ตอนที่ 1
ภารกิจล่าตี๋ใหญ่เริ่มต้นในวันต่อมา บรรดลกับอุดมลงพื้นที่สำรวจอำเภอดำเนินสะดวก บ้านเกิดของตี๋ใหญ่และสถานที่ที่เชื่อว่าเป็นแหล่งกบดานสำคัญของทั้งแก๊ง
สภาพภูมิศาสตร์โดยรวมทำให้อุดมนึกทึ่ง เชื่อแน่ว่าที่นี่คือแหล่งกบดานที่ดี
“ถึงว่า...ทำไมพวกมันถึงชอบที่นี่ นอกจากพวกมันจะคุ้นเคยเส้นทางดีแล้ว ที่นี่ยังมีทางหนีทีไล่เพียบ ไปได้ทั้งทางบกทางน้ำ ไม่แค่นั้น...คนที่นี่ยังปิดปากเงียบ ไม่มีใครกล้าให้ข้อมูลใดๆกับตำรวจด้วย”
“ต่อให้พวกมันเหินฟ้าดำดินได้ ก็ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมายหรอก”
“พูดอีกก็ถูกอีก ว่าแต่เราจะเริ่มยังไงกันดีล่ะ”
“จะจับโจรก็ต้องไปหาที่รังโจรสิวะ”
บรรดลรู้จากแฟ้มข้อมูลของตี๋ใหญ่ว่าหนู สมุนคนสนิท มือซ้ายของตี๋ใหญ่ติดการพนันอย่างหนัก เลยพาอุดมไปสังเกตการณ์ในบ่อนของเสี่ยโจ บ่อนท้องถิ่นที่ว่ากันว่าเป็นแหล่งรวมตัวของพวกนักเลง
หนูกำลังลุ้นไพ่ในบ่อนจริงๆตามที่บรรดลคาดไว้ อุดมกวาดตามองบรรยากาศรอบๆด้วยแววตานิ่งสงบ และตามเพื่อนสนิทไปนั่งในวงไพ่เพื่อสังเกตการณ์แบบห่างๆ
จ่ายะ นายตำรวจชั้นผู้น้อย สายข่าวประจำพื้นที่ดำเนินสะดวกที่มักหาลำไพ่พิเศษด้วยการให้ข้อมูล
แก่พวกนักข่าว ร่วมนั่งในวงไพ่เดียวกับหนู เลยได้รู้เห็นเหตุการณ์ต่อมาเมื่อหนูโวยวายเพราะคิดว่าถูกเจ้ามือโกงไพ่
ไม่มีใครรู้ตัวจริงของจ่ายะ รวมทั้งหนูที่กำลังอาละวาดใส่ชาญหัวหน้าคนคุมบ่อนของเสี่ยโจ
“ใจเย็นๆสิเฮีย มีอะไรค่อยพูดค่อยจากัน”
“ไม่ยงไม่เย็นมันแล้ว เอาเงินกูคืนมา”
“เล่นเสียแล้วโวยวายจะเอาเงินคืน มันไม่มากไปหน่อยเหรอ”
“ถ้าพวกมึงไม่คืนเงินกู กูจะพาพวกมาถล่มที่นี่”
“มึงนึกว่ามึงใหญ่นักเหรอ”
“พวกมึงคงรู้นะว่ากูเป็นใคร”
สองฝ่ายสบตากันอย่างเอาเป็นเอาตาย จู่ๆเสี่ยโจก็โผล่มาขวางและบอกให้หนูไปเอาเงินคืนในห้องทำงานของเขา หนูไม่เอะใจท่าทางแปลกๆ เดินไปเอาเงินด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ ต่างจากจ่ายะที่มองตามเครียดๆเพราะรู้ดีว่าจะเกิดอะไรที่ห้องทำงานของเสี่ยโจ
บรรดลกับอุดมไม่ได้ตามหนูไปเพราะไม่อยากให้ใครผิดสังเกต สวมบทบาทนักพนันต่างถิ่นได้อย่างแนบเนียน โดยไม่รู้เลยว่าหนูถูกเสี่ยโจและเหล่าลูกน้องซ้อมอย่างหนักโทษฐานทำตัวกร่างในบ่อน
ooooooo
หนูถูกชาญกับลูกน้องลากตัวไปโยนหน้าบ่อน สภาพสะบักสะบอมทำให้เหล่านักพนันรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น เช่นเดียวกับบรรดลและอุดมที่ทนไม่ไหวยอมมีเรื่องกับพวกชาญเพื่อช่วยหนู
