ตอนที่ 1
ยิ่งใกล้ถึงเวลาเริ่มงานแถลงข่าวเปิดตัวโรงแรมแห่งใหม่ในเครือ ทรงพลก็ยิ่งนั่งไม่ติด เนื่องจากรถไม่ขยับ การจราจรติดขัดหนัก ผิดกับจิดาภาแฟนสาวไฮไซของตัวเองที่นั่งส่องกระจกอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว แถมยังว่าเขาอีกว่าจะหงุดหงิดไปทำไม ถึงช้านิด
ช้าหน่อยทุกคนก็ต้องรอเราอยู่แล้ว เขาไม่พอใจแต่ยังไม่ทันจะว่าอะไร
ทรงวุฒิน้องชายของเขาขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดเทียบเคาะกระจกรถชวนให้พี่ชายมาซ้อนท้ายรถตัวเอง จิดาภาโวยวายจะให้เธอซ้อนมอเตอร์ไซค์ได้อย่างไรทรงผมที่อุตส่าห์ทำเพื่องานนี้มิพังหรือ
“ตามใจ งั้นผมทิ้งคุณไว้นี่นะ” พูดจบทรงพลลงจากรถจะไปซ้อนท้ายรถน้องชาย
จิดาภาตามมาโวยอีกจะให้ซ้อนสามได้อย่างไร ทรงวุฒิแนะให้ไปรถเพื่อนของตน เดี๋ยวให้เพื่อนขับรถของพี่ชายตามไปที่งาน เพื่อนที่ขี่มอเตอร์ไซค์ตามมาด้านหลังยื่นหมวกกันน็อกให้ ทรงพลรับหมวกมาพลางฝากเขาดูรถให้ด้วย แล้วขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ก่อนจะส่งหมวกกันน็อกอีกใบให้แฟนสาวซึ่งรับไปใส่อย่างอารมณ์เสียสุดๆ...
งานแถลงข่าวเปิดโรงแรมแห่งใหม่เป็นไปอย่างราบรื่น ทรงพลขอบใจทรงวุฒิมากที่ช่วยเอาไว้ไม่อย่างนั้นคงมางานไม่ทัน เขายินดีช่วยเรื่องนี้แต่จะให้ช่วยทำธุรกิจคงไม่เอาด้วย ทรงพลต่อว่าน้องว่าเรียนจบแล้วน่าจะมาช่วยกันบ้าง เขาขอใช้ชีวิตสบายๆสักพักหนึ่งก่อน อุตส่าห์กัดฟันเรียนจนจบให้แล้ว แล้วมองไปทางจิดาภา
“มีแฟนเป็นไฮไซนี่ก็ดีนะ แค่มาร่วมงานนักข่าวก็ตามมาทำข่าวเพียบ”
ระหว่างนั้นธีระเพื่อนของทรงพลเข้ามาทักทายพร้อมกับชื่นชมว่างานเปิดตัวดูดีมาก แล้วเตือนทรงพลอย่าลืมไปงานเปิดตัวโรงแรมของตนที่เชียงใหม่อาทิตย์หน้า รับรองยิ่งใหญ่ไม่น้อยหน้างานนี้ ทรงพลไม่วายติง นึกอย่างไรถึงไปเปิดโรงแรมไกลตัวเมืองขนาดนั้น
ธีระขอให้เขาได้เห็นกับตาเสียก่อนรับรองจะติดใจ แถวนั้นมีอะไรสวยกว่าในกรุงเทพฯตั้งเยอะ ทรงพลไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้แล้วหันไปยิ้มให้คนรักที่ยืนคุยอยู่กับนักข่าว
ooooooo
เช้าวันอันสดใสท่ามกลางธรรมชาติที่ยังบริสุทธิ์ของบ้านแม่อาย ชาวบ้านรู้ว่าดาวนิลสาวสวยประจำหมู่บ้านกำลังจะซ้อมรำดาบ รีบหอบลูกจูงหลานตามไปดู เธอไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง รำดาบได้อย่างคล่องแคล่วสวยงาม ทำให้คำปันผู้เป็นพ่อและเป็นเจ้าของคณะละครปลื้มปริ่มยิ้มเหงือกแห้ง
