สมาชิก

แม่อายสะอื้น

ตอนที่ 1


ช่อเอื้องไม่เจอดาวนิลที่ห้องหลังเวทีจึงกลับมาดูที่ห้องแต่งตัวแต่ไม่พบ จังหวะนั้นคำปันเดินเข้ามากับทอนบอกว่าเจอของแล้ว ถูกเอาไปทิ้งไว้ข้างหมู่บ้าน เหมือนจะแกล้งกันมากกว่าจะตั้งใจขโมย ช่อเอื้องไม่เห็นพี่สาวอยู่กับพ่อก็ถามหา คำปันไม่เห็นเธอเหมือนกันคิดว่าอยู่ที่นี่เสียอีก

“ไม่เห็นมาพักหนึ่งแล้ว ฉันก็นึกว่าพี่ดาวนิลร้อนใจไปรอพ่อที่หน้าโรงแรมซะอีก”

คำปันตกใจเพราะตัวเองก็ยังไม่เจอดาวนิลเช่นกัน...

นับเป็นโชคดีของดาวนิลที่ทรงพลตัดสินใจมาดูที่ห้องทิ้งขยะ จึงช่วยเธอออกมาได้ทันก่อนที่จะถึงเวลาขึ้นแสดง เธอฟื้นคืนสติขึ้นมาไม่เจอเขาแล้ว เพราะเขาต้องกลับห้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็เลยคลาดกันไม่ได้ขอบคุณเขา ถามจากพนักงานที่รับหน้าที่ดูแลต่อจากเขาทำให้เธอรู้ว่าคนที่ช่วยเอาไว้ชื่อทรงพล...

ตกค่ำงานเปิดตัวโรงแรมก็เริ่มต้นขึ้น แขกผู้มีเกียรติมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง เมื่อทุกอย่างพร้อมไฟในงานค่อยๆหรี่ลง ช่อเอื้องกับนักแสดงคนอื่นๆขึ้นไปประจำที่บนเวที คำปันโชว์การตีกลองสะบัดชัยประเดิมการแสดงบนเวที การแสดงจบลงท่ามกลางเสียงตบมืออย่างชื่นชมจากคนดู

การแสดงต่อมา เป็นการรำดาบของดาวนิล ท่วงท่าอันสง่างามของเธอสะกดทุกสายตาเอาไว้ ระหว่างนั้นเธอเหลือบเห็นทรงพลในชุดสูทหล่อเหลาเดินเข้ามาทักทายธีระ ก่อนจะหันมามองบนเวทีเห็นดาวนิลกำลังรำดาบมองอย่างสนใจ ทันใดนั้นไฟในห้องจัดงานดับพรึบ เนื่องจากไฟตก ทรงพลรีบแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าจุดเทียนไขเอามาวางไว้บนเวที

คำปันก็เลยสั่งให้นักแสดงคนอื่นทำตาม แสงจากเทียนไขทำให้การแสดงของดาวนิลงดงามไปอีกแบบหนึ่ง เธอเหลือบมองเขาเหมือนจะขอบคุณอยู่ในที จังหวะนั้นมีสายเรียกเข้ามือถือของเขา ทรงพลรีบออกไปรับสาย นอกห้อง ดาวนิลมองตามเขาไปพลางรำดาบไปด้วย

จนการแสดงจบ ไฟฟ้าก็กลับมาสว่างอีกครั้ง

แขกในงานตบมือให้กับการแสดงอันงดงามของเธอเสียงดังกึกก้อง ดาวนิลกวาดตามองหาทรงพลแต่เขาหายไปแล้ว การกระทำของดาวนิลอยู่ในสายตาของทอนตลอด...

การแสดงครั้งนี้ของคำปันกับคณะทำให้ธีระพอใจสุดๆ ถึงกับออกปากหากห้องอาหารเสร็จเมื่อไหร่จะให้มาแสดงอีก คำปัน ดาวนิล และช่อเอื้องดีใจมากที่จะมีงานแสดงประจำ

ooooooo

ผู้ใหญ่บ้าน ทอนกับคำปัน ดาวนิลและช่อเอื้อง ยกโขยงกันมาหาหนานเมืองถึงบ้านแต่เช้า ผู้ใหญ่บ้านกับทอนคิดว่าคำปันจะมาเอาเรื่องเขาที่ส่งลูกน้องไปก่อกวนการแสดงเมื่อวาน จึงคาดคั้นให้ยอมรับว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง หนานเมืองปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา อ้างไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้เป็นคนจ้างวานให้ใครไปทำแบบนั้น