บรรดลกับอุดมช่วยกันแบกร่างไร้สติของหนูไปขึ้นรถที่จอดแถวนั้น เมื่ออาเจ็กเจ้าของรถมาเห็นก็เบิกตาโพลง ทำท่าจะโวยวาย แต่ต้องยอมแบบเสียไม่ได้เมื่อบรรดลเปิดเสื้อให้เห็นปืนพกที่เหน็บเอว
แต่ถึงกระนั้น...อาเจ็กก็อดบ่นไม่ได้เมื่อขับรถออกมาครู่ใหญ่
“ไปยุ่งกับพวกมันทำไม แถวนี้มันเถื่อน คนฆ่ากันง่ายๆ เดี๋ยวพวกลื้อก็ตายฟรีหรอก แล้วก็อยากบอกอีกอย่าง ไอ้คนที่พวกลื้ออุตส่าห์เสี่ยงตายเข้าไปช่วยน่ะ ที่จริงมันก็ไม่ใช่คนดิบดีอะไรเลย พอๆกันทั้งนั้นแหละไอ้พวกนี้”
“เจ็กรู้จักไอ้นี่ด้วยเหรอ”
“รู้จักสิ...ข้าน่ะอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด เห็นไอ้พวกนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ไอ้นี่มันชื่อหนู...เป็นพวกเดียวกับตี๋ใหญ่”
บรรดลกับอุดมมองหน้ากัน เกือบจะยิ้มแต่ต้องรีบกลบเกลื่อนทำเป็นตื่นเต้นที่ได้เจอลูกสมุนตี๋ใหญ่
อาเจ็กไม่ติดใจท่าทางเสแสร้งนั้น มองสภาพหนูแล้วได้แต่ส่ายหน้าสมเพชปนเวทนา “เพราะถือตัวว่าเป็นพวกตี๋ใหญ่ ไอ้หนูเลยกร่างไปทั่ว แต่ไอ้เสี่ยโจมันธรรมดาที่ไหน ไอ้หนูซ่าไม่ถูกที่ก็สมควรแล้วที่โดนแบบนี้”
หนูถูกพาตัวส่งที่คลินิกของปรีชา เจ้าของที่เป็นหมอและพี่ชายแท้ๆ อาเจ็กยืนยันจะช่วยแค่นี้และขับรถออกไปทันที ทิ้งบรรดลกับอุดมช่วยกันแบกร่างหนูเข้าไปด้านในคลินิก
ปรีชาเห็นสภาพน้องชายก็พูดไม่ออก รู้ดีตั้งแต่น้องชายเลือกเส้นทางนักเลงว่าคงเกิดเรื่องแบบนี้ แต่กระนั้นก็ยังมีความหวังจะหาทางให้น้องชายคนเดียวกลับมาเป็นคนดีให้ได้
บรรดลกับอุดมอึ้งมากเมื่อรู้ว่าปรีชาเป็นพี่ชายแท้ๆของหนู แต่ที่ทำให้สองหนุ่มเครียดกว่าก็เมื่อหมอหนุ่มถามที่มาที่ไป อุดมที่หัวไวแต่งเรื่องโกหกส่งๆว่าพวกตนเป็นเพื่อนกันและเป็นหลานห่างๆของอาเจ็ก
เรื่องโกหกของอุดมทำให้บรรดลปวดหัวมากเพราะไม่ได้เตี๊ยมกันไว้ แม้ปรีชาจะไม่ติดใจสงสัย แต่เพื่อให้แนบเนียน สองตำรวจหนุ่มเลยต้องบากหน้าไปขอความร่วมมือจากอาเจ็กให้ช่วยทางการด้วย
อาเจ็กกลัวตาย ไล่ตำรวจทั้งสองออกจากบ้านและอู่ซ่อมรถที่ตัวเองเป็นเจ้าของ บรรดลต้องหว่านล้อม
“แต่เจ็กครับ...เรื่องนี้มันสำคัญจริงๆนะ”
“สำคัญยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับอั๊ว”
บรรดลรู้ดีว่าอาเจ็กเกรงอิทธิพลตี๋ใหญ่ แต่ไม่ละความพยายามจะเกลี้ยกล่อม
“ไม่จริงหรอก...ถ้าเจ็กคิดแบบนี้จริงๆ เมื่อคืนเจ็กคงไม่ช่วยพวกผมหรอก”
“ก็ไม่ได้อยากจะช่วยสักหน่อย พอดีอั๊วไปเสี่ยงโชคเล่นๆจะกลับอยู่แล้วเชียว ดั้นขับผ่านไปเจอพวกลื้อซะก่อน”
“แต่เจ็กก็ทนเห็นคนเดือดร้อนไม่ได้ใช่ไหมล่ะ”
“งั้นก็ได้...ลื้อลองเล่ามาอีกทีว่าเรื่องนี้มันยังไงกัน...”
