ที่สุดแห่งปี 2568 เกิดสารพัดจุดเปลี่ยนทางการเมือง สมกับเป็นปีมะเส็ง งูเล็กพิษร้ายกาจแผ่แม่เบี้ยฉกอำนาจพลิกผัน จากขั้วแดงไปสู่มุมน้ำเงิน หลายเรื่องราวไม่คาดฝันเกิดขึ้นเฉียบพลันยากที่จะพลิกตำรารับมือ โดยเฉพาะเหตุการณ์เปลี่ยนตัวนายก รัฐมนตรี กลางไฟขัดแย้งชายแดน ไทย-กัมพูชาคลิปเสียง “อดีตนายกฯหญิง” คนที่ 2 ของไทย หลุดว่อนเน็ต ฉุดชะตาตระกูลชินวัตรลงเหว ป่านนี้ยังควานหาตัวคนมือบอนไม่ได้ รวมไปถึงเป็นปฏิบัติการ “ต้มส้ม” ครั้งใหญ่ ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) โชว์พลิ้ว “หักดีล” พรรคประชาชน (ปชน.) จนเสียกระบวนในนาทีสุดท้ายตัวอย่างความไม่แน่นอนการเมืองไทยฉายไว้ ครบถ้วนแล้วในที่สุดแห่งปี 2568“อิ๊งค์” ตกเก้าอี้เซ่นคลิปฉาวถึงคราวจุดพลิกรัฐบาลพรรคเพื่อไทย (พท.) และตระกูลชินวัตร ห้วงรัฐบาลถูกตั้งแง่ ว่า “แพทองธาร ชินวัตร” อดีตนายกฯ ขัดแย้งกับทางกองทัพ โดยเฉพาะ “บิ๊กกุ้ง” พล.ท.บุญสิน พาดกลาง อดีตแม่ทัพภาค 2 เรื่องแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา หรือไม่ภาพจำการเกี่ยวดองสองตระกูล “ฮุน” กับ “ชิน” มีผลต่อความไว้วางใจต่อสังคม เรื่องผลประโยชน์ตามแนวชายแดนมากมายมหาศาลงานเข้าคลิปเสียงปล่อยแบบตั้งใจให้เกิดจังหวะนรก 11 มิ.ย.68 เสียง “นายกฯอิ๊งค์” อ้อน “สมเด็จฮุน เซน” หลุดว่อนเน็ต กังวานบาดหูคนไทย “อยากได้อะไรก็ให้ท่านบอกมาได้เลยค่ะเดี๋ยวจะจัดการให้”“อิ๊งค์” ตั้งโพเดียมขอโทษก็เหมือนแก้เก้อ ถูก สว.36 คน เข้าชื่อชงประธานวุฒิสภา ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ศาลรับเรื่องพร้อมกับสั่งนายกฯหยุดปฏิบัติหน้าที่ นาทีพิพากษามาถึง วันที่ 29 ส.ค.68 ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 6-3 เชือดตกเก้าอี้ ปิดฉาก “นายกฯหญิง” ครองตำแหน่งได้แค่ 10 เดือน 15 วันตกม้าตายเพราะ หลงเหลี่ยม “สแกมโบเดียเฒ่า”“อนุทิน” ชิงอำนาจนายกฯจังหวะนรกลูกสาวพลาดท่า บิดาก็เดินเกมเพลี่ยงพล้ำ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ หวังโชว์ความอหังการไล่บี้ยึดคืนเก้าอี้ รมว.มหาดไทย “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล บ่ยั่น อยากได้ก็เอาไปเลย ทัพน้ำเงินถอนยวงออกจากรัฐบาลทันทีทีมเซราะกราวจังหวะดีชะมัด “อนุทิน” นำทัพสีน้ำเงินสละเรือพ้นข้อหาขายชาติจากปมคลิปเสียงชนิดเส้นยาแดงผ่าแปดเท่านั้นไม่พอ หลังศาลรัฐธรรมนูญเชือด “อิ๊งค์” เครือข่ายเขากระโดงชิงอำนาจสายฟ้าแลบ ประกาศตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย 146 เสียง