ก็เป็นบทพิสูจน์อีกครั้ง “มีผู้นำบริหารประเทศไม่เป็น เราจะแย่กันหมด” หน้ากากอนามัยที่ขาดแคลนมาเกือบสองเดือน โรงพยาบาลรัฐโรงพยาบาลเอกชน แพทย์พยาบาล ประชาชน ต่างเดือดร้อนกันถ้วนหน้า หาซื้อไม่ได้มากว่าเดือนแล้ว แต่กลับมีขายตามเว็บไซต์เป็นแสนเป็นล้านชิ้น ในราคาแพงหลายๆเท่า ล่าสุดที่เป็นข่าวฮือฮามาตั้งแต่คืนวันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม ต่อเนื่องจนถึงเช้าวันจันทร์ จากการเปิดเผยของเพจ “แหม่มโพธิ์ดำ” ในโลกโซเชียล มีการประกาศขายหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้นในเฟซบุ๊ก ราคาชิ้นละ 14 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมก็ตก 2,800 ล้านบาท เงินไม่น้อยเลยทีเดียว

เพจ “แหม่มโพธิ์ดำ” โพสต์ว่า “มีนักข่าวคนไหนสนใจทำข่าว คนสนิทผู้ติดตามรัฐมนตรีท่านหนึ่ง มีหน้ากากในสต๊อกเป็นล้านอันพร้อมหลักฐาน ติดต่อหลังไมค์ได้นะ ชาวโซเชียลหาเจอคนอมหน้ากากแล้วล่ะ”

เพจ “แหม่มโพธิ์ดำ” ได้โพสต์รายละเอียด การขายหน้ากากจำนวนกว่า 5 ล้านชิ้น ในราคาเบาๆจับต้องได้ 14 บาทต่อชิ้น ซึ่งใช้ในโรงพยาบาลและทางการแพทย์ ไม่แบ่งขาย ขายทีละ 1 ล้านชิ้น โดยระบุว่า สินค้าอยู่กับทีมงานผม #ทำงานเป็นทีม ในโลกโซเชียลยังมีการแชร์เฟซบุ๊กของพ่อค้าขายหน้ากากรายหนึ่งอ้างว่า มีหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น มีการโพสต์ภาพพูดคุยกับบุคคลใกล้ชิดรัฐมนตรีในโรงแรมหรู ล่าสุด 2 มีนาคมโพสต์ขายในราคา 14 บาทต่อชิ้น ขายทีละ 1 ล้านชิ้น

ต่อมา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ พรรคพลังประชารัฐ แถลงที่รัฐสภากรณีเพจดังเผยแพร่อ้างว่าคนสนิทผู้ติดตามของตนกักตุนหน้ากากอนามัยจำนวน 200 ล้านชิ้น เพื่อขายต่อให้นายทุนจีนและผู้อื่น ว่ากรณีที่นายศรสุวีร์ ไปลงเฟซบุ๊กขายหน้ากากอนามัย ตนไม่รู้จักกับบุคคลผู้นี้ ไม่เคยเกี่ยวข้องธุรกิจกับเขา สำหรับ นายพิตตินันท์ รักเอียด เป็นคณะทำงานของตน ส่วนตัวยังไม่ได้สอบถามนายพิตตินันท์โดยตรง เป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส.สุราษฎร์ฯ เขต 6 พรรคพลังประชารัฐ เรื่องนี้ได้เรียน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แล้ว

...

ก็เป็นหน้าที่ของ ตำรวจ กรมการค้าภายใน ป.ป.ช. ต้องสอบสวนดำเนินคดีต่อไป เป็นคดีที่กระทบต่อความมั่นคงของชาติ ความเป็นความตายของแพทย์และประชาชน สังคมทุกภาคส่วนต้องช่วยกันจับตาดูใกล้ชิด รัฐบาลจะดำเนินคดีอย่างยุติธรรมหรือไม่

เห็นการโพสต์ขาย หน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้นแล้ว ก็รู้สึกคุ้นตาเป็นอย่างยิ่ง เมื่อค้นข่าวย้อนหลังวันที่ 30 มกราคมก็พบว่า คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรัฐมนตรีพาณิชย์ ไปตรวจโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยแล้วแถลงว่า โรงงานผลิตหน้ากากอนามัย 10 แห่ง มีกำลังการผลิตรวมกัน 100 ล้านชิ้นต่อเดือน เฉลี่ย 3.3 ล้านชิ้นต่อวัน ใช้ในประเทศเดือนละ 30 ล้านชิ้น ถ้าสถานการณ์ไม่ดีเพิ่มเป็นเดือนละ 40-50 ล้านชิ้น กำลังการผลิตก็ยังเพียงพอ และ ยังมีในสต๊อกอีก 200 ล้านชิ้น ที่พอจะใช้ไป 4-5 เดือน

วันนี้ทำไม กำลังการผลิตเดือนละ 100 ล้านชิ้น หรือ วันละ 3.3 ล้านชิ้น จึงลดเหลือ เดือนละ 36 ล้านชิ้น หรือ วันละ 1.2 ล้านชิ้น ตัวเลขต่างกันลิบลับ ก่อนหน้านี้ก็บอกว่าผลิตได้วันละ 1.35 ล้านชิ้น ทำไมตัวเลขการผลิตของกระทรวงพาณิชย์จึงกลับไปกลับมาอย่างน่าฉงน นอกจากนี้ หน้ากากอนามัยในสต๊อก 200 ล้านชิ้น ที่ รัฐมนตรีจุรินทร์ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 30 มกราคม มันหายไปไหนหมดแล้ว ช่วยตอบประชาชนหน่อยเถอะ

เป็นเรื่องที่ กรมการค้าภายใน ต้องหาคำตอบมาให้สังคม ถ้าวิเคราะห์ตามข้อมูลเดิมที่รัฐมนตรีพาณิชย์แถลง ไทยไม่ขาดแคลนหน้ากากอนามัยแน่นอน

นี่คือ ความล้มเหลวในการบริหารประเทศ ของ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในภาวะวิกฤติ ในขณะที่ กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นจัดส่งหน้ากากอนามัยไปให้ประชาชนที่อยู่ในเมืองเสี่ยงทุกครัวเรือนทุกสัปดาห์ เพื่อไม่ให้ประชาชนต้องลำบากและเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ในการไปรอเข้าคิวรับแจกหรือซื้อหน้ากากอนามัยเหมือนในประเทศไทย!

“ลม เปลี่ยนทิศ”