งานสาวรกรากต้นตอ คนไท ชุมชนไท–ลาว และความ เป็นไท/ไต/ไทย/สยาม ชุด ด้ำ แถน กำเนิดรัฐไท ลงพิมพ์ในทางอีศาน ฉบับ ม.ค.2561 อาจารย์ชลธิรา สัตยาวัฒนา เขียน ตอน 2 ว่าด้วยเรื่องสืบด้ำแถนอาจารย์ปรารภถึง ฟากฝั่งตะวันออกตรงข้ามโรงพยาบาลลานนา ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ มีถนนซอยหนึ่งเดิมมีชื่อว่า ซอยหมื่นด้ำพร้าคตเทศบาลนครเชียงใหม่ ได้เปลี่ยนชื่อให้ทันสมัย เข้ากับยุคเฟื่องฟูของการพัฒนาว่าถนนพัฒนาช้างเผือกอาจารย์ชลธิราเสียดายชื่อเสียงเรียงนามของที่ทางต่างๆ อันมีมาแต่อ้อนแต่ออก ต้องถูกปรับเปลี่ยนไปในนามของการพัฒนา ทำให้การสืบสาวรกรากต้นตอชุมชนไท และต้นเค้าความเป็นมาของโคตรวงศ์“ต้นตระกูลไท (ย) ใจท่านเหี้ยมหาญ” ยุ่งยากกว่าที่ควรจะเป็นในแผนที่กูเกิล ชื่อภาษาอังกฤษ ถอดความเป็นภาษาตัวเขียน ไทย ยังปรากฏ ซอยหมื่นด้ามพร้าคต คำว่า “ด้ำ” ซึ่งหลงเหลืออยู่คำเดียว“ผีซ้ำด้ำพลอย” เกือบจะมลายหายสิ้นไปทั้งอินทรีย์แล้วต่อไปไม่เกินห้าสิบปี คำว่าหมื่น อาจกลายคำเป็น “ม่วน” และคำ “พร้าคต” จะกลายเป็น “พร้าคด”อาจารย์ชลธิราเข้าสู่เนื้อหา ด้วยการสืบสาวราวเรื่อง “ด้ำ” และสอบเทียบว่ามีความหมายนัยยะเกี่ยวโยงถึง “โคตรเหง้าเหล่ากอ” ก็ได้พบสิ่งที่น่าสนใจมาก ดังนี้หมื่นด้ำพร้าคต ปรากฏตนในตำนานพื้นเมืองทางเหนือหลายเรื่อง ในตำนานโยนก ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ เรียก หมื่นด้ำ–พร้าคต ในชินกาลมาลีปกรณ์ เรียกชื่อตำแหน่งของท่านว่า สีหโคตรเสนาบดีตำนานพระธาตุวัดเจดีย์หลวง ขานนามว่า หมื่นด้ำสีหโคตรอาจารย์ไกรศรี นิมมานเหมินทร์ บอกว่า เมื่อวัยเยาว์ หมื่นด้ำพร้าคต เป็นพระสหายพระเจ้าติโลกราช สนิทสนมรู้ฝีมือกันดี จนทรงตรัสว่า “หากกูเป็นใหญ่ กูจักตั้งให้มึงเป็นเสนา”ในสมัยพระเจ้าติโลกราช พ.ศ.2020 หมื่นด้ำพร้าคตเดินทางไปลังกา เพื่อจำลองแบบอย่างโลหปราสาทและรัตนเจดีย์ กลับมาปฏิสังขรณ์กุฏิมหาธาตุ หรือเจดีย์ลักษณบุราคม (เจดีย์หลวง)หล่อพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์องค์ใหญ่หนัก 33 แสน ให้มีพุทธลักษณะแบบลวปุระ คือพระเจ้าแค่งคม วัดศรีเกิดปัจจุบัน ฯลฯน.ณ ปากน้ำ ยกย่องว่า หมื่นด้ำพร้าคต เป็นทั้งนายช่างสถาปนิกและนักประติมากรรม ที่ไม่แต่ในอดีตสมัยแม้ในปัจจุบัน ก็ยากที่จะหาผู้ใดเท่าเทียมทานประวัติหมื่นด้ำพร้าคต เป็นชาวเมืองยวม ปรากฏในตำนานโยนกว่าลุศักราช 844 ปีขาลจัตวาศก หมื่นด้ำพร้าคต หรือสีหโคตรเสนาบดีผู้เป็นนายช่างใหญ่ ป่วยถึงอนิจกรรม โปรดให้ทำฌาปนกิจ ณ เมืองยวมใต้ ให้ก่อเจดีย์บรรจุอัฐิธาตุไว้ ณ ที่นั้น”คำ“ด้ำ” ภาษาถิ่นของอีสาน หมายถึงผีเรือนเทวดาประจำบ้าน เค้าเงื่อนจากโคลงโบราณเรื่องท้าวฮุ่ง (ขุนเจือง) การจะขอลูกผู้มีบุญให้มาเกิด คนโบราณ จะขอจากผีด้ำใหญ่ ผู้เป็น “แถน”เมืองแถน แดนที่อยู่ของ“ผีด้ำใหญ่” มีชื่ออื่น แถนเถ้า แถนหลวง แถนด้ำ แถนฟ้าชาวไท-ลาวเล่าว่า “แถนด้ำ ท่านเบื่อลูกหลาน จึงพากันอพยพไปสร้างบ้านแปงเมือง อยู่เมืองฟ้า เมืองแถนทุกวันนี้ ก็แทบจะหาคำ“ด้ำ” ไม่เจอที่ไหนแล้ว เจอคำด้ำ ในชื่อ หมื่นด้ำพร้าคต ที่เชียงใหม่ ก็ให้มีอันถูกเปลี่ยนไปเสียอีก น่าใจหาย น่าเสียดายเสียจริงๆ.กิเลน ประลองเชิง