ตอนที่ 13
เต็งล้อร้อนใจมากที่ท่านชาติชายยังหาไม่เจอว่าตำรวจในสังกัดของเฮียไฮ้เอาตัวตี๋เล็กไปขังไว้ที่โรงพักไหน ตัดสินใจโทร.ไปหาเฮียไฮ้ เพื่อขอร้องให้ไว้ชีวิตตี๋เล็ก หากมีทางไหนที่จะให้เฮียไฮ้ยอมปล่อยเขา ตนยินดีทำทุกอย่าง เฮียไฮ้ขอเงินจากเต็งล้อแค่สลึงเดียว ชีวิตมันมีค่าแค่นั้น เต็งล้อรู้ทันทีว่าตี๋เล็กคงไม่รอด
“ถ้านายเล็กเป็นอะไร ลื้อไม่ตายดีแน่อาไฮ้”
“โมโหไปก็เปล่าประโยชน์ เพราะตอนนี้มันอยู่ในห้องขังกับคนของฉัน” พูดจบเฮียไฮ้วางสาย สะใจสุดๆ...
เป็นอย่างที่เฮียไฮ้ว่า คุงใช้เข้าไปอยู่ในห้องขังเดียวกับตี๋เล็กและลงมือซ้อมเขาฐานบังอาจมาหยามหน้า ตี๋เล็กไม่ได้เกรงกลัว สู้กลับสุดฤทธิ์แม้จะรู้ว่าไม่มีทางรอดเนื่องจากต่อสู้ได้ไม่เต็มที่เพราะบาดเจ็บจากถูกยิงเมื่อคืน คุงใช้ซ้อมเขาสะบักสะบอมแล้วหยิบเส้นลวดที่เตรียมไว้ขึ้นมารัดคอตี๋เล็กจนขาดอากาศตายคามือ
ooooooo
หลิวลุกขึ้นแต่งตัวแต่เช้าเพื่อรอโทรศัพท์จาก 14Kว่าจะนัดประชุมที่ไหนเมื่อไหร่ ฮัวเข้ามารายงานว่า เต็งล้อยังไม่กลับมาตั้งแต่เมื่อคืน จะรอเขาก่อนหรือเปล่า เรายังพอมีเวลา หลิวยังไม่ทันจะพูดอะไร คนของทาง 14K โทร.มาแจ้งเวลาและสถานที่นัดหมายเสียก่อน
“แล้วฉันจะไปตรงตามเวลาที่นัดค่ะ” หลิววางสายสีหน้าเคร่งเครียด...
ขณะที่หลิวเตรียมเดินทางไปร่วมประชุม เต็งล้อที่ตระเวนหาตี๋เล็กไปตามโรงพักต่างๆทั่วกรุงเทพฯก็มาถึงโรงพักอีกแห่งหนึ่ง เห็นมีรถของมูลนิธิจอดอยู่ก่อนแล้ว พร้อมกับไทยมุงอีกจำนวนหนึ่ง เขาใจคอไม่ดีรีบลงจากรถเข้าไปหาตำรวจที่ยืนกับพวกไทยมุงว่าเกิดอะไรขึ้น
“เอ่อ มีผู้ต้องหาฆ่าตัวตายในห้องขังเมื่อคืนนี้” ตำรวจพูดจบเป็นจังหวะเดียวกับเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิยกศพที่มีผ้าห่อมิดชิดออกมา เต็งล้อพุ่งไปที่เจ้าหน้าที่พวกนั้น สั่งให้วางศพลงจะขอดูหน้าศพหน่อย ตำรวจจำเขาได้บอกเจ้าหน้าที่ว่าไม่เป็นไร เขาเป็นคนของธรรมกุล เต็งล้อกลั้นใจเปิดห่อผ้าดู เห็นตี๋เล็กตายในสภาพตาเบิกค้างอยู่ ตกใจแทบช็อกทั้งที่เตรียมใจไว้แล้ว...