ครั้นดาวนิลรำจบ เสียงกลองสะบัดชัยก็ดังขึ้น แรกๆก็ฟังเข้าทีแต่ตีไปได้สักพักเริ่มไม่เข้าจังหวะ จนเครื่องดนตรีอื่นไปไม่เป็น คำปันเอ็ดช่อเอื้องลูกสาวคนเล็กเสียงลั่น สอนเท่าไหร่ไม่รู้จักจำ ดาวนิลต้องช่วยแก้ตัวแทนว่าน้องต้องไปเรียนหนังสือก็เลยอ่อนซ้อม
คำปันดุดาวนิลที่ชอบแก้ตัวแทนน้องทั้งที่รู้ว่าเธอไม่เคยตั้งใจซ้อม เรียกมาเมื่อไหร่ก็อิดออด ช่อเอื้องเถียงคำไม่ตกฟากในเมื่อตนไม่ได้อยากเรียนจะมาบังคับกันทำไม
“เป็นลูกสาวครูคำปันทำไมพูดแบบนี้ ทำไมไม่เอาอย่างพี่เขาบ้าง พี่เขาตั้งใจฝึกซ้อมศิลปะล้านนาที่มีค่าของเราจนทำได้ดีสมกับเป็นลูกครู แล้วทำไมเราถึงเป็นแบบนี้นะช่อเอื้อง พ่อไม่เข้าใจเลย”
“พี่ดาวนิลเขาก็ดีทุกอย่างแหละ พ่อก็สอนพี่เขาไปแล้วกัน สอนฉันไปก็เสียเวลาเปล่า ยังไงฉันก็สู้พี่ไม่ได้อยู่แล้ว” ไม่พูดเปล่าช่อเอื้องส่งไม้ตีกลองให้พี่สาวแล้ววิ่งปรู๊ดออกไปด้วยความน้อยใจ ดาวนิลขยับจะตามแต่พ่อห้ามไว้ แล้วเดินไปหานักแสดงคนอื่น ดาวนิลเป็นห่วงน้องวิ่งตามจนทัน พยายามกล่อมให้น้องเห็นคุณค่าของศิลปะการแสดงล้านนาที่ควรสืบทอด
“การแสดงที่แทบจะไม่มีใครมาจ้างให้แสดงนี่นะ คณะอื่นก็ต้องเลิกเล่นไปกันตั้งหลายคณะแล้ว พี่คิดว่าคณะเราจะทนอยู่ไปได้อีกนานแค่ไหน สู้ปล่อยให้ฉันเรียนหนังสือให้จบ แล้วไปหางานอย่างอื่นไม่ดีกว่าเหรอ”
ดาวนิลถึงกับอึ้งเพราะสิ่งที่ช่อเอื้องพูดเป็นความจริงที่เถียงไม่ออก...
ครั้นดาวนิลกลับมาที่ลานกลางหมู่บ้านก็ได้รับข่าวดีจากผู้ใหญ่บ้านกับทอนลูกชายของเขาว่าเจ้าของโรงแรมที่มาเปิดใหม่ติดกับอำเภอของเราต้องการจะจ้างคณะของคำปันไปแสดงในวันเปิดโรงแรมอย่างเป็นทางการ ทางเจ้าของโรงแรมอยากได้การแสดงแบบล้านนาไปแสดงให้แขกดู ผู้ใหญ่ก็เลยเสนอคณะของคำปัน ส่วนค่าใช้จ่ายเจ้าของโรงแรมให้คิดมาได้เลย แค่ขอให้การแสดงออกมาดี
“เขาบอกด้วยนะว่าถ้าแขกชอบ เขาอาจจะให้ไปแสดงเรื่อยๆทุกอาทิตย์” ทอนเล่าเสริม ดาวนิลดีใจมาก
“จริงเหรอจ๊ะ ถ้าเป็นแบบนั้นคณะเราก็จะมีงานตลอดเลยสิจ๊ะพ่อ”
คำปันขอบใจผู้ใหญ่มากที่คิดถึงคณะละครของตน ผู้ใหญ่เห็นคณะของเขาแสดงศิลปะล้านนาได้ดีกว่าคณะอื่นก็เลยเสนอชื่อไป ทันใดนั้นหนานเมืองพารินคำลูกสาวตัวเองเข้ามาต่อว่าผู้ใหญ่ว่าลำเอียง งานใหญ่ขนาดนี้ทำไมไม่นึกถึงคณะของตนบ้าง ทั้งที่คณะของตนใหญ่กว่า ข้าวของเครื่องใช้ก็ใหม่กว่า
