ตอนที่ 13
วริศรากับตรินไม่รู้เรื่องแผนร้ายของเดือนดารากับสำลี มัวต่อล้อต่อเถียงระหว่างเดินไปไร่สตรอว์เบอร์รี
“นำทางสิครับคุณพลอย”
ตรินแกล้งแหย่วริศราเมื่ออยู่ตามลำพัง เพราะกษมากับปกรณ์จงใจแยกไปกับมารตีและพัชรี
“อย่ามาเรียกชื่อนี้กับฉันนะ ฉันไม่ได้ชื่อนี้”
“เมื่อคืนผมฝันว่าพบคุณพี่เก๋ชื่อคุณพลอยและผมชื่อคุณเสริม”
วริศราสะดุ้งเพราะตนก็ฝันแบบเดียวกัน กระนั้นก็ทำไขสือ
“นี่อย่ามาเพ้อเจ้อกับฉัน ฝันบ้าฝันบออะไรกัน”
“นั่นสิครับ ไม่รู้ฝันบ้าอะไรแต่มันเหมือนจริงมาก คุณพี่เก๋ในชุดโบราณในนามคุณพลอยก็น่ารักไปอีกแบบ”
“จะหยุดไหม ถ้าไม่หยุดฉันชกปากแตก”
“โห...คุณพลอยขอรับ กระผมกลัวจะแย่แล้ว”
ตรินไม่หยุดยียวนเลยโดนวริศราชก พร้อมแหวลั่นกลบเกลื่อนความหวั่นไหวของตัวเอง
“บอกแล้วว่าไม่ชอบ จะไปเก็บสตรอว์เบอร์รีไหม ถ้าไม่ไปก็นั่งตากแดดมันตรงนี้ไปคนเดียว ฉันจะไปแล้ว”
“ไปขอรับคุณพี่เก๋”
“จำไว้ว่าที่ฉันทำแบบนี้เพราะมันคือหน้าที่ที่คุณแม่มอบหมาย ฉันไม่ได้เต็มใจทำ”
“เพราะคุณหญิงท่านโปรดปรานผมมาก”
“เฮ้อ...หลงตัวเอง”
ขณะที่วริศรากับตรินต่อล้อต่อเถียงกัน พัชรีชะเง้อมองด้วยความอิจฉาเพราะลึกๆแอบประทับใจความหล่อและสุภาพของตริน ปกรณ์ไม่รู้เรื่อง เห็นสีหน้าไม่สดชื่นของเธอก็ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง
พัชรีหน้าเจื่อน ก่อนหน้าตึงเมื่อปกรณ์ขอให้ช่วยเชียร์ตรินกับวริศรา
“พัดไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของใครค่ะ แม้จะเป็นพี่สาว”
น้ำเสียงห้วนจัดของพัชรีทำให้ปกรณ์รู้สึกตัว รีบพูด “ผมขอโทษครับคุณพัด ผมไม่ได้ตั้งใจจะก้าวล่วง แค่อยากลุ้นเพื่อนให้สมหวังด้วยการขอความช่วยเหลือจากคุณพัด ข้าน้อยขอคารวะ โปรดอย่าขุ่นเคือง”
พัชรีเพิ่งรู้ตัวว่าหลุดอาการ รีบปรับสีหน้าและอารมณ์ บอกว่า
“พัดไม่ได้ถือสาอะไรค่ะ เพียงแต่พัดกลัวพี่เก๋ พี่เก๋เธอแข็งมากยากจะไปลุ้นอะไรเธอ ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้หมอปกรณ์ตกใจ”
ooooooo
กษมากับมารตีหรืออ่ำกับดาวเรืองในอดีตชาติเข้ากันดีอย่างไม่น่าเชื่อ ต่างจากคู่ตรินกับวริศราที่เถียงกันตลอดการเก็บสตรอว์เบอร์รี
“นี่คุณพี่เก๋ เรามาเก็บสตรอว์เบอร์รีไม่ได้มาตามควายหายนะครับ เดินให้มันช้าๆหน่อยสิครับ”
“ฉันไม่คิดว่ากำลังมาเก็บสตรอว์เบอร์รี แต่ฉันกำลังเดินหนีควาย ควายเกกมะเหรกเกเร”
“แต่คนอื่นเขาเก็บกันสนุกเลยนะ”
“คุณก็เก็บไปสิ ทำไมต้องมาเกี่ยวข้องกับฉัน”
“ก็ผมไม่รู้นี่นาว่าควรเก็บแบบไหนถึงจะพอดีที่ควรเก็บได้”
“ฉลาดมากก็คิดออกเองได้นี่นา”
“ใจร้ายเกินไปแล้วนะคุณพลอย”
“นี่! อย่ามาเรียกฉัน...ว้าย!”
