ตอนที่ 10
นักรบกับริมปิงยังมุ่งมั่นที่จะทำงานต่อไป นักรบถามริมปิงว่านอกจากอาหลางแล้วเราจะตามเรย์ได้จากทางไหนอีก ริมปิงบอกว่ายังมีผู้หญิงอีกคนของเรย์ นักรบจึงไปที่รีสอร์ตของไป่หลิง
ไป่หลิงจำนักรบได้และเมื่อได้เจออาโจวที่เธอแนะนำว่าเป็นอา นักรบก็เหมือนได้เจอเพื่อนเก่าที่ช่วยเขาไม่ให้ถูกหลอกซื้อพลอยปลอม นักรบบอกว่าตนจะมาจองที่พักให้พ่อค้าชาวต่างชาติที่นัดมาคุยเรื่องพลอย
ทั้งไป่หลิงและอาโจวยินดีต้อนรับจะได้อยู่คุยกันนานๆและจะลดราคาพิเศษให้ด้วย
ไป๋หู่ก็ไม่หยุดเมื่อฟังอาหลางเล่าว่าถูกเจนเนตรขู่กลับมา สองพ่อลูกก็ไปที่บ้านเจนเนตรทำทีเยี่ยมเยียนที่เธอกลับมาอยู่บ้านแล้ว แนะนำเชิงขู่ก่อนกลับเพราะถูกหมิงเต๋อไล่ว่าเสร็จธุระแล้วก็เชิญว่า
“ในฐานะที่ฉันทำงานมานาน ก็คงจะมีข้อคิดเล็กๆ น้อยๆเตือนใจหนู ธุรกิจบางอย่างมันก็ไม่เหมาะกับผู้หญิง”
“ขอบคุณค่ะที่บอก แต่ฉันจะไม่ไปไหน อาณาจักรนี้พ่อฉันสร้างมา ฉันก็ต้องอยู่ที่นี่”
“ก็ดี ได้ยินแบบนี้ก็สบายใจ เราจะได้ทำงานร่วมกันบนเส้นทางนี้ใช่ไหมคุณหนูเจนเนตร อั๊วจะได้เตรียมการต้อนรับให้สมเกียรติ”
เมื่อไป๋หู่กับอาหลางไปแล้ว หมิงเต๋อบอกเจนเนตรว่าไม่ต้องกลัว คนของเราจะคุ้มกันคุณหนู
“ไม่ต้องค่ะ หนูดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องกลัวว่าหนูจะตาย” เธอพูดอย่างมั่นใจก่อนเดินออกไป
แต่พออาหลางกับไป๋หู่เดินออกไปขึ้นรถที่หน้าบ้าน อาหลางมองคฤหาสน์ของเจนเนตร พูดอย่างโอหัง
“เจนเนตรมันก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าไข่มุกมังกรวันไหน นั่นแหละวันตายของมัน”
เจนเนตรยืนอย่างสง่าผ่าเผยมองรถพวกอาหลางที่ขับออกไปท่ามกลางหมิงเต๋อและลูกน้องทั้งหมด
ที่ยืนคุ้มกันอย่างแข็งแรง
วันเดียวกัน แดนไทที่ยังนอนให้น้ำเกลืออยู่จู่ๆ
ก็ลุกขึ้น มะกล่ำถามว่าจะไปไหน นอนให้ร่างกายพักฟื้นอีกสักอาทิตย์ แดนไทบอกว่าตนไม่อยากนอนกินเงินหลวงทั้งที่ถูกเขาเฉดหัวเหมือนหมาข้างถนน
“เออ...เอาที่แกสบายใจ ฉันไปดูสายแกแถวท่าเรือก่อนเผื่อมีข่าวอะไรจากฝั่งโน้น ส่วนแกอย่าคิดมาก
อย่าเครียด เดี๋ยวตายเร็ว” มะกล่ำพูดติดตลกแล้วเดินออกไป แดนไทแววตามุ่งมั่นอยากออกจากโรงพยาบาล
ooooooo
วันนี้เกาซินสั่งเหว่ยกับชางว่าถึงเวลาปิดบัญชีแดนไทแล้ว แต่อย่าให้เรย์รู้เด็ดขาดและอย่าให้มีเรื่องมาถึงที่นี่ด้วย ทั้งสองรับคำแข็งขัน ออกไปทันที