“หนานเมือง ฉันก็รู้นะว่าหนานเมืองไม่พอใจที่ฉันเอางานมาให้ทางนี้ แต่น่าจะเห็นแก่หน้าฉันบ้าง ถ้างานพังขึ้นมา คนที่เสียก็คือฉันด้วยนะ” ผู้ใหญ่บ้านต่อว่า หนานเมืองโวยวายหาว่าเขาไม่ยุติธรรม ฟังความข้างเดียว คำปันไม่อยากให้มีเรื่องกันขอร้องให้พอได้แล้ว ที่ตนเชิญผู้ใหญ่บ้านมาที่นี่ไม่ใช่จะมาหาคนผิด แต่มาเพราะมีเรื่องจะคุยด้วยก็เลยเชิญผู้ใหญ่มาเป็นพยาน หนานเมือง สงสัยเป็นพยานเรื่องอะไร

“คนทำอาชีพเดียวกันจะแข่งขันกันก็ไม่แปลก? แต่ศิลปะล้านนาเหลือแสดงอยู่ไม่กี่คณะ แข่งกันไปจนไม่เหลือใคร  สุดท้ายก็จะเป็นการแสดงล้านนาที่หายไป สู้เราเห็นแก่ศิลปะพื้นบ้านแล้วร่วมมือกันดีกว่าไหม ศิลปะล้านนามันจะได้อยู่ตลอดไป”

หนานเมืองเจ้าเล่ห์ใจจริงไม่ได้อยากร่วมมือกับคำปัน แต่เป็นเพราะไม่อยากโดนเล่นงานเรื่องเมื่อวานก็เลยรับปากส่งๆ ผู้ใหญ่ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยม จึงไม่เอาเรื่องเขาที่ผ่านก็ให้ผ่านไป ถือว่าเริ่มต้นกันใหม่ หนานเมืองยื่นมือไปให้คำปันจับเหมือนเป็นการยืนยันคำพูด ขณะที่ช่อเอื้องมองหนานเมืองอย่างไม่ค่อยจะเชื่อใจนัก

อาการทางสายตาของคำปันแย่ลงอีก คราวนี้เขาเดินชนข้าวของที่ขนกลับมาจากงานเมื่อวานซึ่งกองอยู่ตรงทางเดินเข้าบ้านจนเซจะล้ม ดาวนิลคว้าตัวไว้ทัน ช่อเอื้องตัดสินใจบอกข้อสงสัยของตัวเองเกี่ยวกับสายตาของพ่อให้พี่สาวฟัง ดาวนิลไม่รอช้ารีบพาพ่อไปให้หมอที่อนามัยตรวจอาการเบื้องต้น หลังหมอตรวจคำปันแล้วแนะนำให้ไปตรวจอย่างละเอียดอีกทีที่โรงพยาบาล

คำปันอ้างว่าเป็นเพราะตัวเองแก่แล้วสายตาจึงฝ้าฟาง

“หมอก็ยังไม่อยากยืนยันอะไร แต่เท่าที่เล่าอาการมา หมอว่ารีบไปตรวจซะหน่อยก็ดี ถ้าเกิดเป็นต้อหิน หรือต้อกระจกรีบรักษาดีกว่าปล่อยทิ้งไว้ อาจทำให้ถึงขั้นตาบอดได้”...

คำปันดื้อดึงไม่ยอมไปโรงพยาบาล เนื่องจากเสียดายเงินค่ารักษา ตอนนี้ยังมองเห็นอยู่ ไว้ให้แย่กว่านี้ก่อนค่อยว่ากัน ช่อเอื้องรู้ทันว่าพ่อไม่อยากเอาเงินที่เพิ่งได้จากการแสดงเมื่อวานมาใช้ เนื่องจากเป็นห่วงลูกคณะจะไม่มีกินมีใช้ ก็เลยเอาเงินค่าเล่าเรียนของตัวเองมาให้ท่านเอาไปใช้ก่อน คำปันไม่ยอมรับเงินจากลูก ขืนเอาไปใช้แล้วเธอจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าเทอม ช่อเอื้องยืนกรานถ้าพ่อดื้อไม่ไปหาหมอ เธอก็จะดื้อไม่ไปเรียนเช่นกัน

