ตอนที่ 13
น้ำเสียงตัดพ้อของอดีตเมียรักทำให้วิญญาณแสงถอนใจเหนื่อยหน่าย ลึกๆรู้ดีว่าตนมีส่วนผิดทำร้ายจิตใจเธอก่อนจึงตัดสินใจเตือนสติเธอเป็นครั้งสุดท้าย
“เธอตกอยู่ในอำนาจของไอ้หมอผีสำลี มันไม่ได้หวังดีกับเธอด้วยใจ มันแค่อยากลองอาคมของมันโดยใช้เธอเป็นเครื่องมือ นี่คือความหวังดีสุดท้ายที่พี่มีต่อเธอ กลับใจเสียเถิดเดือนดารา”
เสียงร่ำไห้สะอึกสะอื้นของเดือนดาราทำให้วริศรา มารตีและพัชรีเป็นกังวล อยากไปดูแม่บุญธรรมแต่สำลีก็โผล่มาขวางไว้อีกครั้งพร้อมบอกว่าเดือนดาราไม่ค่อยสบายเพราะสะเทือนใจ
คณะตรินไม่ได้รับรู้ความเป็นไปบนเรือนเดือนดารา มัววิ่งพล่านเพราะถูกวิญญาณพริ้งกับเอิบหลอกหลอน โดยเฉพาะปกรณ์หรือสนในอดีตชาติที่ขวัญอ่อนเลยโดนหนักสุด
ooooooo
เดือนดารายังจมกับความรู้สึกผิด สำลีเข้าไปรายงานเรื่องจัดการศพลูกชายขันแก้ว...
“คุณเสริม...เอ้อ...หมอตรินช่างสงสัยนัก พยายามไปวุ่นวายกับศพเด็กให้ได้ บอกว่ามันคือการฆาตกรรม”
“ขอบใจที่ลุงตัดสินใจรีบฝังเด็กไปก่อนที่พวกเขา จะไปถึง ขันแก้วและเอื้องคำเชื่อฟังลุงดีใช่ไหม”
“กระผมสะกดจิตพวกมัน”
คำบอกเล่าของหมอผีชราทำให้เดือนดาราถอนใจยาว
“ฉันทำบาปจนกลับตัวไม่ได้แล้วใช่ไหม”
“กรุณาอย่าพูดเรื่องบาปอีกเลยขอรับ ก้าวไปข้างหน้าเพื่อความสำเร็จ คุณหญิงไม่อาจเปลี่ยนใจได้แล้วขอรับ”
เดือนดารานิ่วหน้า “เพราะอะไร”
“เพราะคุณหญิงจะเสียทั้งสองทาง งานไม่สำเร็จแถมจะโดนผู้คนรุมประณามเย้ยหยัน ที่สำคัญคุณหญิงจะกลายเป็นนังแก่ที่ไม่ตายแต่มีร่างกายเหมือนเศษขยะพิกลพิการคลานไปมาไม่ต่างกับสัตว์เลื้อยคลาน รับได้ไหมขอรับ”
คำขู่ของสำลีทำให้เดือนดาราหน้าเสีย พึมพำเสียงเครียด
“ฉันอยากหยุด อยากกลับใจ ไม่อยากทำร้ายใครอีกแล้ว ฉันกลัว คุณพี่ก็ก่นด่าว่าฉันเลวทรามจนเกินอภัย”
“ขี่หลังเสือแล้วลงไม่ได้หรอกขอรับคุณหญิง”
“ขู่ฉันหรือ”
“หามิได้ขอรับ”
เดือนดารายอมทำตามแผนต่ออย่างไม่เต็มใจนักเพราะรู้สึกผิดไม่หาย สำลีย่ามใจมากที่มนตร์ดำของตนจะได้สำแดงฤทธิ์เดชอีกครั้งโดยมีเดือนดาราเป็นเครื่องมือสำคัญ
วิญญาณพริ้งกับเอิบร้อนใจไม่อยากให้แผนร้ายของเดือนดารากับสำลีสำเร็จ ตัดสินใจเข้าฝันตรินกับวริศราเพื่อเตือนให้ระวังตัวอีกรอบ...
ooooooo
ตรินหลับสนิทแต่ต้องสะดุ้งกลางดึกเพราะฝันร้ายเห็นผีผู้หญิงแต่งตัวด้วยชุดไทยโบราณ
วิญญาณพริ้งนั่นเองที่ยิ้มหวานทักทายหมอหนุ่ม “คุณเสริมจำพริ้งได้ไหมเจ้าคะ”
“ฉันชื่อตรินไม่ใช่เสริมและไม่เคยรู้จักเธอจะจำได้ยังไง”
“พริ้งเคยเป็นบ่าวบ้านคุณเดือนดาราภรรยาคุณแสงพี่ชายคุณเสริมเจ้าค่ะ คุณเสริมมีพ่อชื่อคุณสิทธิ์มีแม่ชื่อคุณหญิงตรึงตรา คุณเสริมรถคว่ำตายมาเกิดใหม่และจะพบเจอสิ่งเลวร้าย ไปจากที่นี่นะเจ้าคะ พาคุณพลอยไปด้วย”
“ฉันไม่รู้จักคุณพลอย เธอเหลวไหล พูดเพ้อเจ้อ ไปให้พ้น อย่ามาหลอกอะไรกันดีกว่า ฉันไม่เชื่อเธอหรอก”
“ร้อยปีแล้วยังไม่เลิกดื้อ แต่พริ้งไม่ยอมแพ้หรอก เจ้าค่ะ”
“ไปให้พ้น!”
เวลาเดียวกันที่เรือนเดือนดารา...วิญญาณเอิบก็เข้าฝันวริศราเพื่อเตือนให้ระวังตัว
“คุณพลอยคนดีของยาย เชื่อยายนะเจ้าคะ ยายหวังดี ยายห่วง...ยายคิดถึงคุณพลอยมาเป็นร้อยปีแล้ว”
วริศรามองร่างโปร่งแสงของหญิงชราแล้วนิ่วหน้า วิญญาณเอิบรีบแนะนำตัว
“คุณพลอย...นี่ยายเอิบนะเจ้าคะ จำกันได้ไหมเจ้าคะ”
“เราไม่รู้จักกันและฉันชื่อเก๋ไม่ใช่คุณพลอยอะไรของยายหรอก ยายจำคนผิดแล้ว”
“ไม่ผิดแน่เจ้าค่ะ ยายจะให้ดูอะไร...คุณพลอยคือคุณพลอยของยายไงเจ้าคะ”
จบคำก็จูงมือวริศราหรือพลอยในอดีตชาติไปดูเรื่องราวเมื่อร้อยกว่าปีก่อน...ตอนพลอยยังเป็นเมียแสง
ooooooo
วิญญาณพริ้งทำเหมือนวิญญาณเอิบพาตรินไปดูเรื่องราวของเสริมเมื่อร้อยกว่าปีก่อน...
ตรินหรือเสริมในอดีตชาติตะลึงมากเมื่อเห็นว่าพลอยคือวริศรา
“ไม่จริง! เธอสร้างภาพให้ฉันเชื่อ”
“จริงสิเจ้าคะ เชื่อพริ้งเถิดเจ้าค่ะ ถ้าไม่จริงแล้วเรื่องคุณพลอยเล่าเจ้าคะ...เชื่อไหม คุณเก๋คือคุณพลอยกลับชาติมาเกิด คุณเสริมก็กลับชาติมาเป็นหมอตริน”
“คุณพลอย...คุณเก๋”
“เธอคือคู่ครองของคุณเสริมชาติที่แล้วอย่างไรเจ้าคะ”
วริศราช็อกกับความจริงในอดีตที่รู้จากวิญญาณเอิบ ภาพแสงพลอดรักกับพลอยทำให้วริศราพูดไม่ออก ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเพราะผู้หญิงชื่อพลอยหน้าเหมือนเธอราวกับเป็นคนเดียวกัน!
“คุณแสงเป็นสามีคุณเดือนดารา คุณพลอยเป็นเมียน้อยคุณแสง”
วิญญาณเอิบเข้าใจความตกใจของวริศราดี กระนั้นก็ไม่หยุดสาธยายเรื่องอดีต
“หมอตรินคือคุณเสริมและแอบหลงรักคุณพลอย ไม่สนใจว่าคุณพลอยเป็นเมียพี่ชาย”
วริศราอึ้งมาก แล้วก็หน้าซีดเผือดเมื่อเห็นภาพพลอยตายเพราะโดนวางยาพิษ!
“คุณหญิงเดือนดาราฆ่าคุณพลอย”
“คุณแม่ไม่มีวันทำกับฉันอย่างนั้น คุณแม่มอบชีวิตใหม่ให้ฉัน มีพระคุณท่วมท้น ฉันไม่เชื่อยายหรอก”
“คุณพลอยไม่เชื่อหรือเจ้าคะว่าคุณเสริมน้องชายคุณแสงตอนนี้เป็นหมอตรินไงเจ้าคะ”
“ยายกำลังทำให้ฉันสับสน อย่ามาเล่นกลกับฉันดีกว่า ยังไงฉันก็ไม่เชื่อ!”
ทั้งตรินและวริศราต่างไม่เชื่อว่าเรื่องราวในความฝันจะเป็นจริง วิญญาณพริ้งกับเอิบอ่อนใจมากต้องช่วยกันแผลงฤทธิ์ทำให้หกหนุ่มสาวได้ยินเสียงพระสวดบทกุศลาธรรมาหรือบทสวดในงานศพ