ฝ่ายหมิงเต๋อก็สั่งจิวกับเกี๊ยงให้จัดการแดนไทเสีย ทำให้แนบเนียน อย่าให้คุณหนูรู้
แดนไทอยู่ที่โรงพยาบาลถูกทั้งเกาซินและหมิงเต๋อหมายหัวเด็ดชีวิต แม้จะยังบาดเจ็บแต่สัญชาตญาณนักสู้ไม่มีวันยอมจำนน แดนไทใช้เสาน้ำเกลือฟาดชางกับเหว่ยล้มลงแล้ววิ่งออกประตูไป แต่เจอจิวกับเกี๊ยงที่กำลังมุ่งมาหมายฆ่าเขาอยู่พอดี แดนไทใช้รถเข็นในโรงพยาบาลเข็นพุ่งเข้าหาทั้งสองจนกระเด็นแล้ววิ่งหนีไป
จิวกับเกี๊ยงตามไปหมายฆ่าให้ได้ แต่เจอตำรวจสองคนกำลังเดินมาตรวจความเรียบร้อยมันจึงหนีไป
เมื่อจิวกับเกี๊ยงหนีไปและตำรวจผ่านไปแล้ว
แดนไทที่ซ่อนตัวอยู่ในถังขยะจึงโผล่ขึ้นมาวิ่งหนีไป
ฝ่ายนักรบก็เล่นบทพ่อค้าพลอยอยู่กับอาโจว
ที่รีสอร์ตของไป่หลิงแต่ที่แท้ไปสืบเรย์ หม่าสะกดรอยตามเจนเนตรที่ไปดูซากห้องภาพของแดนไทที่ถูกถล่มจนเละแล้วรายงานเรย์ที่อยู่กับไป่หลิง
แดนไทหนีรอดจากการถูกตามฆ่ากลับมาที่ห้องภาพพยายามทำแผลที่เลือดไหลออกมาจนชุ่มเสื้อ เจนเนตรจึงช่วยทำแผลบอกว่าที่ตนมาที่นี่อีกครั้งเพราะต้องการรู้เรื่องของเขา ถามว่าเขาเป็นตำรวจใช่ไหม
“ใช่ ผมเป็นตำรวจ แต่มันไม่เกี่ยวกับที่เรารักกันนะ ผมรักคุณทั้งที่รู้ว่าคุณเป็นใคร ผมรักคุณทั้งๆที่น้องสาวผมตายเพราะติดยา” เจนเนตรถามว่าจะรู้ได้ยังไงว่าเขา
ไม่โกหกตนอีก “เชื่อผมเถอะนะเจนเนตร ผมไม่มีอะไรต้องปิดบังคุณอีก ผมถูกไล่ออก ผมไม่ใช่ตำรวจอีกแล้ว”
แดนไทขอโอกาสตนอีกครั้ง เจนเนตรบอกว่าตนเป็นลูกสาวพ่อค้ายาเสพติด เขาเป็นตำรวจ เส้นทางของเรามันร่วมชีวิตกันไม่ได้ มันมีแต่ความตาย บอกเขาว่า
ไม่มีอำนาจไหนจะทำลายพวกค้ายาได้ง่ายๆ...บอก
แดนไทก่อนวิ่งออกไปว่า ไม่มีความรักของเราอีกแล้ว แดนไทพยายามพยุงตัววิ่งตามไป
แต่เรย์ที่ได้รับรายงานจากหม่าว่าเจนเนตรอยู่กับแดนไท เขาผละจากไป่หลิงมาที่ซากห้องภาพทันที เจอเจนเนตรที่วิ่งออกมาอย่างคนหัวใจสลายกำลังจะล้ม เรย์ประคองไว้ทัน พอดีแดนไทวิ่งตามมาเห็น เรย์จะยิงแดนไท แต่เจนเนตรขอร้องว่า “อย่าฆ่าเขา คุณจะให้ฉันทำอะไรก็ได้ แต่อย่าฆ่าเขา”
แดนไทพยายามจะตามเรย์กับเจนเนตรไปแต่ถูกเรย์ถีบจนกลิ้ง ประกาศ “เจนเนตรเป็นของฉันคนเดียว” แล้วพาเธอออกไป ทิ้งให้แดนไทกระเสือกกระสนตะโกนเสียงแผ่วอย่างหมดแรงไม่ให้เจนเนตรไปกับเรย์ แต่เรย์พาเจนเนตรวิ่งไปจนเธอไม่มีแม้โอกาสที่จะหันกลับมามองแดนไทอีกเลย...