จังหวะนั้นทอนเดินเข้ามาในบ้าน ช่อเอื้องออกตัวว่าเป็นคนไปขอร้องให้เขามาพาพ่อไปโรงพยาบาลในเมือง ถ้าพ่อไม่ยอมไปก็อย่าหวังว่าเธอจะไปโรงเรียน คำปันโกรธที่ช่อเอื้องข่มขู่ ดาวนิลต้องช่วยไกล่เกลี่ย

“เอาอย่างนี้ ถ้าพ่อยอมไปหาหมอ ช่อเอื้องจะยอมเรียนตีกลองกับพ่อวันละสองชั่วโมงหลังเลิกเรียนตกลงไหม” ดาวนิลว่าแล้วหันไปมองช่อเอื้องซึ่งจำใจรับคำ จากนั้นเธอหันไปทางคำปันซึ่งก็ยอมรับข้อตกลงนี้เช่นกัน

ooooooo

ระหว่างที่ทอนพาคำปันกับดาวนิลเข้าไปในตัวเมือง รถแล่นผ่านหน้าโรงแรมของธีระ ดาวนิลเห็นแล้วอดนึกถึงทรงพลไม่ได้ เสียดายที่จะไม่ได้เจอกันอีก ทอนเห็นเธอเหม่อมองไปที่โรงแรมก็ร้องทัก

“มองอะไร คิดถึงวันนั้นที่มาแสดงที่นี่เหรอ”

“จ้ะ ถ้ามีโอกาสได้มาแสดงอีกคงดี” ดาวนิลโกหกหน้าตาเฉย...

คนที่ดาวนิลคิดถึงจะต้องกลับกรุงเทพฯเย็นนี้แล้ว ธีระยุ่งมากไม่มีเวลาพาเที่ยว ทรงพลจึงขอยืมรถเพื่อนขับไปเที่ยวเล่นเองเพื่อฆ่าเวลา โดยจะเข้าเมืองไปหาอะไรอร่อยๆกิน...

อาการของคำปันยังไม่หนักหนาสาหัสนัก เพิ่งเริ่มเป็นต้อหิน หมอจึงให้ยาไปหยอดตา แต่ต้องมาหาหมอเพื่อดูอาการอย่างสม่ำเสมอ คำปันบอกหมอไปตามตรงว่า จะมาหาบ่อยๆคงไม่สะดวก เนื่องจากไม่มีเงิน

“คุณลุงใช้สิทธิประกันสุขภาพได้ครับ มีบัตรหรือยัง ถ้าไม่มีติดต่อเจ้าหน้าที่ข้างหน้าได้เลย”

แม้จะหมดปัญหาเรื่องค่ารักษาดวงตาของพ่อ แต่ดาวนิลก็ยังต้องมีเงินสำรองไว้สำหรับเป็นค่าเดินทางพาพ่อมาหาหมอ จะให้รบกวนทอนทุกครั้งเธอคงทำไม่ได้ ถึงเขาจะยินดีทำให้ด้วยความเต็มใจก็ตาม...

ไหนๆก็เข้าเมืองแล้ว ดาวนิลขอไปรับเงินมัดจำการแสดงของเดือนหน้าจากร้านอาหารกับสำนักงานจัดหางาน วานให้ทอนช่วยพาพ่อกลับไปก่อน คำปันจะไปด้วยแต่เธอไม่ยอม พ่อรอพบหมอเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ที่สำคัญเธอเกรงใจทอน รับเงินเสร็จเธอจะกลับบ้านเอง แล้วเดินแยกออกไปอีกทาง...