รินคำเห็นทอนอยู่ด้วยรีบวิ่งไปกอดแขน ตัดพ้อว่ามีงานแบบนี้ทั้งทีไม่บอกกันสักคำ ผู้ใหญ่ได้ยินมาว่าคณะของหนานเมืองมีคนจ้างเต็มถึงปีหน้า หนานเมืองโกรธ ใครกันที่พูดแบบนี้เท่ากับขัดขาไม่ให้ได้งาน
“จะมีใครก็ลูกสาวเรานั่นแหละเห็นพูดอวดคนเขาไปทั่ว”
ถึงจะเสียหน้าที่ลูกสาวคุยโม้ไม่เข้าท่า แต่หนานเมืองไม่ยอมแพ้จะเอางานชิ้นนี้ให้ได้ ช่อเอื้องหมั่นไส้ก็เลยดูแคลนเขาจะเอางานนี้ไปแสดงมีคนรำดาบสู้พี่สาวของตนได้หรือ เขาไม่พอใจทำท่าจะเอาเรื่องเธอฐานพูดจาไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่
คำปันไม่อยากให้เรื่องบานปลายก็เลยสั่งให้
ช่อเอื้องขอโทษหนานเมือง หญิงสาวหนีไม่ออกจำใจยกมือไหว้ ผู้ใหญ่เองก็ไม่อยากให้มีเรื่องกันจึงออกปากขอร้องหนานเมืองอีกแรงหนึ่ง
“ก็ได้ หนนี้ฉันยอมให้ จะถือซะว่าเห็นใจครูคำปัน ที่ไม่ค่อยมีงาน...รินคำ กลับบ้าน”
รินคำอิดออดที่ต้องจากทอน แต่พอเห็นสายตาของพ่อที่จ้องเขม็งจำต้องทำตามคำสั่ง ดาวนิลเห็นพ่อไม่สบายใจกับคำพูดดูแคลนของหนานเมือง จึงให้คำมั่นว่าการแสดงที่โรงแรมครั้งนี้จะทำให้ทุกคนได้เห็นว่าการแสดงของพ่อสวยขนาดไหน และคณะของเราจะต้องได้งานเพิ่มขึ้น
คำปันดีใจที่มีลูกอย่างดาวนิล วิชาการแสดงของท่านจะได้ไม่หายไปไหน ช่อเอื้องได้ยินพ่อพูดแบบนี้ก็ยิ่งน้อยใจเดินเลี่ยงออกไป...
แม้ต่อหน้าผู้ใหญ่ หนานเมืองจะทำเป็นยอมให้คณะของคำปันได้งานที่โรงแรม แต่พอลับหลัง เขากับรินคำวางแผนจะป่วนคณะของคู่แข่งเพื่อไม่ให้มีใครคิดจะจ้างพวกมันอีก จะได้เหลือเพียงคณะของตัวเอง รินคำรับปากจะทำให้ดาวนิลขายขี้หน้าต่อหน้าคนที่
แม่อายและคนที่มาจากกรุงเทพฯ
ooooooo
นานทีปีหนสามพี่น้อง เทวัญ ทรงพลและทรงวุฒิจะมากินข้าวพร้อมหน้ากันที่บ้านของทรงพล แม่นมน้อยจึงลงมือเตรียมของโปรดของแต่ละคน
เอาไว้พร้อมสรรพ กล้วยกับอ้อยเด็กรับใช้ในบ้าน
อดกระเซ้าเธอไม่ได้ว่าช่างรู้ใจคุณๆจริงๆ แม่นมน้อยยิ้มปลื้มจะไม่ให้รู้ใจได้อย่างไรในเมื่อเป็นคนเลี้ยงทั้งสามคนมากับมือ
มีเสียงรถดังมาจากหน้าบ้าน แม่นมน้อยหูผึ่ง สั่งให้กล้วยกับอ้อยและเด็กรับใช้อีกคนเตรียมของว่างให้เสร็จจะได้ยกไปเสิร์ฟแล้วจ้ำพรวดๆออกจากห้องครัว...