วริศรามัวโมโหจนไม่ทันดูทางเลยสะดุดล้ม โชคดีตรินรับไว้ทันและถือโอกาสโอบเธอไม่ปล่อย แถมยิ้มระรื่นเมื่อกษมากับปกรณ์มาสมทบและขอให้ถ่ายภาพคู่กัน แต่วริศราพยายามสะบัดตัวออก
“ปล่อยนะ อย่ามาฉวยโอกาส”
ตรินยิ้มยั่ว แกล้งเย้า “อ้าว...พูดงี้ใครกันแน่ฉวยโอกาสเล่นละครน้ำเน่าสะดุดให้ล้ม อ่อยให้พระเอกกอด”
“เฮ้ย! นายมันบ้า นายมันหลงตัวเอง เอาดีเข้าตัว นายมารับฉันไว้ทำไม ทำไมไม่เบี่ยงตัวหลบให้ฉันล้มไปซะ”
“โห...ผมมีเมตตากรุณา จรรยา ผมสุภาพบุรุษสุดๆ ผมต้องโอบอุ้มโอบกอดผู้ผวามาใส่อกผายไหล่ผึ่งของผมสิครับ แหม...ส้มหล่น แต่เอ้อ...ไม่สระผมมากี่วันแล้วครับ ผมเหม็นหืนมาก”
วริศราปรี๊ดมากแต่ต้องข่มใจพาคณะตรินและน้องสาวทั้งสองไปเที่ยวต่อ และที่บึงบัวนี่เองวริศรากับตรินก็ต่อปากต่อคำกันจนเกิดเรื่องทำให้ตรินขาแพลง
“ไม่คิดจะช่วยปฐมพยาบาลผมบ้างหรือ”
“ไม่ใช่หมอ เป็นหมอก็ช่วยตัวเองสิ”
ตรินไม่ถือสาแต่แกล้งจนเธอขาแพลงเหมือนกัน วริศราเจ็บใจโถมตัวจะทุบตีเขา หมอหนุ่มร้องห้าม
“ระวังขาหักกระดูกข้อเท้าร้าวเพราะมันแพลงแล้วยังมาออกแรง”
“ขาฉันไม่ใช่ของนาย”
“แต่มันความรับผิดชอบของผม”
“ฉันไม่ต้องการให้คนอย่างนายมารับผิดชอบขาฉัน”
“เก่งจังเลยครับ จับได้ให้ขี่คอเดินเลย”
“ไอ้บ้า! ฉันไม่ขี่คอนายแน่ๆ อย่าเหิมเกริม”
ขาดคำก็โถมตัวหาแต่วริศราก้าวพลาดตกลงไปในบึงเสียแล้ว!
ooooooo
เหตุการณ์ชุลมุนหลังจากนั้นเมื่อพัชรีตะโกนบอกว่าวริศราว่ายน้ำไม่เป็น ตรินไม่รอช้ากระโจนไปช่วยและจัดการผายปอดให้เธอด้วยการประกบปาก
วริศราทั้งโกรธทั้งอายแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะเป็นเหตุสุดวิสัย ตรินไม่เซ้าซี้แต่เสนอให้เธอขี่หลังเพื่อเดินทางไปถ้ำพร้อมคนอื่นๆ พัชรีมองมาด้วยความไม่ชอบใจแต่ค้านไม่ได้เพราะวริศราเจ็บข้อเท้าจริงๆ
วิญญาณพริ้งกับเอิบซ่อนตัวในถ้ำมาตลอดและคอยหลอกหลอนพวกชาวบ้านไม่ให้มายุ่มย่ามรวม ทั้งเหล่าบริวารสัมภเวสีของสำลีที่ถูกส่งมาป่วนไม่หยุด
การมาถึงของคณะตรินและวริศราทำให้วิญญาณพริ้งกับเอิบตื่นเต้น ยอมร่วมมือกันอีกครั้งทำให้ตรินสมหวังกับวริศรา รวมทั้งคู่กษมากับมารตีและปกรณ์กับพัชรีด้วย
วิญญาณพริ้งกับเอิบช่วยกันหลอกจนปกรณ์กับพัชรีกอดกันกลม แต่คู่ของกษมากับมารตีไม่ทันโดน ผีหลอก ก็กอดจูบกันนัวเนียในถ้ำด้วยความรักและสิเน่หาไปก่อนแล้ว