ฝ่ายหนานเมืองเลวได้โล่ ทั้งที่รับปากดิบดีจะร่วมมือกันกับคณะของคำปัน แต่กลับแอบแทงข้างหลัง

ด้วยการไปตกลงกับเจ้าของร้านอาหารที่ดาวนิลจะไปรับเงินมัดจำให้ยกเลิกสัญญาจ้าง แล้วตัวเองจะตอบแทนเจ้าของร้านด้วยการแสดงให้ฟรีเป็นเวลาสองเดือน ดาวนิลจึงต้องกลับไปด้วยความผิดหวัง

เหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง นอกจากจะถูกยกเลิกสัญญาจ้างจากร้านอาหารแล้ว ดาวนิลยังถูกอ้ายศักดิ์เจ้าของ สำนักจัดหางานที่เธอไปขอรับเงินมัดจำการแสดงใช้อุบายล่อลวงเธอให้เข้าไปในห้องด้านหลังหวังจะรวบหัว รวบหาง เธอสู้สุดฤทธิ์ไม่ยอมง่ายๆ เขาขู่ถ้าไม่ยอมดีๆ

จะยกเลิกงานของเธอให้หมด ดาวนิลชักมีดพกขึ้นมาชี้หน้า เขาถึงกับผงะถอยหลัง

“งานแบบนี้ฉันไม่เอาหรอก อย่าตามมานะ ไม่งั้นฉันแจ้งตำรวจจริงๆด้วย” ขู่จบดาวนิลวิ่งหนีออกมา กระทั่งเห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงหยุดพักเหนื่อยตรงจุดที่มีคนพลุกพล่าน แล้วกวาดตามองหารถสองแถวที่จะพา กลับบ้าน เธอเหลือบไปเห็นทรงพลนั่งอยู่ในร้านอาหารหรู อยากจะเข้าไปหาใจแทบขาดหวังจะให้เขาเป็นที่พึ่งแต่เห็นสภาพเสื้อผ้าที่ยับเยินหัวยุ่งเหยิงของตัวเองที่ผ่านการต่อสู้เอาตัวรอดเมื่อครู่จำต้องเดินจากไป...

ครั้นกลับถึงบ้าน ดาวนิลรีบดึงตัวช่อเอื้องมาที่หลังบ้านเล่าเรื่องที่ถูกยกเลิกงานเดือนหน้าทั้งหมดให้ฟัง ช่อเอื้องฟันธงนี่ต้องเป็นฝีมือของหนานเมืองแน่ๆ แต่ไม่ต้องกังวลไป เรายังพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง ดาวนิลกลัวเงินจะไม่พอใช้ถ้าไม่มีงานเข้ามา ช่อเอื้องแนะให้ลองปรึกษากับพ่อดูก่อน เธอร้องห้ามเสียงหลงจะให้ท่านรู้ไม่ได้เด็ดขาด คำปันเดินเข้ามาพอดี

“อะไรเหรอที่ให้พ่อรู้ไม่ได้”

ดาวนิลไม่มีทางเลือกจำต้องบอกเรื่องที่ถูกยกเลิกงานให้พ่อรู้ คำปันกลับทำใจรับได้ ไม่มีงานก็ไม่ต้องทำ บางทีอาจถึงเวลาที่คณะของเราจะต้องเลิกทำการแสดงเหมือนคณะอื่นแล้วก็ได้ แล้วบอกให้ช่อเอื้องตั้งใจเรียนให้จบเร็วๆจะได้ทำงานหาเลี้ยงพ่อกับพี่ เธอรับคำหนักแน่น...

วิไลกลับมาเยี่ยมบ้านอย่างมีแผนการ เนื่องจากต้องการจะหลอกหญิงสาวในหมู่บ้านเดียวกันให้ไปขายตัวที่กรุงเทพฯ โดยโกหกว่าเป็นงานในโรงแรมห้าดาว ได้เงินเดือนดีมีสวัสดิการให้ด้วย ถึงทำให้เธอส่งเงินมาให้แม่ไม่เคยขาด ป้าบัวเอาสร้อยทองที่ใส่ติดคออวดชาวบ้านเป็นการยืนยันคำพูดของลูกสาว

ระหว่างนั้นช่อเอื้องในชุดนักเรียนเดินมากับเพื่อน ป้าบัวเห็นเข้าก็ร้องทัก ก่อนจะกระซิบถามวิไลว่าใช้ได้ไหม เธอติว่าเด็กไปหน่อย ถึงหน้าจะสวยก็ตาม ป้าบัวนึกถึงดาวนิลขึ้นมาได้ แนะให้วิไลลองไปชวนมันดู เธอไม่รอช้าหันไปทางช่อเอื้อง

“ช่อเอื้อง พาฉันไปหาพี่สาวเธอหน่อยได้ไหม ไม่เจอกันนาน อยากไปทักทายสักหน่อย”

ooooooo

แม่อายสะอื้น

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด