึ้น แต่การณ์กลับไม่เป็นไปตามคาด เมื่อไม่สำเร็จ คุณหญิงเล็กจึงพาพจมานออกสมาคม ไปเต้นรำ ตีเทนนิส ดื่มน้ำชา ตามที่ต่างๆ ซึ่งจะมีท่านต้อมไปด้วยเสมอ และบุคคลที่คุณหญิงเล็กชักนำให้พจมานชิดเชื้อด้วย ก็ล้วนแต่เป็นคนมีประวัติไม่สวย ท่านต้อมเห็นใจในความซื่อและใฝ่ดีของพจมานจึงคอยปกป้องพจมานบ่อยๆ
หญิงเล็กไม่วางมือจากพจมานง่าย ๆ บังคับให้พจมานเดินทางไปบางปูกับครูสอนดนตรี ซึ่งเบื้องหลังคือผู้ผลิตหนังลามกที่มักล่อลวงเด็กสาวๆไปถ่ายทำหนังอนาจาร เรื่องนี้ทำให้ท่านต้อม ไม่พอใจ และมีปากเสียงกับคุณหญิงเล็ก พจมานมาได้ยินเข้า จึงทราบความในใจว่าคุณหญิงเล็กไม่เคยหวังดีกับเธอเลย แต่ความดื้อรั้นบางอย่างก็ทำให้เธอตัดสินใจเดินทางไปบางปู ท่านต้อมตามไปช่วยเหลือ และทำให้ค้นพบหัวใจตัวเองว่า ผู้หญิงที่เขารัก คือพจมาน หาใช่คุณหญิงเล็กไม่ พจมานใช้ไหวพริบในการพูดจาโน้มน้าวจิตใจของครูสอนดนตรี เพื่อไม่ให้เขาล่อลวงเธอไป แต่สุดท้ายจะสำเร็จหรือไม่ในการโน้มน้าวนั้นก็สุดรู้ เพราะรถของท่านต้อมมาไม่ทันคณะของพจมาน เจอเพียงนกุลที่มาร่วมงานเดียวกัน แต่คนละคณะ จึงปล่อยให้พจมานกลับไปกับคณะเดิม ขากลับรถของพจมานประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำที่ทางเข้าสถานที่ฉายหนังลามก พจมานได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ท่านต้อมและนกุล ตามมาพบเหตุการณ์จึงรีบตามไปรับพจมานที่โรงพัก เพื่อพากลับบ้านทรายทอง
ขณะเดียวกัน หลังจากมีปากเสียงกับท่านต้อม หญิงเล็กก็มีปากเสียงกับหญิงใหญ่ และเรื่องราวก็บานปลายไปเกี่ยวกับข่าวระแคะระคายเรื่องเจ้าของสิทธิ์ครอบครองบ้านทรายทอง ว่าไม่ใช่คุณชายกลางอย่างที่เข้าใจ คุณหญิงเล็ก เกรี้ยวกราดเอาแต่อารมณ์วิ่งถลันไปที่ตึกขวาง อาละวาดเอากับเจ้าคุณราชาพิพิธ จนอาการทรุดหนักลงทันที เมื่อพจมานกลับถึงบ้านทรายทองเธอถูกตามตัวให้ไปดูใจท่านเจ้าคุณ ในขณะที่คุณหญิงเล็กยังไม่หยุดเกรี้ยวกราด สุดท้าย..ท่านเจ้าคุณสารภาพว่า บ้านทรายทองเป็นของสุรพล น้องชายของท่าน ผู้เป็นเจ้าของที่แท้จริงของบ้านทรายทอง คือทายาทของสุรพล นั่นก็คือ พจมาน! นั่นเอง ท่ามกลางความตกตะลึง พจมานปฎิเสธที่จะรับสิทธิ์นั้น รุ่งเช้า เจ้าคุณราชาพิพิธก็สิ้นใจ โดยที่คุณชายกลางยังไม่กลับมา