ในขณะเดียวกัน เหล่าสมาชิก 14K ทยอยมาถึงโถงหน้าห้องประชุม บอดี้การ์ดของแต่ละคนต้องรออยู่ด้านนอก สมาชิกเท่านั้นถึงจะเข้ามาในบริเวณนี้ได้ ผู้ที่ได้รับเชิญทั้งหมดมีเพียงหลิวเท่านั้นที่เป็นผู้หญิง จึงถูกสมาชิกพวกผู้ชายพูดจาดูถูกดูแคลนแถมเหน็บแนมเธออีกต่างหาก หลิวไม่ยอมให้ถูกกระทำฝ่ายเดียว โต้ตอบกลับไปอย่างเจ็บแสบ บางรายถูกเธอตอกหน้าหงายเงิบ ก่อนเหตุการณ์จะบานปลาย ตรัยณานปรากฏตัวขึ้น
“สวัสดีทุกๆท่าน ผมในฐานะผู้ดำรงตำแหน่ง
เค.วอง ลำดับที่ 15 ยินดีต้อนรับ...มีอะไรอยากถามก่อนเข้าห้องประชุมไหม” ตรัยฌานกวาดตามองไปรอบๆ หลิวพยายามควบคุมสติก่อนจะเข้าไปเผชิญหน้ากับเขา
“ดิฉันเพิ่งรู้ว่า เค.วอง คือตำแหน่งไม่ใช่ชื่อคน”
“คุณเข้าใจถูกแล้ว ผมขอเชิญให้ทุกท่านพูดคุยพร้อมกันที่ห้องประชุมดีกว่า” ตรัยฌานว่าแล้วเดินนำเหล่าสมาชิกเข้าห้องประชุม โดยที่สมาชิกแต่ละประเทศทาง 14K จะมีล่ามคอยแปลภาษาให้...
เมื่อทุกคนนั่งประจำที่กันเรียบร้อย โดยหลิวนั่งลงเป็นคนสุดท้าย พยายามไม่สบตากับเหล่าเสือสิงห์ทั้งหลายที่จ้องมองอยู่ ตรัยฌานเห็นอย่างนั้นก็ช่วยพูดไกล่เกลี่ย เธอเองก็ไม่อยากให้เรื่องบานปลายตัดสินใจขอโทษที่ทำตัวไม่ดีและขอฝากเนื้อฝากตัวกับทุกท่านด้วย
มีเพียงสมาชิกจากอินโดนีเซียกับไต้หวันเท่านั้นที่ดูจะพอใจกับท่าทีที่อ่อนลงของเธอเนื่องจากทั้งคู่เป็นคู่ค้าที่ดีของตี๋ซุ้งมาก่อน แต่สมาชิกคนอื่นไม่เห็นด้วยที่จะรับเธอเข้าเป็นสมาชิก อ้างว่าเธออาจจะทำให้องค์การของเราอ่อนแอ ตรัยฌานรู้อยู่แล้วว่าต้องเกิดปัญหานี้
ขึ้นมา จึงตั้งข้อแม้ให้เธอต้องผ่านการทดสอบก่อนที่จะได้เข้าเป็นสมาชิก หลิวอดหวั่นใจไม่ได้ การทดสอบที่ว่าคืออะไร
ooooooo
ขณะที่เหมยกำลังบ่นกับป้ายวิญญาณของตี๋ซุ้งว่าเป็นห่วงความปลอดภัยของหลิวและตี๋เล็ก มีเสียงรุจีตะโกนเรียกตี๋เล็กเสียงลั่นไปหมด เหมยจึงต้องลงมาดู เด็กรับใช้รีบฟ้องว่าพยายามห้ามแล้วแต่เธอไม่ฟัง
“ไม่เป็นไร” เหมยบอกกับเด็กรับใช้เสร็จก็หันไปมองแขกไม่ได้รับเชิญเป็นเชิงถามว่ามีธุระอะไร
“รุจีพยายามติดต่อตี๋เล็กตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ไม่มีใครรับสาย”
“ทางนี้ก็ติดต่อไม่ได้เหมือนกัน คิดว่าตี๋เล็กอยู่กับเธอซะอีก”
รุจีสวนทันที ถ้าอยู่ด้วยแล้วจะมาหาถึงที่นี่ทำไม พอเห็นเหมยหน้านิ่งก็ได้สติรีบขอโทษที่เผลอตัวหงุดหงิดใส่ ระหว่างนั้นเต็งล้อโทร.เข้ามือถือของเหมย แจ้งข่าวร้ายว่าตี๋เล็กตายแล้ว เธอตกใจร้องเรียกลูกชายเสียงหลง รุจีพลอยตกใจไปด้วยถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับตี๋เล็ก เหมยพูดอะไรไม่ออกซวนเซจะเป็นลม รุจีต้องประคองไว้ถามย้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกับตี๋เล็ก เหมยเอาแต่นิ่งไม่ตอบยิ่งทำให้รุจีใจเสีย...
