สาระจากพระไตรปิฎก (สำนักพิมพ์ วี.อินเตอร์ พริ้นท์ จำกัด พ.ศ.2555) อาจารย์อิสริยา นุตสาระ รวบรวมเรียบเรียงไว้ สำนวนอ่านง่าย เข้าใจง่าย มีด้วยกัน 6 เล่ม ตอนต้นๆเล่ม 2 กล่าวถึงคำว่า โกลาหลพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน อธิบายว่า โกลาหล หมายถึง เสียงกึกก้อง อื้ออึง เอิกเกริก แต่ในพระไตรปิฎก แยกเป็นปรากฏการณ์ ซึ่งเป็นที่มาของเสียงดัง 5 อย่าง1.กัปปโกลาหล คือกาลที่มนุษย์รู้ว่า โลกจะพินาศ 2.จักวัดติโกลาหล คือกาลที่มนุษย์จะได้รู้ว่า พระเจ้าจักรพรรดิจะอุบัติขึ้นในโลก 3.พุทธโกลาหล คือกาลที่มนุษย์ได้รู้ว่า พระพุทธเจ้าจะอุบัติขึ้นในโลก4.มงคลโกลาหล คือกาลที่มนุษย์และทวยเทพทั้งหลายวุ่นวาย ค้นหาว่า อะไรคือมงคลที่แท้จริง5.โมเนยยโกลาหล คือกาลที่ภิกษุรูปหนึ่งจะทูลถามต่อพระพุทธเจ้า ถึงข้อปฏิบัติของมุนี (ผู้รู้)โกลาหล ข้อแรก กัปปโกลาหล...มนุษย์รู้ว่า โลกจะแตก ฟังออกมาไม่ค่อยดี อาจารย์อิสริยาตั้งคำถามว่า ตกลงโกลาหลทั้ง 5 ดีหรือไม่ดีอาจารย์ตอบเอง ดีทุกประการ เพราะเมื่อมนุษย์รู้ว่าโลกจะแตก ก็หวาดกลัวว่าจะไม่มีที่พึ่ง ก็ต้องหันมาสนใจใฝ่ธรรม เพราะรู้ดีว่าเป็นทางรอดทางเดียวโกลาหล 2 การมีจักรพรรดิอุบัติในโลก เป็นเรื่องน่ายินดี แต่เรื่องที่น่ายินดีมากกว่า คือโกลาหล 3 การมีพระพุทธเจ้าอุบัติในโลก เพราะอุบัตินี้ไม่ได้มีได้ง่ายๆเมื่อการอุบัติขึ้นของพระพุทธเจ้ามีครั้งเดียว ข้อโมเนยยโกลาหล ข้อถามถึงข้อปฏิบัติมุนี หรือผู้รู้จากพระพุทธเจ้านั้น จึงจะมีเพียงครั้งเดียว ในสมัยของพระพุทธเจ้าแต่ละองค์มาถึงข้อมงคลโกลาหล ข้อชี้แนะมงคล เหตุแห่งความเจริญ ซึ่งมีด้วยกันมากถึง 38 ประการ ในพุทธกาล ชาวชมพูทวีป ใช้ประตูเมืองบ้าง ศาลาห้องโถงบ้าง ประชุมเล่าเรื่องราวต่างๆ โดยมีเงินทองให้เป็นรางวัล บางเรื่องเล่าเรียกความสนใจได้นานถึง 4 เดือนจนถึงวันหนึ่ง มีผู้ตั้งประเด็นถาม...อะไรหนอ?คือมงคล ถกแถลงกันจนกลายเป็นเรื่องยาว จนสรุปไว้ได้ 3 ฝ่าย ฝ่ายยึดถือรูปเป็นมงคล ฝ่ายยึดถือเสียงเป็นมงคล และฝ่ายที่สาม เชื่อว่ากลิ่นเป็นมงคล หัวข้ออะไรเป็นมงคล มนุษย์ถกกันตั้งแต่หมู่บ้านไปถึงเมือง และแพร่ไปหลายๆเมือง ลุกลามไปถึงเทวดา ตั้งแต่รุกขเทวดา ไปถึงสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ไปถึงพรหมโลกเรื่องเข้าหูพระอินทร์ พระอินทร์บอกว่า มีพระพุทธเจ้าเท่านั้น จะแสดงมงคลได้อย่างกระจ่างแจ้ง และนี่คือที่มาของมงคลสูตร ที่เวลาผ่านจากพุทธกาลมาถึงวันนี้ กว่า 2,500 ปีแล้ว พระก็ยังสวดให้ชาวบ้านฟัง...เราคุ้นหูกันกับ บทขึ้นต้น อเสวนา จ พาลานัง...ฯลฯมงคลเริ่มแต่ ไม่คบคนพาล คบบัณฑิต บูชาคนควรบูชา อยู่ในสถานที่่สมควร ไปจนถึงข้อ 38 ข้อสุดท้าย มีจิตเกษม มงคลแต่ละข้อ เริ่มจากข้อปฏิบัติง่ายขึ้นไปสู่ข้อปฏิบัติยาก ยกระดับจิตใจให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงขั้นสูงสุด คือหมดกิเลสโดยสิ้นเชิงมงคลโกลาหล...เป็นเรื่องดี แต่สมัยนี้มีเรื่องไม่ดีที่รู้แล้วเกิดโกลาหลมากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่องห้ามชาวบ้านนั่งท้ายกระบะรถปิกอัพ เรื่องรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งเขียนให้มีวุฒิสมาชิกลากตั้งครึ่งสภา เรื่องระเบิดที่สามจังหวัดใต้ ระเบิดในกรุงเทพฯในพุทธกาลมีมงคลโกลาหล ในสมัยหลังกึ่งพุทธกาล...เหตุแบบนี้ เห็นทีต้องเรียกว่า อัปปมงคลโกลาหล...เกิดขึ้นบ้านเมืองไหน สิทธิการิยะ ท่านว่า ชาวบ้านนอนตาไม่หลับกันทั้งบ้านทั้งเมือง.กิเลน ประลองเชิง