หลังจากเจ้าคุณสิ้นบุญได้ไม่นาน พจมานก็ได้รับโทรเลขจากพจนา ผู้เป็นน้องชายว่ามีเรื่องร้อน ให้รีบกลับบ้าน นกุลอาสากลับไปเป็นเพื่อน และเรื่องร้อนที่พจมานได้รับทราบ คือการหนีตามผู้ชายไปของพจนีย์ น้องสาวคนเล็กของเธอ และทรัพย์สินที่บิดาทิ้งไว้ให้ก็ร่อยหรอหมดไปจนต้องเอาบ้านและที่ดินไปจำนอง ส่วนพจนาเองก็ได้ลูกสาวตาแป๊ะปลูกผักมาเป็นภรรยา พจมานรู้สึกท้อแท้ใจ แต่อะไรไม่ร้ายเท่า มารดาพยายามเกลี้ยกล่อมให้เธอ แต่งงานกับบุตรชายเศรษฐีท้องถิ่นเพื่อกู้หน้าและพยุงฐานะของครอบครัว ระหว่างที่พจมานเดินทางกลับบ้าน คุณชายกลางเองก็เดินทางกลับมาถึงที่บ้านทรายทอง หลังได้รับทราบความจริงที่เกิดขึ้น ก็ตัดสินใจจะย้ายออกจากบ้านทรายทอง เพื่อคืนกรรมสิทธิ์ให้แก่พจมานและครอบครัว ท่านต้อมเมื่อทราบข่าวว่าคุณชายกลางกลับมา ก็ขอนัดพบเพื่อขอถอนหมั้นคุณหญิงเล็ก และขอหมั้นกับพจมาน คล้ายกับให้คุณชายกลางเป็นเถ้าแก่ ในขณะที่พจมานกำลังถูกมารดากดดัน และมารดาของฝ่ายชายมาทาบทามด้วยตัวเองถึงบ้าน เรือยนต์คันโก้ก็วิ่งเข้ามาเทียบท่าที่หน้าบ้านพจมาน ผู้ที่ลงมาจากเรือ ไม่ใช่ใครอื่นไกล แต่คือ คุณชายกลาง พจมานปลาบปลื้มมาก แต่ข่าวที่ได้รับ คือ การคืนบ้านทรายทองให้แก่เธอ และจะย้ายจากไป กับการทาบทามเธอให้กับท่านต้อม พจมานร้องไห้ คุณชายกลางจึงกลับไป โดยที่ไม่ได้เปิดเผยความในใจที่แท้จริงของกันและกัน แต่เขากำชับให้เธอกลับไปที่บ้านทรายทองในวันถัดไป
พจมานกลับมาที่บ้านทรายทอง คราวนี้ได้รับการต้อนรับผิดไปจากคราวแรกราวกับพลิกฝ่ามือ คุณหญิงใหญ่ไปรับเธอที่สถานีรถไฟ บ่าวไพร่ยิ้มแย้มแจ่มใส จัดห้องไว้รองรับ ได้รับประทานอาหารร่วมโต๊ะกับคุณหญิงใหญ่และคุณชายกลาง ส่วนคุณหญิงเล็กและหม่อมพรรณราย ย้ายไปอยู่บ้านที่ศรีราชาชั่วคราว วงสังคมตื่นเต้นกับการปรากฏตัวของเจ้าของบ้านทรายทองคนใหม่ แต่พจมานยืนยันความคิดเดิม คือ ไม่รับเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ คุณชายกลางก็ยืนยันเช่นกันว่าจะย้ายออกไป แต่ต้องใช้เวลาในการสร้างบ้านหลังใหม่ ระหว่างนี้ก็จะอาศัยอยู่ที่บ้านทรายทองไปพลางๆ ทางคุณชายน้อยที่ไปรักษาตัวกับนายแพทย์ฝรั่ง