ที่ห้องประชุมสมาชิก 14K ตรัยฌานเห็นไม่มีใครคัดค้านการตัดสินใจของตนเอง จึงประกาศเริ่มการพิสูจน์ว่าหลิวจะเหมาะกับการเข้าร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกของพวกเราหรือไม่ แล้วหันไปพยักพเยิดให้ลูกน้องนำตัวชายคนหนึ่งในสภาพมีผ้าคลุมหัวออก มือสองข้างถูกมัดมานั่งกลางห้องประชุม พอลูกน้องดึงผ้าคลุมออกหลิวถึงกับอึ้งเพราะชายคนนั้นคืออาติยะ ผู้ชายที่ผุดขึ้นมาในความทรงจำของเธอนั่นเอง
“อาร์ตี้! ฉันคิดว่าคุณตายไปแล้ว” หลิวเห็นสายตาที่อาติยะมองมาด้วยความรักและคิดถึงยิ่งอึ้งเป็นรอบที่สอง สมาชิกจากสิงคโปร์สงสัยว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร ตรัยฌานเฉลยว่าเป็นคนรักเก่าของหลิว
“ถ้าคุณต้องการผ่านการทดสอบ คุณต้องฆ่าเขา” พูดจบตรัยฌานหันไปพยักพเยิดให้ลูกน้องเอาปืนมาวางตรงหน้าหลิวที่คาดไม่ถึงว่าจะโดนไม้นี้...
แม้จะอยากเข้าร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิก 14K เพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของพ่อ แต่จะให้ฆ่าอาติยะคนรักเก่า สนองความต้องการมันเกินกว่าจะรับได้ หลิวก็เลยปฏิเสธไม่ยอมทำตาม พวกสมาชิกต่างสะใจที่เธอทำตามไม่ได้ หันมองตรัยฌานจะเอาอย่างไรกับเธอต่อไป เขากลับขอเหตุผลทำไมเธอถึงไม่ยิงอาติยะ หนึ่งในสมาชิกรำคาญโวยเสียงลั่นจะถามทำไม
“บอกแล้วว่าผู้หญิงอย่างเธอจะกล้าฆ่าคนได้อย่างไร...แค่นี้เองจะไปยากอะไร” ว่าแล้วสมาชิกรายนั้นลุกขึ้นชักปืนจะยิงอาติยะ ตรัยฌานคว้าปืนจากมือหลิวยิงใส่สมาชิกคนนั้นทันที ปืนมีแต่เสียงดังปังแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เนื่องจากเป็นกระสุนปลอม ทุกคนในที่ประชุมพากันแปลกใจ ตรัยฌานเข้าไปแก้มัดให้อาติยะ คำนับพร้อมกับขอโทษอย่างนอบน้อม ทุกคนยิ่งงงกันใหญ่ ตรัยฌานจึงเฉลยความจริงให้ทราบ
“นี่คือคุณอาติยะ ผู้สืบทอดตำแหน่ง เค.วอง รุ่นที่ 15 ตัวจริง...ผมต้องขอโทษด้วยที่ทำให้ทุกคนเข้าใจผิดมานาน ตำแหน่ง เค.วอง ผู้นำองค์การ 14K เป็นตำแหน่งที่สำคัญและยิ่งใหญ่ การไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงจึงเป็นการดีที่สุด” ตรัยฌานอธิบาย สมาชิกที่ยังมีอคติกับหลิวรีบบอกว่านี่เท่ากับพิสูจน์ได้แล้วว่าเธอไม่ผ่านการทดสอบ อาติยะกลับไม่เห็นด้วย ถ้าเป็นแบบนี้เท่ากับเธอผ่านการทดสอบอย่างไร้ที่ติต่างหาก
“ถ้าคนที่ยืนอยู่ตรงนี้เป็นคุณ ผมเชื่อว่าพวกคุณคงจะเหนี่ยวไกได้อย่างไม่ลังเล เพราะพวกคุณไม่กล้าขัดคำสั่งผม แต่เธอ ผู้หญิงตัวเล็กๆที่ไม่มีอะไรเลยกลับกล้าขัดคำสั่งผม พวกคุณคิดว่าระหว่างพวกคุณกับเธอใครมีความกล้ามากกว่ากัน” คำพูดของอาติยะทำเอาชายอกสามศอกที่อยู่ในที่ประชุมพากันสะอึก...
