ปัญญาอ่อนโรคจิต แต่ทำไมผวากันทั้งโลกออกมาประกาศกร้าวว่าพร้อมรบในสงครามทุกรูปแบบกับสหรัฐอเมริกา และจะเดินหน้าทดสอบขีปนาวุธนิวเคลียร์ทุกอาทิตย์ หลังได้รับรายงานยืนยันว่ากองทัพสหรัฐฯกำลังเตรียมการส่งหน่วยปฏิบัติการรบพิเศษไปปลิดชีพผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ แบบเดียวกับที่เคยเด็ดหัวผู้นำเครือข่ายก่อการร้ายระดับโลก “โอซามา บิน ลาดิน” ซึ่งเป็นศัตรูเบอร์หนึ่งของอเมริกา

ถึงวินาทีนี้ สปอตไลต์ทุกดวงต่างหันมาจับจ้อง “เกาหลีเหนือ” เป็นตาเดียวกัน ด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าประเทศคอมมิวนิสต์เล็กๆ อย่างโสมแดงมีอะไรดี ถึงได้กล้าเปิดตัวเป็นศัตรูกับมหาอำนาจใหญ่ของโลก แถมยังยั่วโมโหผู้นำขี้ยัวะอย่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซะจนปรี๊ดแตกผมไม่มีแสกเลยทีเดียว

ก็เพราะ “เกาหลีเหนือ” เป็นประเทศปิดตาย เรื่องราวภายในของโสมแดงจึงเป็นที่กระหายใคร่รู้ของชาวโลกอย่างมาก เรื่องลึกแต่ไม่ลับของเกาหลีเหนือ และ ผู้นำสูงสุด “คิม จอง-อึน”ถูกนำออกมาตีแผ่เป็นระยะๆ เริ่มจากวันเดือนปีเกิดของผู้นำโสมแดง ที่ลวงไปลวงมา จนนับอายุกันไม่ถูก สุดท้ายมีคนวงในมาเฉลยว่า วันเกิดจริงๆของ “คิม จอง-อึน” คือวันที่ 8 มกราคม ส่วนปีเกิดนั้น ถูกเปลี่ยนแก้เคล็ดจากปีชวด 1984 เป็นปีจอ 1982 เพราะคิมผู้พ่อ “คิม จอง-อิล” กลัวลูกชายคนเล็กจะทำอะไรแล้วชวดไปหมด แม้เขาจะไม่ใช่ตัวเก็งตั้งแต่แรกที่ถูกวางให้สืบทอดอำนาจ แต่สุดท้ายเมื่อขึ้นมาเป็นผู้นำสูงสุดแทนบิดาจริงๆ ความบ้าระห่ำของเด็กหนุ่มคนนี้ก็ทำทั้งโลกปั่นป่วนไปหมด

คำว่า “ผู้นำจอมเผด็จการ” อาจไม่ใช่ตัวตนทั้งหมดของ “คิม จอง-อึน” เพราะทหารเกาหลีเหนือบางกลุ่มให้คำจำกัดความว่า เขาเป็นเด็กอนุบาลปัญญา อ่อน และโรคจิต แถมยังอำมหิตกว่าสองผู้นำในอดีตรวมกันคือ คิมผู้พ่อ และคิมผู้เป็นปู่ ซึ่งก่อตั้งประเทศเกาหลีเหนือ

...

เกาหลีเหนือไม่แคร์โลกจริงๆ เพราะแม้แต่เข็มนาฬิกาก็ยังกำหนดใหม่ให้เป็นไทม์โซนของตัวเอง โดยตั้งชื่อว่า “เปียงยาง ไทม์” แทนที่จะใช้ระบบไทม์โซนร่วมกับชาวโลก “เปียงยาง ไทม์” จะเดินช้ากว่าเวลาของเกาหลีใต้ และญี่ปุ่น อยู่ 30 นาที

คนเกาหลีเหนือที่หนีออกนอกประเทศยังแอบเล่าว่า “คิม จอง-อึน” บ้าระเบียบและหลงตัวเองมาก ถึงขนาดสั่งให้ผู้ชายเกาหลีเหนือทั้งประเทศตัดผมทรงเดียวกับตัวเอง โดยห้ามยาวเกิน 2 ซม. ส่วนผู้หญิงให้ไว้ผมบ๊อบแบบเดียวกับเมียผู้นำ

คนเกาหลีเหนือพยายามหนีออกจากประเทศกันทุกวัน ทว่า ตั้งแต่ “คิม จอง-อึน” ขึ้นมาเป็นผู้นำสูงสุดของประเทศ ค่าใช้จ่ายในการพาหลบหนีออกจากเกาหลีเหนือ ก็แพงขึ้นเป็นหลายเท่าตัว โดยปัจจุบัน สนนราคาอยู่ที่หัวละ 8,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับการหนีข้ามชายแดนไปตั้งรกรากใหม่ในจีน

จากรายงานของซีไอเอยังระบุว่า ประชากรเกาหลีเหนือในปัจจุบัน มีอยู่เกือบ 3 ล้านคน ส่วนใหญ่มีฐานะยากจน และใช้ชีวิตอดอยากข้นแค้น อันเป็นผลมาจากวิกฤติเศรษฐกิจในช่วงทศวรรษ 1990 ส่งผลให้ผลผลิตในภาคอุตสาหกรรมและภาคเกษตรกรรมลดฮวบฮาบ จนเกาหลีเหนือต้องบากหน้าไปขอความช่วยเหลือจากนานาประเทศ กลายเป็นรอยด่างน่าอายของโสมแดง และแม้จะเปลี่ยนผู้นำสูงสุดมาเป็น “คิม จอง-อึน” แต่สภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนเกาหลีเหนือก็ไม่ดีขึ้น โดยเฉพาะในชนบท ประชาชนยังอาศัยอยู่ในกระต๊อบผุพัง ไม่มีไฟฟ้าใช้ และต้องอดมื้อกินมื้อ ทั้งประเทศมีทางตัดถนนแค่ 2.83% ขณะที่รายได้รวมต่อหัวประชากรต่ำเตี้ยติดดินเพียงปีละ 1,000-2,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ

ในขณะที่โลกหมุนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แต่อินเตอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือ กลับเป็นของต้องห้ามในเกาหลีเหนือ เพราะผู้นำสูงสุดต้องการปิดหูปิดตาประชาชนไม่ให้รับรู้ข่าวสารจากโลกภายนอก ทั่วทั้งเมืองจึงมีแต่ภาพผู้นำ และอนุสาวรีย์ผู้นำ ที่คนเกาหลีเหนือโดนปลูกฝังใส่หัวตั้งแต่เด็กๆว่าต้องเคารพกราบไหว้ และห้ามวิพากษ์วิจารณ์เด็ดขาด ถ้าไม่เชื่อก็ต้องถูกยิงเป้าทิ้งสถานเดียว ฐานทรยศต่อท่านผู้นำ

ถึงจะอยู่ในฐานะใกล้ล้มละลาย แต่ผู้นำเกาหลีเหนือก็ยังคลั่งสงครามไม่เลิก ประกาศทุ่มงบประมาณทั้งหมดไปสร้างกองทัพ และสั่งสมอาวุธนิวเคลียร์ให้เกรียงไกร...เฮ้อ!! ช่างไม่สงสารประชาชน
ตาดำๆเลย.

มิสแซฟไฟร์