ผมรู้มาแต่เพียงว่า พระหนุ่มเณรน้อย ฝ่ายที่สมภารกร่าง วัดไผ่แดง ท่านจำแนก เป็นศาสนจักร ที่เล่าเรียนหลักสูตรนักธรรม ตรี โท เอก ในวันนี้ ล้วนแต่เป็นพระนิพนธ์ ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทั้งนั้น

ความรู้ใหม่ สมเด็จฯท่านยังทรง เจือจานเผื่อแผ่มาถึงฝ่ายอาณาจักร ทรงเขียนนิทานให้เด็กๆ ได้เล่าเรียนเขียนอ่านกันหลายๆเรื่อง

อย่างนิทาน เรื่องหงส์ทอง เรื่องหนึ่งในหนังสืออ่านจรรยา นิทานสุภาษิต กรมศึกษาธิการ จัดพิมพ์ 16 พ.ย. ร.ศ.128 ลองอ่านกันดู

ครอบครัวหนึ่งมีสามคนด้วยกัน คือพ่อ 1 แม่ 1 ลูกสาว 1 พ่อเป็นคนดีรักเมียรักลูกของเขามาก หมั่นทำมาหากิน เอาใจใส่เลี้ยงดูเขาอยู่ คนทั้งสามนั้นอยู่เป็นสุขด้วยกันมา

ภายหลังพ่อตายไปเกิดเป็นหงส์ทอง ยังอยู่แต่แม่กับลูกสองคนหากินเลี้ยงกันมา

แต่อยู่ข้างฝืดเคือง ก็ยากจนลง

ฝ่ายหงส์มีความรักติดสันดานมาแต่ชาติปางก่อน ก็บินมาเยือนหญิงทั้งสองอยู่เนืองๆ

เมื่อจะกลับก็สลัดขนปีกที่เป็นทองให้ คราวละอัน หญิงทั้งสองนั้นได้ทองขายเลี้ยงชีวิตสืบมา ค่อยเป็นสุขขึ้น

วันหนึ่ง แม่พูดกับลูกสาวว่า “นางหนู ถ้าหงส์ยังมาอยู่เช่นนี้ก็ยังดี แต่จะไว้ใจสัตว์อย่างไรได้ ถ้าฉวยมันไม่มาอีก คราวนี้เรามิขาดลาภไปหรือ เจ้าจะว่าอย่างไร

เราช่วยกันถอนขนหงส์ให้หมดในคราวเดียวกัน จะดีกระมัง ถึงมันจะไม่มาอีก ก็ไม่เป็นไร”

ลูกสาวตอบว่า “แม่พูดเช่นนั้น จะลองใจฉันล่ะกระมัง

ขอแม่คิดดูให้จงดี หงส์มีคุณแก่เรา โปรดเราให้พ้นยาก เราทำเช่นนี้ มิเป็นคนไม่คิดถึงคุณท่าน หงส์จะไม่มาก็ช่างเขา เขาพอใจจะให้เท่าใด เราก็เอาเท่านั้น ตามแต่เขาจะโปรด

อยากให้เขามาบ่อยๆ เราก็ต้องคอยเอาใจเขา แม่ไม่ต้องมาลองใจฉัน”

“แม่พูดจริงๆ ยังจะว่าลองใจ มัวแต่คิดถึงคุณเขาอยู่ ไม่รู้จักทีได้ทีเสีย แนะให้ก็ไม่เชื่อ เจ้าไม่ทำข้าจักทำเอง”

...

เมื่อแม่พูดอย่างนี้แล้ว ครั้นหงส์มาตามเคย ก็พูดลวงให้เขาตายใจ จับตัวถอนขนจนสิ้น แล้วขังไว้ หงส์ได้ความเจ็บ ลำบากน่าสงสาร ลูกไม่รู้จะช่วยได้อย่างไร ก็ได้แต่ร้องไห้

ขนหงส์ที่ถอนๆก็ไม่เป็นทอง กลายเป็นขนขาวเหมือนขนหงส์ตัวอื่นๆ

ทองที่ได้ก็ขาดลง ขนที่งอกใหม่ ก็ไม่เป็นทองดังเก่า นางเห็นไม่เป็นการ ก็ปล่อยหงส์ไป

หงส์หลุดได้แล้ว เข็ดไม่มาอีก

สะใจแม่ทำไม่ดี จึงขาดลาภที่เคยได้ แต่สงสารลูก เพราะแม่ไม่ดีพาให้ลูกตกยากด้วย ผู้ใหญ่ในครอบครัวทำเสีย พาให้ผู้น้อยพลอยยับเยินไปด้วย

เหมือนเรือคนถือท้ายไม่ดี ล่มลง คนที่นั่งในเรือก็พลอยตกน้ำด้วย

สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส จบนิทานเรื่องนี้ ด้วยคำถามว่า โลภมากลาภหาย มีตัวอย่างเช่นนี้ ใช่หรือไม่

อ่านเรื่องหงส์สลัดขนทองให้อดีตลูกเมียขายเลี้ยงชีวิต ทำให้ผมนึกถึงระบอบที่คนบางฝ่าย เรียก “ประชาธิปไตย” บุญทำกรรมแต่งได้หงส์ทองล่องลมมาช่วย พออยู่พอกินกันไป

ด้วยความเชื่อแน่นแฟ้น คนในระบอบประชาธิปไตย ไม่เคยอดตาย เหมือนคนในระบอบเผด็จการ

จะตัดสินเลือกข้างไหน ก็เลือกกันไปเถิด...เลือกข้างประคับประคองกันให้เดินไปข้างหน้า...ถ้าเผลอพลั้งถอยหลัง...ที่บ่นๆกันว่า ยอบแยบเต็มทีมาสี่ห้าปี...

เผลอไผลมีใครสักคนอดตาย ก็จะเสียใจ ร่ำร้องอยากได้เจ้าหงส์ทองคืน.

กิเลน ประลองเชิง