ทรงวุฒิขี่มอเตอร์ไซค์มาถึงก่อนเพื่อน โดยมีเทวัญขับรถตามเข้ามาติดๆ ทรงวุฒิเห็นรถเบนซ์รุ่นเก่าที่
พี่ชายคนโตใช้อยู่อดแขวะไม่ได้เมื่อไหร่จะเปลี่ยนสักที รถตกรุ่นนานแล้ว เขาไม่คิดจะเปลี่ยนในเมื่อยังใช้ได้อยู่
“ก็มัวแต่เป็นคุณหมอใจดีรักษาฟรีอยู่นั่น ถึงไม่รวยสักที”
เทวัญไม่รู้จะเอาเงินไปทำไมมากมาย ทรงวุฒิสวนทันทีก็เอาไว้ซื้อความสุข เขาได้รักษาคนไข้ให้หายป่วยนั่นคือความสุขแล้ว ทรงวุฒิขี้เกียจเถียงด้วย หันไปถามแม่นมน้อยที่ออกมารอต้อนรับว่าวันนี้มีอะไรให้กิน เธอเตรียมของกินไว้เพียบ ของโปรดของคุณๆทั้งนั้นแล้วเชิญสองหนุ่มเข้าข้างใน อีกสักพักทรงพลคงจะกลับ
คล้อยหลังทั้งคู่ไม่นาน ทรงพลขับรถพาจิดาภาเข้ามาจอด แม่นมน้อยกุลีกุจอเข้าไปหาแต่พอเห็นจิดาภามาด้วยก็ถอนใจเซ็ง ก่อนจะปรับสีหน้าเป็นปกติกลั้นใจทักทายว่าไม่เจอกันนานโดยเรียกเธอว่า “คุณจิ” จิดาภาไม่พอใจเสียงเขียวใส่ ให้แม่นมน้อยเรียกตนใหม่ว่า “คุณจิดาภา” ห้ามเรียกชื่อเล่น
“ฉันไม่ใช่พลนะ ถึงชอบทำตัวสนิทสนมกับคนใช้”
“จิ...ผมบอกคุณกี่ทีแล้วว่านมน้อยเป็นแม่นมผมไม่ใช่คนใช้” ดูเหมือนคำพูดของทรงพลจะไม่มีความหมายเพราะจิดาภายังคงทำท่ารังเกียจแม่นมน้อยอยู่ดี คนถูกรังเกียจเองก็ไม่ค่อยจะชอบเธอเช่นกัน...
เมื่อพี่น้องสามคนได้อยู่กันพร้อมหน้า ทรงพลบอกถึงจุดประสงค์ที่นัดให้มาเจอว่าเขากับจิดาภาจะแต่งงานกัน ส่วนจะเป็นวันไหนยังกำหนดไม่ได้เพราะเธอยังเลือกไม่ได้สักทีว่าจะจัดที่โรงแรมแห่งไหนของเราดี เธออ้างที่ต้องเลือกมากเพราะอยากให้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด
แม่นมน้อยที่แอบฟังอยู่ตั้งแต่แรกเห็นกล้วยกับอ้อยยกของว่างจะเข้าไปเสิร์ฟจัดแจงยกมือห้าม สั่งให้เอากลับ สองสาวใช้มองหน้ากันงงๆก่อนจะทำตามสั่ง
ooooooo
จากนั้น เทวัญ ทรงพล ทรงวุฒิและจิดาภา
ชวนกันมานั่งที่โต๊ะกินข้าวซึ่งถูกจัดไว้อย่างสวยงาม เทวัญเปรยๆว่าไม่ได้กินข้าวด้วยกันแบบนี้มานานแล้ว ทรงวุฒิพยักหน้าเห็นด้วย
“พอดีเลยพี่ เห็นนมบอกว่าทำอาหารพิเศษไว้เยอะแยะเลยเหมือนรู้ว่าจะได้ฉลองโอกาสพิเศษ” ทรงวุฒิคุยเสียดิบดี แต่ปรากฏว่าอาหารที่กล้วยกับอ้อยยกมาตั้งบนโต๊ะเป็นแค่ข้าวต้มกับกับข้าวธรรมดาๆ
จิดาภาปรายตามองแม่นมน้อยที่ตามมาด้านหลัง ก่อนจะหันไปโวยกับทรงพลว่านี่มันกับข้าวอะไรกัน
“ไหนไอ้วุฒิบอกว่านมเตรียมอาหารพิเศษไว้ตั้งหลายอย่างไม่ใช่เหรอครับ”