ooooooo
อาเจ็กยอมเป็นสายให้ตำรวจ ให้บรรดลสวมบทเป็นหลานชาย ญาติห่างๆเพื่อบังหน้าและหาทางเข้าแก๊งตี๋ใหญ่ เพราะเห็นแก่ชาติบ้านเมืองล้วนๆ อุดมทิ้งเพื่อนรักให้ทำความคุ้นเคยกับอาเจ็กที่อู่ซ่อม
รถส่วนตัวเองกลับไปพักโรงแรมและโทร.รายงานสมศักดิ์ถึงแผนการแฝงตัวและสถานการณ์โดยรวมในดำเนินสะดวก
สมศักดิ์เป็นห่วงบรรดลเพราะรู้ดีถึงความโหดเหี้ยมของแก๊งตี๋ใหญ่หากรู้ว่าใครเป็นสายให้ตำรวจ อาเจ็กก็คิดไม่ต่างกัน พยายามเต็มที่จะให้บรรดลรู้จักและจำวงศาคณาญาติของเขาได้ในระยะเวลาอันสั้น
ครอบครัวใหญ่ของอาเจ็กทำให้บรรดลมึนจัด แต่ไม่ท้อ ขออนุญาตเอาภาพถ่ายครอบครัวอาเจ็กไปอัดขยายและติดในผนังห้องนอนที่อู่ พร้อมแปะกระดาษบอกชื่อและความสัมพันธ์เพื่อท่องจำ อาเจ็กเห็นดีเห็นงามด้วย และตั้งชื่อจีนให้บรรดลใหม่ว่า จง แปลว่าซื่อสัตย์
“ชื่อนี้น่าจะเหมาะกับลื้อ ชอบไหมล่ะ”
“ชอบสิเจ็ก ขอบคุณนะ”
“เออๆ ชอบก็ดีแล้ว อั๊วไปเจี๊ยะปึงกินข้าวก่อนนะ ลื้อหิวเมื่อไหร่ก็ตามลงไปแล้วกัน”
ความตั้งใจจริงของบรรดลหรือชื่อใหม่ภาษาจีนว่าจง ทำให้อาเจ็กนึกเอ็นดูเหมือนหลานชายจริงๆ ยิ่งมาพักด้วยกันแบบนี้ ยิ่งได้รู้จักกันมากขึ้น เลยอดห่วงไม่ได้หากอีกฝ่ายถูกพวกตี๋ใหญ่จับได้ว่าเป็นสายตำรวจ
“จำชื่อญาติของเราให้ดีๆนะอาจง ถ้าพวกนั้นจับได้ว่าลื้อไม่ใช่หลานอั๊วจริง ความซวยมาเยือนแน่!”
