ประเทศไทยในขณะนี้ กำลังประสบภัยพิบัตินานาประการ ทั้งปัญหาข้าวยากหมากแพง จากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา การเมืองที่กำลังเข้มข้น ปัญหาฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ที่หลายจังหวัดถึงขั้นวิกฤติสีแดง และปัญหาภัยแล้ง ที่นักวิชาการบางคนเตือนว่าอาจจะร้ายแรงที่สุดในรอบ 20–40 ปี และถามว่ารัฐบาลเตรียมพร้อมรับมือหรือยัง?
คำตอบก็คือยังไม่พร้อม แม้รัฐบาลจะมีหน่วยงานเกี่ยวกับเรื่องน้ำนับสิบๆแห่ง รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ แห่งมหาวิทยาลัยรังสิต ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ให้สัมภาษณ์สื่อว่ามีสัญญาณส่อว่าจะมีภัยแล้งรุนแรงตั้งแต่ต้นปี 2562 รัฐบาลควรเตรียมพร้อมตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เช่น ต้องขุดบ่อบาดาลเพิ่ม
ช่วงต้นปีอาจอยู่ในฤดูกาลการเลือกตั้ง และการวิ่งเต้นจัดตั้งรัฐบาล รัฐบาลจึงไม่ได้เตรียมพร้อมรับมือภัยแล้ง เพิ่งจะอนุมัติงบประมาณแก้ปัญหาภัยแล้ง เป็นเงิน 3 พันล้านบาท เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา รวมทั้งเสนอตั้ง “กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ” มีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้การ เพื่อระดมหน่วยงานต่างๆแก้วิกฤติน้ำใน 57 จังหวัด
ภัยแล้งครั้งนี้ ไม่ได้กระทบเฉพาะชาวชนบทหรือเกษตรกร แต่กระทบถึงกรุงเทพมหานคร และเมืองอื่นๆ เพราะมีน้ำทะเลหนุนขึ้นมา ทำให้น้ำประปามีรสกร่อยหรือเค็ม ส่วนเกษตรกรทั้งหลายเป็นเจ้าประจำที่จะต้องถูกห้ามทำนาปรังเพราะขาดแคลนน้ำใน 22 จังหวัดลุ่มน้ำเจ้าพระยา ส่วนภาคเหนือกับอีสานแค่น้ำกินน้ำใช้ก็มีปัญหา
มีสัญญาณเตือนจากองค์กรต่างประเทศว่าปี 2562 และปีต่อๆไปจะเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญในภูมิภาคที่ประเทศไทยตั้งอยู่ ฝนจะมาช้าและไปเร็ว และอาจต่อเนื่องถึงปี 2563 ปีนี้อาจแล้งต่อไปถึง 6 เดือน จนกว่าจะถึงเดือนมิถุนายนหรือกรกฎาคม ไม่มีน้ำทำการเกษตรอาจจะพอทนไหว แต่ถ้าไม่มีน้ำกินน้ำใช้จะอยู่กันอย่างไร
...
งบประมาณ 3 พันล้านบาทที่รัฐบาลอนุมัติจากงบกลาง ให้แก้ปัญหาขาดแคลนน้ำที่ถึงขั้นวิกฤติ งบประมาณบางส่วนอาจนำไปขุดเจาะ หรือปรับปรุงบ่อน้ำ หมายความว่าแม้จะขุดบ่อเสร็จแล้ว ก็จะต้องรอคอยไปอีกหลายเดือน กว่าจะถึงหน้าฝน ชาวบ้านทั่วไปไม่รู้ว่าฤดูแล้งที่มาเร็ว แต่อาจอยู่นานในปีนี้ จะอยู่นานแค่ไหน
เช่นเดียวกับภัยพิบัติฝุ่นพิษ ปีนี้ไม่ได้กระจายตัวอยู่เหนือท้องฟ้า กทม. แต่ขยายตัวถึงจังหวัดในเขตปริมณฑล และหลายจังหวัดในภาคเหนือ เช่น จังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แพร่ และตาก ส่วนชาว กทม.อาจเคยชินเสียแล้วกับฝุ่นพิษมหาภัย อาจมองว่าเป็นเรื่องปกติ เป็นความจำเป็นที่ต้องทน คนส่วนใหญ่จึงไม่สวมหน้ากากกันภัย.