“ก็นี่ไงคะคุณพล อาหารพิเศษทั้งนั้น บวบผัดไข่นี่ก็ของโปรดคุณเทวัญ ไข่เจียวนี่ก็ของโปรดตั้งแต่เด็กของคุณวุฒิเลย ส่วนยำไข่ดาวนี่ก็ของคุณพลไงคะ” แม่นมน้อยอธิบายเป็นฉากๆ ระหว่างนั้นเด็กรับใช้ยกน้ำส้มคั้นมาเสิร์ฟให้สามหนุ่มแต่ไม่มีให้จิดาภา แม่นมน้อยอ้างว่าทำไว้แค่สามแก้วเพราะไม่รู้ว่าจะมีคนอื่นมากินข้าวด้วย จิดาภาถึงกับปรี๊ดแตก หาว่าเธอตั้งใจกลั่นแกล้งจะเอาเรื่องให้ได้ ทรงพลต้องขอร้องให้ใจเย็นๆก่อน
“จิไม่เย็นหรอกค่ะ พลจะให้จิมานั่งกินอาหารพวกนี้ในวันประกาศงานแต่งงานของเราเหรอคะ”
แม่นมน้อยทำเป็นน้อยใจ ถ้าอาหารพวกนี้
ไม่ถูกปากจิดาภา ตนจะเอาไปเก็บก็ได้ ทรงพลรีบบอกว่าไม่ต้องเขากินได้ จิดาภาปรี๊ดแตกอีกครั้งที่ชายคนรักเห็นคนใช้ดีกว่า เขาต้องขอร้องเธออย่าว่าแม่นมของเขาเป็นคนใช้ จิดาภาโกรธมาก เชิญเขากินอาหารเหล่านี้ไปคนเดียวก็แล้วกัน แล้วลุกออกไปเลย
ทรงพลรีบตามไปง้อ พอทั้งคู่ไปพ้นประตูบ้าน แม่นมน้อยหันไปพยักพเยิดให้เด็กรับใช้ยกอาหารที่เตรียมไว้เข้ามา
ทรงวุฒิเห็นอาหารชั้นเลิศถูกลำเลียงมาวางเต็มโต๊ะ หันมองหน้าเทวัญพลางส่ายหน้ายิ้มๆ
“แสบจริงๆเลยคุณนมของผมเนี่ย”...
ด้านทรงพลวิ่งตามจิดาภาจนทัน ขอร้องให้ยอมๆ
คนแก่หน่อย เรากำลังจะแต่งงานกันอยู่แล้ว อีกหน่อยเธอก็ต้องเข้ามาอยู่บ้านนี้ ถ้าเธอกับแม่นมน้อยยัง
ไม่ลงรอยกันแล้วจะอยู่ด้วยกันได้อย่างไร จิดาภาเห็นด้วย ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาคงต้องเลือกระหว่างเธอกับนังแม่นมนั่น ถ้าเขาต้องการให้เธอมาอยู่ที่นี่ ต้องไล่มันออก
“นมน้อยเลี้ยงพวกผมมาตั้งแต่พ่อแม่ผมเสียเพราะอุบัติเหตุนะ ผมจะทำแบบนั้นกับเขาได้ยังไง”
“ได้ค่ะ งั้นจิจะเป็นฝ่ายไปเอง” ขู่จบจิดาภาขยับจะไป ทรงพลขวางไว้ จะลองเอาเรื่องนี้ไปคิดดูอีกที เธอยิ้มพอใจ ชวนเขาไปหาอะไรกินกันข้างนอก
แต่ทรงพลไปด้วยไม่ได้เพราะแม่นมน้อยอุตส่าห์ทำกับข้าวไว้ให้ ขืนเขาออกไปกินข้าวข้างนอกเธอคงจะเสียใจแย่ จิดาภาฉุนขาดเชิญเขาตามสบาย แต่ขอกุญแจรถของเขาด้วย ตนไม่อยากนั่งแท็กซี่กลับคนเดียว ทรงพลจำใจยื่นกุญแจรถให้ อยากรู้ว่าเราจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่
“เมื่อพลตัดสินใจได้ว่าจะเลือกใคร” จิดาภาว่าแล้วขึ้นรถขับออกไปอย่างรวดเร็ว ทรงพลมองตามกลุ้มใจ
ooooooo