ระหว่างที่บรรดลหรือจงทำความรู้จักกับครอบครัวอาเจ็กและทำความคุ้นเคยกับอู่ซ่อมรถ ตี๋ใหญ่กับสมาชิกแก๊ง ประกอบด้วยประทีปและทิพย์ แวะไปเยี่ยมหนูที่คลินิกของปรีชา หมอหนุ่มพี่ชายของหนูเล่าว่ามีคนช่วยน้องชายไว้ แต่ไม่ได้ถามชื่อและไม่เคยเห็นหน้า รู้แค่ว่าหนึ่งในสองคนนั้นเป็นหลานชายห่างๆของอาเจ็ก
ทิพย์กับประทีปติดใจที่มาของสองหนุ่มที่ช่วยชีวิตหนูตามประสาพวกขี้ระแวง แต่ไม่ได้ใส่ใจนานนัก เพราะมีเรื่องชำระแค้นเสี่ยโจที่บังอาจลูบคมตี๋ใหญ่ซ้อมหนูหนึ่งในสมาชิกแก๊งแบบไม่เห็นหัวพวกตน
ตี๋ใหญ่นั่งฟังเงียบๆ ทั้งที่ในใจพลุ่งพล่านด้วยความแค้นที่ถูกหยาม พลันภาพอดีตตอนถูกจับพร้อมตุ่นเพื่อนร่วมแก๊งอีกคนก็ผุดในหัว ครั้งนั้นเขากับเพื่อนร่วมแก๊งถูกจับที่เชียงใหม่และถูกพาตัวขึ้นรถไฟเพื่อกลับกรุงเทพฯ...
ทั้งตี๋ใหญ่กับตุ่นถูกล่ามมือล่ามเท้า โดยมีตำรวจสองนายประกบตลอดทาง แต่สุดท้ายจอมโจรอัจฉริยะอย่างตี๋ใหญ่ก็หาทางหนีจนได้ ด้วยการลวงสองตำรวจว่าอยากเข้าห้องน้ำ ก่อนจะพาตุ่นกระโดดหน้าต่างรถไฟหนี!
การหนีครั้งนั้นประสบความสำเร็จด้วยดี ทั้งตี๋ใหญ่และตุ่นหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ตำรวจตามจับไม่ได้หลายปี จนกระทั่งวันนี้ที่ดูเหมือนกรมตำรวจจะเหิมเกริมอีกครั้ง ไล่และล่าแก๊งโจรหลายกลุ่มเพื่อข่มขวัญ
ตี๋ใหญ่ดึงตัวเองจากอดีต เจ็บใจไม่หายที่เคยพลาดท่าถูกจับเมื่อหลายปีก่อน
“ฉันอาจเคยพลาด แต่ฉันจะไม่มีวันพลาดอีกเด็ดขาด ทางเดียวที่จะจับตี๋ใหญ่ได้คือต้องจับตายเท่านั้น!”
ooooooo
สภาพสะบักสะบอมของหนูทำให้พวกตี๋ใหญ่แค้นจัด ยกพวกไปบุกบ่อนเสี่ยโจเพื่อเอาเรื่อง เจ้าของบ่อนเจ้าถิ่นออกมาต้อนรับแบบไม่ทุกข์ร้อน สีหน้ากวนประสาทจนพวกตี๋ใหญ่ยิ่งคลั่ง
“ว่าไง...ไม่ได้เจอกันนานเลยนะไอ้ตี๋ ไปมุดหัวอยู่ไหนมาล่ะ หรือไอ้เสืออย่างลื้อมันสิ้นลายแล้ววะ”
จ่ายะ สายข่าวประจำถิ่นเห็นตี๋ใหญ่ก็ถึงกับอึ้งรีบแอบไปโทร.บอกเนตรดาว นักข่าวสาวภาคสนามให้รีบมาทำข่าว โดยไม่รู้เลยว่าภายในบ่อนกำลังร้อนระอุเพราะเสี่ยโจตั้งท่าจะมีเรื่องกับตี๋ใหญ่เต็มที่
“แห่กันมาแบบนี้...คิดว่าอั๊วจะกลัวหรือไง จำใส่กบาลไว้ อั๊วหากินอยู่ที่นี่ตั้งแต่พวกลื้อยังตัวเท่าลูกหมาไม่แน่จริง อั๊วไม่อยู่มาถึงป่านนี้หรอกเว้ย”
เสี่ยโจโอ่แบบไม่กลัวใคร พวกตี๋ใหญ่ตั้งท่าจะถล่มให้หายแค้น แต่ไม่ทันขยับ เสี่ยปิ่นเจ้าพ่อดำเนินสะดวกและเจ้าของบาร์ท้องถิ่นก็ขับรถมาขวาง ขอโทษแทนพวกตี๋ใหญ่และขอให้เลิกแล้วต่อกัน ตี๋ใหญ่ยอมสงบศึกตามคำขอเสี่ยปิ่น แต่ไม่วายฮึดฮัดเพราะเสี่ยโจยั่วประสาทไม่หยุด กว่าเสี่ยปิ่นจะแยกคู่กรณีจากกันได้ก็แทบหมดแรง...
