วันก่อน คุณกฤชเทพ สิมลี รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงแนวทางแก้ไขปัญหาข้อพิพาทกับผู้สัมปทาน ทางด่วนบางปะอิน-ปากเกร็ด หลังจากที่ ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาให้ การทางพิเศษฯ จ่ายชดเชยความเสียหายจากการสร้างทางแข่งขันให้กับ NECL บริษัทลูกของ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) เป็นเงิน 4,138 ล้านบาท ว่าเป็นไปด้วยดี และเป็นไปตามมติ ครม. วันที่ 2 ต.ค.61 ที่ให้หน่วยงานของรัฐเจรจาต่อรองกับคู่พิพาท กรณีเกิดคดีความตามสัญญาหรือถูกฟ้องคดีต่อศาลปกครอง เพื่อบรรเทาความเสียหายของรัฐและให้เกิดความเป็นธรรมแก่ราษฎรผลการเจรจาที่ออกมามีเนื้อหาที่น่าสนใจยิ่งคุณสุชาติ ชลศักดิ์พิพัฒน์ ผู้ว่าการการทางพิเศษฯ เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีแนวคิดที่จะ ขยายอายุสัญญาสัมปทานให้กับ BEM ใน โครงข่ายทางด่วนขั้นที่ 2 รวมส่วน D ช่วงพระราม 9-ศรีนครินทร์ และ ทางด่วนบางปะอิน-ปากเกร็ด ออกไปอีก 37 ปี เพื่อลดภาระหนี้ที่เป็นข้อพิพาทกับ BEM ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 137,515.6 ล้านบาทบีอีเอ็ม มีสัมปทานกับ การทางพิเศษฯ 3 สัญญา คือ ทางด่วนขั้นที่ 2 บางโคล่-แจ้งวัฒนะ-อโศก พระราม 9-ศรีนครินทร์ และ บางปะอิน-ปากเกร็ด ทั้ง 3 สัญญามีข้อพิพาทกับการทางพิเศษฯ เพราะรัฐบาลในอดีตไม่ยอมให้ขึ้นค่าทางด่วนตามสัญญา แต่หนักที่สุดก็คือ สายบางปะอิน-ปากเกร็ด ที่รัฐบาลขอให้บีอีเอ็มลงทุนสร้างต่อไปถึง ธรรมศาสตร์-รังสิต เพื่อรองรับการแข่งขัน กีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 ในปี 2541 โดยมีเงื่อนไขว่ารัฐจะไม่อนุญาตให้สร้างทางด่วนไปแข่งขัน เพราะทางช่วงนี้มีรถน้อยอยู่แล้วพอถึงยุค คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นรัฐมนตรีคมนาคมก็อนุญาตให้สร้าง ดอนเมืองโทลล์เวย์ส่วนต่อขยาย จาก อนุสรณ์สถาน-รังสิต ถือเป็นการแข่งขันกับ สายบางปะอิน-ปากเกร็ด โดยตรง ทำให้มีรายได้ลดลง จึงมีการเรียกร้องให้ชดเชยตามสัญญา แต่การทางพิเศษฯไม่ยอมชดเชย จึงเกิดข้อพิพาทขึ้น อนุญาโตตุลาการตัดสินให้ NECL ชนะ แต่ การทางพิเศษฯ ไม่ยอมรับ จึงมีการฟ้องต่อ ศาลปกครอง ให้ชดเชยผลกระทบปี 2542–43 ศาลปกครองชั้นต้น และ ศาลปกครองสูงสุด ตัดสินให้ BEM ชนะ ให้การทางพิเศษฯจ่ายชดเชย BEM 4,318 ล้านบาท ดังที่เป็นข่าวค่าชดเชย 4,318 ล้านบาท เป็นค่าชดเชยเพียง 2 ปีที่ฟ้อง คือ ปี 2542–43 ถ้า BEM ฟ้องคดีต่อจากปี 2544–2561 จะทำให้ การทางพิเศษฯต้องจ่ายชดเชยสูงถึง 137,515.6 ล้านบาท ดังที่ ผู้ว่าการการทางพิเศษฯ ให้สัมภาษณ์ นายกรัฐมนตรี จึงให้มีการต่อรองกับ BEM เพื่อลดภาระของรัฐบาลที่อาจต้องจ่ายชดเชยทั้งหมดเพราะแพ้คดีผลการเจรจาที่ออกมาก็เป็นไปอย่างที่ คุณกฤชเทพ รองปลัดคมนาคม แถลงคือ รัฐขยายอายุสัมปทานทางด่วนขั้นที่ 2 พระราม 9– ศรีนครินทร์ และ บางปะอิน–ปากเกร็ด ให้ BEM อีก 37 ปี แลกกับเงินชดเชย 137,515.6 ล้านบาท แต่เพื่อไม่ให้รัฐบาลเสียหน้าจึงขอให้ BEM แก้ปัญหารถติดบนทางด่วนด้วย แลกกับการขยายสัญญาสัมปทาน BEM ก็เสนอทางออกให้สร้าง “ทางด่วนขั้นที่ 2” อยู่เหนือทางด่วนปัจจุบันตั้งแต่ช่วง ประชาชื่น–อโศก เป็นระยะทาง 13–14 กม. ด้วยเงินลงทุนของ BEM 31,000 ล้านบาททางด่วนขั้นที่ 2 จะเป็น “ทางด่วนพิเศษ” สำหรับรถที่ต้องการวิ่งเข้าใจกลางกรุง มีทางลงไม่กี่แห่ง เพื่อช่วยระบายจราจรบนทางด่วนขั้นที่ 1 จากประชาชื่น–อโศก ทั้งขาเข้าและขาออก ใครจะวิ่งบนทางด่วนขั้นที่ 1 หรือขั้นที่ 2 ก็ได้ จ่ายค่าผ่านทางอัตราเดียว 50 บาทจากคำพิพากษาของ ศาลปกครองสูงสุด จนถึงการเจรจาต่อรองระหว่าง การทางพิเศษฯ กับ BEM จนสรุปออกมาเป็นแนวทางที่ win win win ทุกฝ่าย คือ รัฐบาลไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย 137,515.6 ล้านบาท แถมได้ทางด่วนใหม่ขั้นที่ 2 เพิ่ม และ BEM ได้รับการชดเชยด้วยการขยายสัมปทาน 37 ปี ที่สำคัญ ประชาชนผู้ใช้ทางด่วนได้ทางเลือกใหม่ เป็นดีลที่ผมคิดว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด ไม่คิดว่าภาครัฐจะคิดทางออกได้ดีขนาดนี้.“ลม เปลี่ยนทิศ”