ผลการรักษาไม่ประสบผลสูงสุดถึงขั้นหายขาด แต่ก็พอที่จะเดินเหินได้สะดวกขึ้น จึงรับตัวกลับมา และได้ย้ายห้องมาอยู่ชั้นบน แทนคุณแพรวพรรณซึ่งไปปลูกบ้านหลังใหม่ของตัวเอง วันหนึ่ง คุณหญิงใหญ่หยิบกล่องสายสร้อยที่คุณชายกลางซื้อมาฝากพจมานเมื่อครั้งกลับจากไซ่ง่อน แต่ไม่ทันได้พบกัน เพราะพจมานกลับบ้าน คุณหญิงใหญ่เดินไปหาพจมานที่ห้อง สวมสร้อยให้และชี้แนะวิธีคิด สิทธิ์ของการตัดสินใจในเรื่องความรัก และบอกเป็นนัยๆว่าคุณชายกลางรู้สึกพิเศษต่อพจมาน จังหวะนั้น บ่าวขึ้นมาตาม แจ้งว่าคุณชายกลางให้มาเรียนว่าท่านต้อมมาขอพบ คุณหญิงใหญ่พูดกับพจมานอย่างหวังดีว่าถึงเวลาแล้วที่พจมานจะต้องเลือก คนที่เธอรัก
พจมานปรากฏตัวต่อหน้าท่านชายต้อมผู้เพียบพร้อม โดยไม่รู้ว่าชายกลางยืนแอบมองอยู่ แต่แล้วนกุลก็ปรากฎตัวขึ้นเช่นกัน พจมานดีใจที่ได้พบเพื่อนรัก ในวินาทีแห่งการตัดสินใจ เธอจึงลืมตัว ตรงไปที่นกุล ท่านชายต้อมถึงกับงงงัน ยอมรับการปฏิเสธ ขณะที่ชายกลางก็ประหลาดใจและผิดหวังมาก เดินหายเข้าไปในห้องสมุด พจมานรู้สึกตัว ทิ้งชายหนุ่มตรงหน้าทั้งสองคนไว้แล้ววิ่งตามชายกลางไปที่ห้องสมุด ทำให้ทุกคนทราบคำตอบว่า แท้ที่สุดแล้ว คนที่เธอเลือกที่จะรักก็คือคุณชายกลางนั่นเอง แต่นั่นย่อมไม่ใช่จุดจบของเรื่องราว หากเป็นปฐมบทแห่งการเริ่มต้นชีวิตรักระหว่างคุณชายกลาง และพจมาน สว่างวงศ์ แห่ง..บ้านทรายทอง
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีศพท่านเจ้าคุณราชาพิพิธ ข่าวเรื่องพิธีสมรสระหว่างชายกลางกับพจมานที่จะมีขึ้นเร็วๆ นี้ ด้วยเหตุที่ยังไม่ประสงค์ให้ข่าวนี้แพร่ออกไปยังวงสังคม จึงมีเพียงเสาวรัจที่พจมานเป็นผู้แจ้งข่าวเป็นคนแรก และเสาวรัจก็เป็นผู้ส่งต่อข่าว เป็นร่ำลือกันในกลุ่มเพื่อน ๆ ของพจมาน เสาวรัจซึ่งได้มีโอกาสไปเยี่ยมพจมานที่บ้านทรายทอง ก็ได้เล่าให้ฟังถึงความเป็นอยู่ของพจมานว่าไม่เหมือนแต่ก่อน เนื่องจากหม่อมพรรณรายกับหญิงเล็กย้ายไปอยู่ตึกขวาง และหม่อมไม่ประสงค์ที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวในบ้านทรายทอง ทำให้พจมานอาศัยอยู่ในบ้านได้เปรียบเสมือนเป็นเจ้าของบ้านคนหนึ่งเช่นกัน ท่านหญิงอ้อมจึงประสงค์จะเลี้ยงก่อนวันฉลองสมรสให้พจมาน