เวลาเดียวกันที่สถานีข่าวโทรทัศน์...เนตรดาวหัวเสียไม่แพ้ตี๋ใหญ่เพราะมีคำสั่งห้ามไม่ให้เธอออกภาคสนามไปตามข่าวตี๋ใหญ่ นักข่าวสาวพยายามตื๊อแต่ผู้อำนวยการใหญ่ยืนกรานไม่อนุญาต
“ผมพิจารณาแล้ว มันอันตรายเกินไปสำหรับคุณ”
“แต่หัวหน้าคะ...สายข่าวของเรายืนยันชัดเจนว่าพบตี๋ใหญ่เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน หลังจากที่เขากับสมุนกระโดดรถไฟหนีตำรวจได้สำเร็จ เราคงไม่ปล่อยให้ข่าวนี้หลุดมือไปเฉยๆหรอกนะ”
“ใครบอกว่าเราจะปล่อย แต่ผมจะส่งคนอื่นไปแทน”
“ไม่นะ...นี่เป็นข่าวที่เนตรได้มา เนตรไม่ยอมให้ใครไปทำแทนหรอก”
“เนตรดาว...คุณเป็นผู้หญิง งานข่าวอาชญากรรม มันไม่เหมาะกับผู้หญิงหรอก”
“ไม่จริงหรอกค่ะ ผู้หญิงเหมาะกับทุกงานนั่นแหละ ถ้าเราเลือกจะทำซะอย่าง เราก็ทำได้ทั้งนั้นแหละ”
ขณะที่เนตรดาวต่อสู้เพื่อผลงานชิ้นเอก ตี๋ใหญ่เป้าหมายของเธอกำลังโมโหสุดขีดที่ต้องข่มใจไม่เอาเรื่องเสี่ยโจ
“มันอัดไอ้หนูซะเละขนาดนั้น เฮียจะไม่ให้ผมเอาคืนมันมั่งเลยเหรอ”
เสี่ยปิ่นรับฟังด้วยสีหน้านิ่งสงบ เข้าใจหัวอกหัวหน้าแก๊งที่ถูกหยามดี แต่อยากให้ตี๋ใหญ่มีสติกว่านี้
“เอาคืนน่ะได้ แต่เอ็งจำที่เฮียเคยบอกได้ไหม ...นักเลงที่แท้ต้องไม่ใช้แค่กำลัง แต่มันต้องใช้สมองด้วย”
ตี๋ใหญ่อารมณ์เย็นลง เสี่ยปิ่นเลยถือโอกาสสั่งสอนและเตือนสติ
“วิธีที่เอ็งใช้มันเป็นการดับเครื่องชน อย่างมากก็เละกันไปทั้งคู่ ถ้าจะให้เจ๋ง ต้องให้มันวอดวายโดยที่เรายังยืนหัวเราะอยู่ได้สิวะ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา แต่รออีกไม่นานหรอกเว้ยตี๋...จะเป็นทีของเราบ้าง!”
เสี่ยปิ่นมอบปืนพกให้พวกตี๋ใหญ่คนละกระบอกเพื่อปลอบใจและป้องกันตัว สมาชิกแก๊งเลยสงบท่าทีได้บ้าง โดยไม่รู้เลยว่าช่วงเวลาเดียวกันนั่นเอง...บรรดลกับอุดมได้ข่าวจากตำรวจท้องที่ว่าแก๊งตี๋ใหญ่บุกบ่อนเสี่ยโจ
ความเคลื่อนไหวของแก๊งตี๋ใหญ่ทำให้สองตำรวจตื่นตัว บรรดลกับอุดมรีบไปเยี่ยมหนูที่คลินิกของปรีชาเพื่อหยั่งเชิง เลยได้พูดคุยกับหนูเป็นครั้งแรก...และนั่นทำให้ทั้งสองคิดวิธีแฝงตัวในแก๊งตี๋ใหญ่ได้
ooooooo










