วันเสาร์สบายวันนี้ไปคุยเรื่อง “โลกอนาคตเมืองอนาคต” กันนะครับ เมื่อวันอังคาร ครม.เห็นชอบให้สร้าง “ศูนย์นวัตกรรมแห่งอนาคต” เรียกว่า Futerium วงเงิน 2,076 ล้านบาท ตามที่ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เสนอ เพื่อแสดงความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม รวมทั้งพื้นที่แนะแนวอาชีพด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม Lab World เพื่อให้ผู้เข้าชมได้ค้นพบแนวทางในการเลือกประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม
โครงการนี้ใช้เวลาก่อสร้าง 5 ปี เปิดให้บริการ 26 ปี รวม 31 ปี
ผมขอชมว่าเป็นความคิดที่ดี ศูนย์นวัตกรรมแห่งอนาคต และ พิพิธภัณฑ์แห่งอนาคต ประเทศที่เจริญมีมานานแล้ว หลายปีก่อนผมก็ไปดูที่ญี่ปุ่น เห็นวิธีคิดในเรื่องนวัตกรรมแห่งอนาคตแล้ว ก็เปิดโลกกว้างทางความคิดให้ผมอีกเยอะ เช่น การสร้างเส้นใยแมงมุมเทียมมาใช้ทอผ้า การสร้างลิฟต์จากโลกขึ้นไปเชื่อมกับยานอวกาศ
ไปดูพิพิธภัณฑ์นวัตกรรมแห่งอนาคตแล้ว เรื่องไอโอที หรือ Internet of Things ที่กำลังพูดกันในวันนี้เป็นเรื่องเล็กไปเลย เป็นแค่เทคโนโลยีวิทยุธรรมด๊าธรรมดา
เมื่อปี 2015 ชีค โมฮัมหมัด บิน ราชิด มัคทูม รองประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เจ้าครองนครดูไบ ประกาศสร้าง พิพิธภัณฑ์แห่งอนาคตดูไบ Museum of the Future (Dubai) ตัวอาคารคล้ายแหวนวงรี กำหนดเปิดในเดือนธันวาคม 2018 ปีหน้า เพื่อสร้างนครดูไบให้เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมของโลก
...
พิพิธภัณฑ์แห่งอนาคตดูไบ ใช้สโลแกน “See the Future, Create the Future” ผมแปลง่ายๆว่า “มองเห็นอนาคต สร้างสรรค์อนาคต” ผมดูตัวอย่างแล้วก็ต้องบอกว่าอลังการงานสร้าง ตั้งแต่ล็อบบี้ ศูนย์แสดงนิทรรศการ การศึกษา สุขภาพ เมืองอัจฉริยะ (Smart City) ไปจนถึงเธียเตอร์ ร้านกาแฟ ภัตตาคาร ในอาคาร
เนื้อหาของ พิพิธภัณฑ์แห่งอนาคตดูไบ จะใช้ทั้ง การดีไซน์ เทคโนโลยี ความคิดต้นแบบ การมองไปในอนาคต มาเป็นแนวคิดสร้างสรรค์ตัวอย่างจริง พิพิธภัณฑ์แห่งอนาคตดูไบ จะเป็น ศูนย์กลางนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ของโลก จะเป็นศูนย์รวมของ นักวิจัย ดีไซเนอร์ นักประดิษฐ์ นักการเงิน จากทั่วโลกมาอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน การสร้างสรรค์ และ การเป็นผู้ประกอบการ จะมีการทดสอบจริง ทั้ง เงินทุน ตลาด และ ไอเดีย เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ต้นแบบและบริการในอนาคต
ฝันของ เจ้าผู้ครองนครดูไบ เฟื่องฟ้าจริงๆก็ไม่รู้ว่า Futerium ฝัน ของไทย จะเป็นอย่างไร เท่าที่ดูจากมติ ครม.คงจะให้เอกชนประมูลไปดำเนินการ
พิพิธภัณฑ์แห่งอนาคตดูไบ ไม่เพียงสร้างฝันในอนาคตให้เป็นจริงเท่านั้น แต่ยังต้องการนำฝันที่สร้างเป็นความจริงแล้วไปสร้างเป็น “เมืองในอนาคต” ของประชากรในอนาคตอีก วันนี้ไม่ได้มีเพียง นครดูไบ ที่ฝันจะสร้าง “เมืองแห่งอนาคต” หลายประเทศได้วางแผนและลงทุนสร้าง “เมืองแห่งอนาคต” ที่สุดแสนจะอลังการไปแล้ว จนมีการจัดอันดับ “เมืองแห่งอนาคตชั้นยอดของโลก” Top Future City of the World ผลการจัดอันดับล่าสุดมี 7 เมืองที่ติดอันดับโลก
ไปดูรายชื่อกันเสียหน่อยนะครับ แต่รายละเอียดคงเล่าไม่หมด เนื้อที่ไม่พอแน่นอน
เมืองแห่งอนาคต อันดับ 1 ของโลก คือ The King Abdullah Economic City ซาอุดีอาระเบีย เงินลงทุน 86,000 ล้านดอลลาร์ เสร็จในปี 2035 อันดับ 2 Songdo International Business District เกาหลีใต้ เงินลงทุน 35,000 ล้านดอลลาร์ เสร็จในปี 2020 อันดับ 3 Khazar Islands อาเซอร์ไบจาน เงินลงทุน 100,000 ล้านดอลลาร์ เสร็จในปี 2028 อันดับ 4 Madinat Al–Hareer City คูเวต เงินลงทุน 40,000 ล้านดอลลาร์ ใช้เวลาสร้าง 25 ปี อันดับ 5 Gujarat International Finance Tec–City อินเดีย เงินลงทุน 20,000 ล้านดอลลาร์ เสร็จในปี 2025 อันดับ 6 Masdar City ยูเออี เงินลงทุน 18,000 ล้านดอลลาร์ เสร็จในปี 2030 อันดับ 7 Forest City จีน เงินลงทุน 40,000 ล้านดอลลาร์ เสร็จในปี 2035
อีกไม่นานเกินรอเราก็จะได้เห็นเมืองแห่งอนาคตกันแล้ว.
“ลม เปลี่ยนทิศ”