ครั้งหนึ่ง ผมเคยถามผู้รู้เรื่องจีน ระดับ ก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ว่า บทบาทของขงเบ้ง ในสามก๊ก ที่พูดถึงอยู่นั้น เป็นบทบาทจริง ในประวัติศาสตร์ หรือเป็นบทบาทในวรรณกรรมที่ล่อกวนตง แต่งขึ้นใหม่

ตอนที่ถาม ผมก็คิดว่า ตัวเองเก่ง ที่อ่านหนังสือมาก อ่านหลายเล่ม...จนเกิดสับสนขึ้นเอง

มีคนเคยบอก คนที่อ่านหนังสือมาก ยิ่งอ่านก็ยิ่งโง่ ผมเพิ่งรู้ประจักษ์ เมื่ออ่าน เรื่องวัฒนธรรมสามก๊ก ที่คุณนิธิพันธ์ วิประวิทย์ สุดยอดแฟนพันธุ์แท้ ราชวงศ์จีน เขียนไว้ในหนังสือ มองตะเกียบเห็นป่าไผ่ 3 (สำนักพิมพ์โพสต์บุ๊คส์)

คุณนิธิพันธ์เอง ก็ออกตัวว่า ฟังเรื่องต่อไปนี้มาจากผู้รู้จีน ที่ถกกันทางทีวีอีกที

ในไทย มีคนรู้จัก โจโฉ เล่าปี่ ซุนกวน ขงเบ้ง กวนอู อยู่มาก แต่ในจีน คนจีนรู้จักเข้มข้นกว่า

ไปถึงญี่ปุ่น ก็ดูจะยิ่งหนัก ถึงขนาดเอาไปทำหุ่นกระบอกอลังการระดับชาติ เขียนเป็นการ์ตูนท้าประวัติศาสตร์ หรือทำเป็นเกมขายไปทั่วโลก

สามก๊กที่โด่งดัง ไม่ใช่สามก๊กจากประวัติศาสตร์ แต่เป็นสามก๊กวรรณกรรม ที่มีคนแต่งไว้หลายฉบับ ฉบับที่แพร่หลายที่สุด ล่อกวนตงเมื่อ 600-700 ปีที่แล้ว

...

ภาพลักษณ์ของบุคคลในสามก๊ก จึงต้องโอเว่อร์แอ็กติ้ง เล่าปี่ มนุษยสัมพันธ์ดี พนมมือให้คนทุกชั้น ขงเบ้งฉลาดถึงขั้นหยั่งรู้ฟ้าดิน โจโฉฉลาดเจ้าเล่ห์เหลี่ยมจัด เพื่อให้คนอ่าน เกลียดแรง รักแรง

บางเหตุการณ์ก็โม้ อย่างเรื่อง ขงเบ้ง ใช้กลเมืองว่าง

เรื่องจริง ขงเบ้งใช้คนผิดพลาด เสียกองกำลังรักษาด่าน สุมาอี้ จึงยกทัพมาประชิดติดเมือง

วิกฤตินี้ขงเบ้งต้องยอมเสี่ยง สั่งเปิดกำแพงเมืองทุกด้าน แล้วขึ้นไปเล่นดนตรีทำสบายๆบนเชิงเทิน เชื้อเชิญให้สุมาอี้เข้ามาจับสุมาอี้ลังเล กลัวขงเบ้งซ้อนแผนซุ่มโจมตี ถอยทัพ เมืองนั้นจึงปลอดภัย

เรื่องนี้ ไม่มีบันทึกในประวัติศาสตร์เลย แต่คนอ่านสามก๊ก ต่างเห็น “กลเมืองว่าง” เป็นกลยุทธ์สุดยอด ศึกษาเอามาใช้จริง เพราะดูมันเข้าเค้าหลักจิตวิทยาอยู่บ้าง

เรื่องโม้ทำนองนี้ ล่อกวนตง ไม่ได้คิดเองทั้งหมด แต่ชาวบ้านช่วยกันโม้เล็กโม้น้อยกันมาก่อน

เรื่องโม้ระดับชาวบ้าน ไปไกลมาก แปรสถานะ ให้เป็นที่พึ่งทางใจ เล่าปี่เทพเจ้าช่างจักสาน เตียวหุยเทพเจ้าคนขายเนื้อ กวนอู เป็นทั้งเทพเจ้าแห่งทรัพย์สิน เทพเจ้าช่างตัดผม (ทั้งที่ความจริงชอบตัดหัว)

ผสมโรงด้วยการปั้นรูปแต่งองค์ทรงเครื่องบูชา สร้างตำนานยิบย่อยแตกแขนงออกไป

ต้องการสัญลักษณ์ความซื่อสัตย์ ก็หยิบเอากวนอูมาใช้ ต้องการระบายความคับแค้นขุนนางเจ้าเล่ห์ ก็ละเลงใส่โจโฉ

สามก๊กมีลมหายใจอยู่ได้ทุกที่ทุกเวลา ก็เพราะชาวบ้านนี่แหละ

สุดท้าย ประวัติศาสตร์ก็ว่ากันไปอย่าง วรรณกรรมก็ว่าไปอย่าง ชาวบ้านก็ว่าไปอย่าง

สามก๊กจึงประกอบด้วยภาพ 3 ภาพซ้อนกัน ภาพจากบันทึกประวัติศาสตร์ ภาพจากวรรณกรรม และภาพในใจชาวบ้าน ทั้งหมดมีทั้งส่วนที่ซ้อนทับ และแตกต่าง

สารพัดสารพันความยึดถือเหล่านี้ พองิ้วหรือละครสามก๊กออกมา แต่ละคนก็มีตัวละครอยู่ในใจ ก็นึกในใจ เอ๊ะ! ไอ้นี่ไม่เหมือนโจโฉ เจ้านี่แสดงไม่สมบทบาทเล่าปี่ คนนี้ก็ไม่เห็นเหมือนกวนอู

เถียงกัน ทั้งๆที่ไม่เคยเห็นตัวจริง

ข้อถกเถียงนี้ มีมานาน ผู้รู้ในจีนต้องออกมาห้ามทัพ และย้ำบอกเสมอๆ ภาพทั้ง 3 ภาพอยู่ร่วมกันได้ ขอแค่เมื่อถึงเวลา ก็ต้องแยกแยะให้ได้

อ่านเรื่องวัฒนธรรมสามก๊ก มาถึงตอนนี้ ก็คิดถึงหลายเทพเจ้าในสามก๊กไทย...หรือผมจะแก่ หรือกำลังเวียนหัวตาลาย ดูข่าวทีวีทีไร เห็นแต่หน้าโจโฉเจ้าเล่ห์ ไม่ว่าจะอ้าปากพูดอะไร เห็นถึงลิ้นไก่ทุกที.

กิเลน ประลองเชิง