และชักชวนพจมานและเพื่อนๆ มาร่วมฉลองกันที่วังท่านหญิงอ้อม ซึ่งในนั้นมี 'ภาณี' สาวใช้คนใหม่ของวังท่านหญิงอ้อม ที่แอบมองพจมานด้วยความริษยา ซึ่งภาณีหรืออีกชื่อหนึ่งก็คือ 'พจนีย์' น้องสาวของพจมานนั่นเอง เธอริษยาที่พจมานจะได้ครอบครองบ้านทรายทอง เธอรู้สึกว่าพจมานได้ทุกอย่างไปคนเดียว พจนีย์รอวันที่จะได้เข้าไปเปิดตัวในฐานะน้องสาวของเจ้าของบ้าน
พิธีสมรสระหว่างชายกลางและพจมานไปด้วยความเรียบร้อย โดยมีหญิงใหญ่เป็นโต้โผจัดงาน แม้จะเหน็ดเหนื่อยและบ่นสารพัด แต่หญิงใหญ่ก็ทำให้ด้วยความเต็มใจ ทั้งชายกลางและพจมานรู้สึกซาบซึ้งใจหญิงใหญ่มาก แม้หม่อมพรรณรายจะไม่ใคร่เต็มในการร่วมงานแต่งนัก แต่ด้วยเกรงใจแขกผู้ใหญ่จึงต้องจำใจมาร่วมพิธี ส่วนหญิงเล็กก็ลอบไปสงขลาเพื่อหลีกเลี่ยงไปร่วมพิธีของพี่ชายและพจมานที่ตนรังเกียจ สิริอร ซึ่งอกหักจากชายกลางก็แต่งงานกับ เกริกวิทย์ และไปร่วมงานแต่งพร้อมกับ ท่านผู้หญิงไฉไล และ หลวงนฤสารวาที และพจนีย์ก็ปรากฏตัวในคืนวันแต่งงานของพจมาน พจมานตกใจระคนดีใจที่จู่ๆ พจนีย์มาปรากฏตัว แต่พจนีย์ไม่ได้มาด้วยความยินดีที่พี่สาวแต่งงาน แต่มาต่อว่าที่พจมานเห็นแก่ตัวและไม่เคยแบ่งอะไรให้น้องๆ เลย พจมานรู้สึกเสียใจที่พจนีย์คิดกับเธอแบบนั้น ทั้งๆ ที่พจมานต้องฝ่าฟันอุปสรรคอะไรหลายๆ อย่าง และพจนีย์ประกาศว่าในเมื่อบ้านทรายทองตกเป็นของพจมานแล้ว พจนีย์ก็มีสิทธิ์ที่จะอยู่ในบ้านหลังนี้เช่นกัน หลังจากพจนีย์เข้ามาก็สร้างความไม่สบายใจให้กับพจมาน เพราะพจนีย์ผยองเสมอเหมือนเป็นเจ้าของบ้านเอง ยุ่มย่ามกับของส่วนตัวของพจมาน อีกทั้งยังแสดงท่าทางรังเกียจชายน้อยที่พิการ เป็นที่ไม่พอใจของนมทิพย์ อีกทั้งหญิงใหญ่ก็มีท่าทีระอา ทำให้พจมานต้องสั่งให้พจนีย์ทำตัวเสมือนเป็นผู้อาศัย และมีความเกรงใจต่อหญิงใหญ่และคุณชายกลางด้วย แต่พจนีย์ก็ทำหูทวนลมไป
ชายกลางได้พาพจมานไปฮันนีมูนที่ศรีราชา โดยมีแจ่มตามไปเป็นผู้ดูแลด้วย ในเวลา 5 วัน พจมานได้พบกับความสงบ และลืมเรื่องวุ่นวายในบ้านทรายทอง แม้ชายกลางจะไม่ได้ปรนนิบัติเหมือนคู่รักที่เพิ่งแต่งงาน แต่ก็สามารถดูออกว่าชายกลางและพจมานต่างก็มีความสุขกับการมาฮันนีมูนครั้งนี้