โดยมีพรรคกล้าธรรม (กธ.) ตบเท้ามาด้วยตามสัญญาณพิเศษขันหมากสีน้ำเงินยกไปถึงตีนบันไดค่ายส้มพรรคประชาชน จบชื่นมื่นภายใต้เอ็มโอเอมัดคอ ปลดล็อกแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำประชามติพร้อมเลือกตั้ง ยุบสภาภายใน 4 เดือน ส่วนพรรคประชาชน “หัวหน้าเท้ง” และพลพรรคขอทำหน้าที่ฝ่ายค้านเหมือนเดิมมติสภาฯ 311 ต่อ 152 ส่ง “เสี่ยหนู” เป็นนายกฯ พร้อมควบ รมว.มหาดไทย ยิ้มเยาะ “นายใหญ่”น้ำเงินถีบหัวส่งแดงไปเป็นฝ่ายค้าน กับค่ายส้มแบบสุดเจ็บแสบ“นายใหญ่” สิ้นอิสรภาพเคราะห์ซ้ำกรรมซัด “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ หมดอำนาจไม่พอยังสิ้นอิสรภาพ สวมชุดนักโทษเข้าเรือนจำคลองเปรม เมื่อวันที่ 9 ก.ย.68 ศาลฎีกาฟันเปรี้ยงบังคับโทษจำคุก 1 ปี เหตุจากคดีชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ที่หลายคนสงสัยหนักหนาว่าป่วยจริง หรือป่วยทิพย์จังหวะการเมืองชิงนำถือธงอนุรักษ์นิยมเปลี่ยนจากค่ายสีแดงเป็นค่ายสีน้ำเงิน “นายใหญ่” ยังพ่ายยับในมหากาพย์คดีภาษีขายหุ้นชินคอร์ปกว่า 1.76 หมื่นล้านบาท ศาลฎีกาสั่งเรียกเก็บภาษี ท่ามกลางความช็อกของเจ้าตัวและทีมงานบ้านจันทร์ส่องหล้าหลังเคยชนะในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่สั่งเพิกถอนคำสั่งประเมินภาษีไปแล้ว ปิดฉาก 15 ปี และขนาดอยู่ในเรือนจำ ยังถูกฟ้าผ่าซ้ำอัยการสูงสุดยื่นอุทธรณ์คดี ม.112 ต่อศาลทั้งที่ก่อนหน้านี้คณะกรรมการพิจารณาคดีมีมติแทบเป็นเอกฉันท์ 8 ต่อ 2 ปิดเกมไม่ยื่นอุทธรณ์ ทำเอา “อดีตนายกฯทักษิณ” จุกอกเป็นห้วงหัวเลี้ยวหัวต่อชี้เป็นชี้ตายของ “เพื่อไทย-บ้านจันทร์ส่องหล้า” ต้องเคลื่อนทัพชิงอำนาจบนสมรภูมิเลือกตั้งที่มีคู่แข่งแข็งแกร่งกว่าทุกกระบวนท่าถือเป็นด่านหินครั้งสำคัญในชีวิต “นายใหญ่”ฝ่ายค้าน ฝ่ายค้ำเดือน ต.ค.68 “เท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ปชน.นำทีมโหวต “อนุทิน ชาญวีรกูล” เป็นนายกฯ ภายใต้เอ็มโอเอ 5 ข้อต้องยุบสภาฯใน 4 เดือน ห้ามเดินเกมดูด สส.เป็นพรรคเสียงข้างมากเงื่อนไขครอบคลุม เรื่องการทำประชามติ แก้ไขรัฐธรรมนูญไปพร้อมๆกับวันลงคะแนนเลือกตั้ง เงื่อนไขทั้งหมดทั้งมวล พรรคปชน.จะไม่ส่งคนเข้าเป็นรัฐมนตรีเหมือนบุญมีแต่กรรมบัง “รัฐบาลอนุทิน” อดโชว์ศักยภาพบริหารประเทศ ไม่ถึง 3 เดือนด้วยซ้ำปัญหาถาโถม ทั้งชายแดนไทย-กัมพูชาสแกมเมอร์ทุนสีเทาถูกตั้งข้อกังขา เกียร์ว่าง หย่อนยานที่ประจานถึงความอ่อนหัดอย่างแรง คือวิกฤติฉุกเฉินน้ำท่วมใหญ่ภาคใต้ไม่ทันท่วงที ถูกตัดเกรดเป็นศูนย์ถึงขั้นติดลบ มีประชาชนเป็นศพ ตายนับร้อยฝ่ายค้านพรรค ปชน.