ooooooo
ฝ่ายไป๋หู่บอกอาหลางว่าตอนนี้เรย์กับหมิงเต๋อกำลังทำทุกอย่างเพื่อแย่งตัวเจนเนตรกัน เพราะถ้าใครได้เธอไปก็เท่ากับเสริมความแข็งแกร่งมาสู้กับเรา แต่เรายังมีทางออก สั่งอาหลางให้นัดประชุม
อาหลางผยองว่าแล้วเราก็จัดการพวกนั้นเสียในคราวนี้
เรย์พาเจนเนตรไปส่งที่บ้าน พอถึงประตูรั้ว
เรย์ถามว่าเธอคิดเรื่องของเราแล้วหรือยัง ชวนออกไปจากที่นี่เพื่ออนาคตของเรา
“พรุ่งนี้ ขอเป็นพรุ่งนี้ ฉันถึงจะบอกคุณ”
เรย์กลับไปอย่างมีความหวังว่าเจนเนตรจะรับ
ข้อเสนอของตน เมื่อเจนเนตรเข้าไปที่ห้องทำงานของอลัน
เธอมองภาพอลันเหมือนจะถามว่า “ถึงเวลาตัดสินใจแล้วใช่ไหมคะพ่อ”
หมิงเต๋อเข้ามาบอกเจนเนตรว่าไป๋หู่ส่งข้อความนัดทุกคนไปประชุมเรื่องแบ่งเส้นทางใหม่ บอกว่าไม่ควรที่ตนจะไปเพราะไม่ใช่ทายาท แต่ไป๋หู่ไม่เคยหวังดีกับเรา คิดว่ามันกำลังมีแผนเอาชีวิตคุณหนู เจนเนตรถามว่าแล้วเจ็กจะช่วยตนไม่ได้หรือ
“คุณหนูครับ การปกป้องคือทำให้คุณหนูอยู่ห่างอันตราย ไม่จำเป็นต้องเอาตัวเข้าไปเสี่ยง ถ้ามีคนจะต้องตายเพื่อให้คุณหนูสืบทอดอาณาจักรนี้อย่างแข็งแกร่ง ก็สมควรเป็นเจ็ก”
หมิงเต๋อหันหลังเดินออกไป เจนเนตรมองตามด้วยสายตาเข้มลึก ยากที่จะหยั่งรู้ถึงการตัดสินใจของเธอ
ooooooo
วันนี้ไป๋หู่นัดประชุมพ่อค้ายาโดยไม่บอกเกาซิน เรย์บอกว่าถ้าอย่างนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องบอกมันเหมือนกันว่าถึงเวลาที่เราจะก้าวขึ้นแทนไป๋หู่แล้ว สองพ่อลูกสบตากันแล้วออกไปพร้อมลูกน้องทันที
ในขณะที่อาหลางประกาศเปิดประชุมในที่ประชุมลับ
พ่อค้าและไป๋หู่กำลังประกาศว่าการแบ่งเส้นทางที่เป็นอยู่
ดีแล้ว ขอให้พวกเราทำต่อไปไม่ต้องกังวลนั้น เสียงเกาซินก็ถามแทรกขึ้นจากประตูว่า
“หรือต้องแบ่งเส้นทางเพิ่มขึ้นอีก”
“หรือไม่ก็ตกลงด้วยเลือด” เรย์ถามพร้อมกับก้าวเข้ามาในที่ประชุม
ไป๋หู่กับอาหลางประกาศว่าทั้งสองไม่มีสิทธิ์
เข้ามาที่นี่ให้ออกไปเสีย ที่นี่ไม่มีใครต้อนรับ เกาซินมองพ่อค้ายาสามคนที่ทำธุรกิจกับตนบอกว่าพวกเขาเต็มใจให้พวกตนอยู่ บอกว่าคนที่ตัดสินใจคือทุกคนตรงนี้
“โดยเฉพาะตอนที่ป๊าแกกำลังจะไม่มีสิทธิ์พูด ไม่มีสิทธิ์สั่ง เพราะถึงเวลาแล้วที่อำนาจจะเปลี่ยนมือมาอยู่ที่ฉัน” เรย์ประกาศกร้าวกับอาหลาง ทั้งเรย์และเกาซินมองทุกคนที่จ้องมาอย่างไม่สะทกสะท้าน
หมิงเต๋อกับไป๋หู่และอาหลางต่างต่อต้านเกาซินกับเรย์ ไป๋หู่บอกว่าเกาซินกับเรย์ไม่ใช่ทายาทของไข่มุกมังกร ไม่มีสิทธิ์ออกเสียง
“แกสินะไป๋หู่ วางแผนจุดไฟฆ่าแมงเม่าวันนี้ แต่เสียใจด้วยที่ไข่มุกมังกรไม่ใช่แมงเม่าเหมือนมันสองพ่อลูก” หมิงเต๋อเอ่ย แล้วถามที่ประชุมว่า “ต้องการเสียงของหัวหน้าไข่มุกมังกรใช่ไหม ผมขอให้ทุกคน
ลุกขึ้นทำความเคารพประมุขไข่มุกมังกรคนใหม่” ทุกคนเงยหน้ามองไปด้านบนแล้วก็ตะลึงงัน หมิงเต๋อประกาศก้องว่า “คุณหนูเจนเนตร เจินลี่จู”
เรย์นึกไม่ถึงว่าเจนเนตรจะยอมรับตำแหน่งนี้
ซึ่งเท่ากับประกาศเป็นศัตรูกันอย่างเปิดเผย