ในเวลาต่อมา อาติยะชวนหลิวมาสูดอากาศนอกห้องประชุม รู้สึกผ่อนคลายขึ้นเมื่อได้อยู่กันตามลำพังสองต่อสอง เขาอดถามไม่ได้ว่าความทรงจำของเธอกลับคืนมาแล้วหรือถึงได้เรียกชื่อเขาถึงสองครั้งสองครา เธอยอมรับว่าจำได้เกือบหมดทุกอย่างแล้ว อาติยะดีใจเพราะหวั่นใจอยู่ลึกๆกลัวเธอจะไม่รักเขาเหมือนเดิม
“งั้นคุณก็จำเรื่องของเราได้” ไม่พูดเปล่าอาติยะจะจับมือหลิวเพื่อแสดงความดีใจแต่เธอเบี่ยงตัวหนี พร้อมกับตัดพ้อที่เขาหนีเธอไป เขาอ้างว่าจำเป็นต้องทำอย่างนั้นเพราะเขารักเธอมาก แล้วเล่าถึงเหตุการณ์วันที่ตี๋ซุ้งสั่งให้เขาเลิกยุ่งกับเธอ ไม่ว่าเขาจะอ้อนวอนขอร้องอย่างไรตี๋ซุ้งก็ไม่ยอมใจอ่อน ยืนกรานตราบใดที่ท่านยังอยู่ เขากับหลิวจะไม่มีทางได้รักกัน เพราะฉะนั้นท่านจึงขอให้เธอเจ็บครั้งเดียวจะเป็นการดีที่สุด
“ได้...ผมจะหายไปจากชีวิตเธอเอง ผมไม่ได้รักตัวกลัวตาย แต่ที่ผมไปเพราะผมรู้ว่าหลิวรักผมมาก ถ้าคุณคิดทำอะไรผม...ผมไม่อยากให้เห็นเธอต้องเจ็บเพราะผมอีก”
หลิวฟังที่อาติยะเล่าถึงกับพูดอะไรไม่ออก เขาขอโทษเธอด้วยที่ไม่ได้บอกความจริงกับเธอตั้งแต่แรก แต่ขอให้เธอเชื่อว่าเขารอวันที่จะได้กลับมาเจอเธอและดีใจที่รู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอยังไม่มีใคร หลิวตระหนักในทันที นี่แสดงว่าเขารู้เรื่องเธอมาตลอด เขายอมรับว่าเป็นความจริง หลิวอยากรู้เรื่องตำแหน่ง เค.วองของเขา
“ผมไม่ได้อยากเป็น พ่อผมเป็น เค.วอง คนที่ 14 ตอนที่ผมหายจากคุณไปไม่นานท่านเสียชีวิต ผมถึงจำเป็นต้องขึ้นดำรงตำแหน่งแทนเพราะไม่อย่างนั้นประเทศสมาชิกก็จะวุ่นวาย เรื่องนี้คุณน่าจะเข้าใจดี”
“แล้วทำไมคุณถึงเลือกที่จะมาปรากฏตัวตอนนี้”
อาติยะไม่ได้ตั้งใจจะขึ้นรับตำแหน่งนี้แต่พอรู้ว่าหลิวคือตัวแทนของไทย ก็เลยต้องรับตำแหน่งและกลับมาที่นี่ แล้วจับมือเธอมากุมไว้ คราวนี้เธอไม่ขัดขืนแม้จะรู้สึกเกร็งๆอยู่บ้างเพราะความรู้สึกที่มีต่อเขาเปลี่ยนไปแล้ว
ooooooo










