ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 1 มิ.ย.60 ปิดที่ 1,563.11 จุด บวก 1.45 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 41,117.43 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,510.05 ล้านบาท
“ณัฐชาต เมฆมาสิน” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ ประเมินการเคลื่อนไหวหุ้นไทยเดือน มิ.ย.แกว่งตัวไซด์เวย์ออกด้านข้างต่อไปในกรอบ 1,530-1,600 จุด แม้ปัจจุบันค่าเงินบาทจะแข็งค่ามาก แต่เป็นการแข็งค่าจากเม็ดเงินที่ไหลเข้าตลาดพันธบัตร
โดยเชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะยังคงบริหารจัดการค่าเงินบาทในช่วงระดับ 34 บาทต่อดอลลาร์ได้
ขณะที่ตลาดหุ้นไทยถูกจำกัดด้วยพื้นฐานกำไรที่ไม่ได้เติบโตมากตามราคาหุ้นที่อยู่ในระดับสูง ดังนั้นแนะกลยุทธ์การลงทุนให้ซื้อที่บริเวณแนวรับ 1,530-1,540 จุด และขายที่บริเวณแนวต้าน 1,590-1,600 จุด
ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คือ การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) วันที่ 13-14 มิ.ย. คาดการณ์ว่าจะมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับ 1.00-1.25% และประเมินว่า เฟดจะยังไม่ให้รายละเอียดเชิงลึกเกี่ยวกับประเด็นการลดขนาดงบดุล (Balance sheet) จึงไม่น่าจะมีผลกระทบที่มีนัยสำคัญ เนื่องจากการขึ้นดอกเบี้ยเป็นสิ่งที่นักลงทุนรับรู้ไปแล้ว
นอกจากนี้ ยังต้องติดตาม กรณี MSCI ว่าจะนำหุ้นจากดัชนี A-Shares ของจีนแผ่นดินใหญ่ เข้าเป็นส่วนหนึ่งของการคำนวณดัชนี MSCI EM หรือไม่ ซึ่งคาดว่าน้ำหนักหุ้นไทยในดัชนี MSCI EM จะถูกปรับลดลงเพียงแค่ 0.01% จากปัจจุบันที่อยู่ที่ระดับ 2.2% หรือคิดเป็นเม็ดเงินไหลออกเพียงราว 5,000 ล้านบาทเท่านั้น
ทั้งนี้ ปัจจุบันดัชนีอยู่ที่ 1,560 จุด อยู่ในระดับกึ่งกลางจากกรอบบนและกรอบล่าง จึงยังไม่แนะนำให้เพิ่มหรือลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นในทางใดทางหนึ่ง แนะนำให้ถือหุ้น 50% ของพอร์ตพร้อมเลือกถือหุ้นที่น่าสนใจเป็นรายกลุ่ม
...
สำหรับหุ้นที่น่าสนใจคือ กลุ่มโรงไฟฟ้าที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับสภาวะตลาดช่วงนี้ ที่มีความผันผวนต่ำเนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีรายได้มั่นคงและให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง โดยแนะนำ BCPG, EGCO, RATCH
และกลุ่มธนาคารพาณิชย์แนะนำหุ้น SCB, TCAP, TISCO กลุ่มบรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีปลายน้ำที่เริ่มเห็นการปรับตัวของ Spread ที่ดีขึ้น ได้แก่ AJ, PTL, VNT, UTP
และยังสามารถดักซื้อหุ้นที่มีแนวโน้มถูกนำเข้าสู่การคำนวณดัชนี SET50 ในรอบถัดไป แต่ต้องเลือกหุ้นที่ราคายังไม่ปรับขึ้นมาก แนะนำ BPP, JAS!!
อินเด็กซ์ 51