พูดได้เสนอได้ แต่อย่าให้ยุ่งเหยิง

ที่ว่าอย่างนี้ก็เพราะการเมืองในปัจจุบันอยู่ภายใต้รัฐบาลอำนาจพิเศษ แม้จะมีรัฐธรรมนูญประกาศใช้อย่างเป็นทางการแล้วก็ตาม

นักการเมืองนั้นเมื่อมีช่องทางมากขึ้นก็เริ่มขยับตัวเพื่อมุ่งไปสู่เส้นทางที่พวกเขาต้องการ ซึ่งก็แล้วแต่แนวทางการเมืองของแต่ละพรรค หรือเป็นแนวคิดของบุคคล

อย่างที่เห็นอยู่นักการเมืองเคยเก็บตัวเงียบก็เริ่มออกมาแสดงความคิดเห็นเพื่อแสดงตัวตนว่ายังอยู่ และพร้อมที่จะกระโดดขึ้นเวทีทันที

จึงอย่าได้แปลกใจว่าหลังสงกรานต์ไปแล้วการเมืองจะเข้มข้นขึ้น

ประเด็นที่พูดกันมากแทบจะทุกพรรคก็คือ ข้อเสนอให้ คสช. จัดการเลือกตั้งให้เร็วที่สุด ซึ่งก็แล้วแต่จะหาเหตุผลมารองรับ

ที่เน้นกันมากก็คือ ไม่ควรที่จะตั้งธงการจัดทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายลูกให้เต็มเวลาตามกติกาที่กำหนดไว้

หมายความอะไรที่ทำได้เร็วก็ควรเร่งทำให้เสร็จก่อน โดยเฉพาะกฎหมายลูก 4 ฉบับ เพื่อการเลือกตั้งจะได้เร็วขึ้น

พูดง่ายๆว่าไม่ต้องให้คลอดออกมาพร้อมๆกันทั้ง 10 ฉบับ

แต่ประเด็นนี้มีขั้นตอนหลายขั้นตอนเมื่อ กรธ.จัดทำเสร็จแล้ว ก็จะต้องให้ สนช.พิจารณาเพื่อออกมาเป็นกฎหมายบังคับใช้และยังมีปัจจัยอื่นๆมาเป็นตัวแปรด้วย

ยิ่งกฎหมายลูกซึ่งมีความสำคัญต่อการเลือกตั้ง ต่อพรรคการเมือง นักการเมือง องค์กรอิสระ ส.ส. ส.ว. ว่าโดยรวมแล้วก็คือการเมืองทั้งระบบ

ทางที่ดีนักการเมืองน่าจะสนใจกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญมากกว่าเรื่องอื่นๆ เพราะมันเกี่ยวข้องโดยตรง

เอาเข้าจริงแล้วแม้จะมีความเห็นเพื่อให้การเลือกตั้งเร็วขึ้น แต่ก็น่าจะรู้กันดีแล้วว่าอะไรเป็นอะไร

เห็นได้จากหลายพรรคการเมืองที่ยอมรับการเลือกตั้งไม่ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใดก็ตาม นั่นคงเป็นเพราะอ่านเกมการเมืองทะลุแล้ว

...

เพียงแต่ขอให้มีการเลือกตั้งก็แล้วกัน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ที่ได้ประกาศชัดเจนไปแล้วปี 2561 จะเป็นการเริ่มต้นทางการเมืองเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้ง

เป็นท่าทีที่ชัดเจน ไม่ต้องไปพูดอะไรให้มากความ เพื่อสร้าง บรรยากาศทางการเมืองให้ราบรื่น ไม่ต้องเกิดปัญหาขัดแย้งกันขึ้นมาอีก

ปลายปี 2561 นั่นแหละชัดเจน

อีกทั้งมีอีกประเด็นที่น่าสนใจก็คือ คสช.มีความจำเป็นอีกอย่างหนึ่งก็คือ การโยกย้ายแต่งตั้งนายทหารให้เรียบร้อยก่อนเลือกตั้งเพื่อให้สร้างดุลอำนาจรองรับ

ต้องไม่ลืมว่าหากการเลือกตั้งรู้ผลชัดเจน แม้ พล.อ.ประยุทธ์จะได้เป็นต่อหรือไม่ได้เป็นต่อก็ตามการจัดทัพทหาร ตำรวจ และข้าราชการย่อมเป็นหลักประกันสำหรับพวกเขา

หาก พล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นต่อก็จะเป็นกลไกสนับสนุนรัฐบาล เพื่อทำให้การบริหารประเทศง่ายขึ้น มี ส.ว.อยู่ในมือ 250 คน มีนักการเมืองสนับสนุนแล้วยังมีข้าราชการทั้งระบบให้ความร่วมมือ

หรือถ้าไม่เป็นก็จะเข้าทำนองว่า การลงจากหลังเสือมีความปลอดภัยระดับหนึ่ง โอกาสที่จะโดนเสือกัดก็น้อยลงไปด้วย

เพราะคนที่เคยอยู่ในอำนาจอย่างรัฐบาล คสช.นั้น ก็ต้องป้องกันตัวเองเอาไว้ก่อน แม้ว่าจะเป็นการขึ้นสู่อำนาจเพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศก็ตาม

แต่การเมืองนั้นไม่เข้าใครออกใครอะไรก็เกิดขึ้นได้.

“สายล่อฟ้า”