วันนี้ผมขออนุญาตท่านผู้อ่านเขียนถึงเรื่องที่ใกล้ตัวผมมากๆสักเรื่องหนึ่งนะครับ เพราะรู้สึกปลาบปลื้มยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ผมเดินทางมาถึงโรงพิมพ์ได้เร็วขึ้น 10 นาทีเต็มๆ มา 2 วันแล้วจากที่เคยนั่งรถเมล์ปรับอากาศหมายเลข 8 บ้าง หมายเลข 44 บ้าง จากบางกะปิมาลงที่ป้ายหลังโรงพิมพ์ไทยรัฐประมาณ 1 ชั่วโมงกับ 20 นาที บางวันก็ชั่วโมงครึ่ง ปรากฏว่าผมใช้เวลาประมาณชั่วโมงกับ 10 นาทีเท่านั้นใน 2 วันที่ผ่านมาวันแรกไม่ได้สังเกตอะไร จนวันที่ 2 พอรถเลี้ยวโค้งผ่านห้าแยกลาดพร้าวเข้าสู่ถนนพหลโยธินหน้าธนาคารทหารไทย สำนักงานใหญ่ ผมก็พบว่าบรรดาเครื่องมือ เครื่องใช้ที่ใช้ในการก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าบริเวณนั้นและเคยวางอยู่ระเกะระกะอยู่แถวๆนั้นหายไปหมดเกลี้ยงแสดงว่าบริษัทรับเหมาก่อสร้างทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวข้ามห้าแยกลาดพร้าวจากสถานีหมอชิตไปยังสถานีใหม่บริเวณหน้าห้างเซ็นทรัล เขารื้อถอนทุกสิ่งทุกอย่างออกไปหมดเรียบร้อยพร้อมกับคืนพื้นที่กลับมาให้ใช้สำหรับการจราจรในบริเวณนี้เหมือนเดิมทำให้การเดินทางจากบ้านผมมาโรงพิมพ์เร็วขึ้นด้วยเหตุนี้จริงๆ แล้วการสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าคร่อมห้าแยกลาดพร้าวและสถานีดังกล่าวแล้วเสร็จสามารถเปิดใช้มาตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาเข้าใจว่าผู้รับเหมาคงใช้เวลาเคลียร์โน่นนี่นิดหน่อย ก่อนที่จะคืนพื้นที่กลับมาในที่สุดประมาณเมื่อวันจันทร์นี่เองผมจำไม่ได้แล้วครับว่าผู้คนในย่านนี้โดยเฉพาะคนทำงานทั้งหมด ตั้งแต่ ธนาคารทหารไทย และสำนักงานใหญ่น้อยในซอยเฉยพ่วงเรื่อยมาจนถึงพวกเราไทยรัฐบางส่วน รวมถึงผู้คนที่จำเป็นจะต้องผ่านห้าแยกลาดพร้าว ผ่านสวนจตุจักร เข้าเมืองไปตามจุดต่างๆต้องพบกับความลำบากยากเข็ญกันมานานสักกี่ปี นับแต่มีการก่อสร้างเส้นทางสายนี้จำได้แต่ว่าสำหรับตัวผมเองนอกจากจะลำบากลำบนขึ้น เพราะต้องใช้เวลาในการเดินทางมาโรงพิมพ์ยาวนานขึ้นแล้ว การใช้ชีวิตส่วนตัวของผมในแต่ละวันก็เปลี่ยนแปลงไปมากเริ่มจากป้ายรถเมล์ หลังธนาคารทหารไทย สำนักงานใหญ่ ซึ่งเป็นป้ายใหญ่ที่สุดมีผู้คนใช้มากวันละหลายร้อย หลายพันคน (รวมทั้งผมด้วย) โดนขยับออกไปจนเกือบจะถึงด้านหลังของโรงพิมพ์ไทยรัฐทำให้คนทำงานทั้งที่ธนาคารทหารไทย และในซอยเฉยพ่วงทั้งหมดต้องเดินย้อนกลับไปเกือบ 500 เมตรในขณะที่ผมดูเผินๆแล้วเหมือนโชคดี เพราะป้ายรถเมล์เลยไปใกล้ไทยรัฐมาก เดินอีกนิดเดียวก็เข้าประตูหลังได้แล้วแต่สิ่งที่ผมต้องสูญเสียไปก็คือ ถ้าผมลงป้ายเก่าผมจะมีโอกาสเดินเข้าซอยเฉยพ่วง ซึ่งมีฉายาว่า “ซอยละลายทรัพย์ 2” ซึ่งมีร้านค้ามากมายทั้งของกิน ของใช้ ละลานตาไปหมดแม้เส้นทางนี้จะอ้อมพอสมควร เพราะผมต้องเดินไปออกถนนวิภาวดีรังสิต แล้วเดินอีกเกือบ 600 เมตรกว่าจะถึงไทยรัฐด้านหน้า แต่ด้วยบรรยากาศของซอยเฉยพ่วงอย่างที่เรียนไว้แล้ว ทำให้เดินสนุกดูโน่นดูนี่ไปตลอดทางปรากฏว่าตั้งแต่ย้ายป้ายรถเมล์ไปอยู่ใกล้ๆด้านหลังโรงพิมพ์ไทยรัฐ ผมก็เดินเข้าโรงพิมพ์เลยทันที ไม่ได้เดินสัมผัสบรรยากาศ “ซอยละลายทรัพย์ 2” มาเสียนาน จนลืมไปหมดแล้วว่ามีอะไรบ้างผมก็หวังว่าเขาคงจะย้ายป้ายรถเมล์กลับไปไว้ที่หน้าธนาคารทหารไทยสำนักงานใหญ่อีกครั้งหนึ่งในเร็วๆนี้...เผื่อว่าวันไหนผมมาโรงพิมพ์ด้วยรถเมล์จะได้มีโอกาสกลับไปเดินซอยเฉยพ่วงเหมือนเดิมขอบคุณสำหรับการคืนพื้นที่จราจรย่านห้าแยกลาดพร้าว กลับมาให้ประชาชนชาว กทม. อีกครั้งหนึ่ง ทำให้การเดินทางเข้าเมืองของผู้คนผมว่าวันละหลายแสนคนที่ต้องผ่านห้าแยกนี้สะดวกสบายขึ้นอย่างมากสำหรับผมยังมีถนนลาดพร้าวทั้งสายที่กำลังก่อสร้างรถไฟฟ้าอย่างโกลาหลเป็นอุปสรรคอยู่ รวมทั้งยังมีถนนรามคำแหง ซึ่งก่อสร้างรถไฟฟ้า เช่นกัน คอยปิดกั้นเวลาผมจะไปเข้า กทม.ชั้นในอีกซีกหนึ่งแต่อย่างน้อยการที่ “ห้าแยกลาดพร้าว” สามารถเสร็จลงได้และคืนพื้นที่กลับมาได้ ก็เป็นความหวังอย่างใหญ่หลวง ทำให้ผมและน่าจะรวมถึงพี่น้องประชาชนในย่านตะวันออกของ กทม. มีกำลังใจในการที่จะอดทนรอการรับคืนถนนสายอื่นๆอีกต่อไปแฮ่ม! ทนมาได้ถึงขนาดนี้แล้ว ยังไงๆก็ต้องทนต่อจนได้ละน่า.“ซูม”