พลอยถูกหางเลขไปด้วย เพราะกอดเอ็มโอเอ ไม่ยอมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจพิพากษาความไม่เอาอ่าวของรัฐบาลเสียงข้างน้อย เห็นการแก้รัฐธรรมนูญสำคัญกว่าชีวิตประชาชน แม้บรรดาแกนนำพรรคสีส้มพยายามออกมาแก้ต่างแต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นถูกพรรคเพื่อไทยตราหน้าว่า เป็นฝ่ายค้ำ ไม่ใช่ฝ่ายค้านปชน.ช้ำถูกหักเอ็มโอเอแล้วก็ได้ฤกษ์น้ำเงินถอดหน้ากาก วันที่ 11 ธ.ค.68 “อนุทิน” และพลพรรค ภท. ก็แบไต๋ โบกมือบ๊ายบายลาแล้ว “เอ็มโอเอ” ชิงพลิกโหวตมติเสียงข้างมากในรัฐสภา คงไว้ซึ่งเงื่อนไข 1 ใน 3 ของเสียง สว.เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต่อไปนี้สภาสูงก็ยังมีอำนาจเหลือล้น ขวางลำการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้อยู่เหมือนเดิม เป็นอีกบทเรียนราคาแพง ในความกล้านักมักบิ่นของพรรคคนหนุ่มสาว ปชน.ที่ขาดคนรุ่นเก๋าอ่านเกมเขี้ยวลากดินให้ทะลุปรุโปร่ง“หัวหน้าเท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ และพลพรรคผู้ถือธงแก้รัฐธรรมนูญลิ้มรสความเจ็บปวดไปพร้อมกับได้รู้เช่นเห็นชาติขนาด “ไพร่หมื่นล้าน” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ในฐานะผู้นำจิตวิญญาณออกตัวล้อฟรี โดนต้มไปกับเขาด้วยแม้ในช่วงค่ำวันที่ถูกแหกดีล พยายามแก้ลำล่าชื่อยื่นซักฟอกรัฐบาลทันทีที่รู้ตัวว่าถูกหักหลัง แต่ไม่ทันรับประทาน “อนุทิน” ฉวยจังหวะเวลายุบสภาฯไว้เสียก่อนแล้วปิดตำราแกงส้มหม้อใหญ่“อนุทิน” ตีจากไปพร้อมกับอำนาจล้นมือ หล่นวลีเย้ยหยัน “ท่านบอกให้ผมยุบสภาฯ...ผมก็ยุบ”ภูมิใจไทยโชว์พลังดูดมหกรรมไดโว่อาละวาดตลอดปี พรรค ภท.ไล่ช็อปทั้งบ้านใหญ่ชลบุรี สุพรรณบุรี ระยอง นครปฐม ชุมพร นครราชสีมา คู่กัดอมตะเมืองชลฯ “สนธยา คุณปลื้ม” เกลอเก่า “กลุ่ม 16 ก๊วนเนวิน” กับ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยังยอมศิโรราบ“นายกฯหนู” สลายขั้ว “บ้านใหญ่-บ้านใหม่” เหลือแต่ค่ายบ้านเรา “ลูกท็อป” วราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ต้องตัดใจทิ้งมรดก “เตี่ยบรรหาร” ยกทัพมาร่วมเสริมบารมีแม้กระทั่ง “เพื่อไทย” ก็ยังเลือดทะลัก สส.โคราช อุบลราชธานี ขอนแก่น ศรีสะเกษ ย้ายซบพรรคคู่แค้น เปิดหน้าชัดเจน ไม่มีกระมิดกระเมี้ยนด้าน “รทสช.-พปชร.” ก็ไม่พ้นพลังดูด “เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” อดีตเลขาธิการพรรค รทสช.นำ สส.ในสังกัดเกือบยกค่าย ย้ายขั้วไม่ต่างจากตระกูล “รัตนเศรษฐ” ก็ตีจาก “ลุงป้อม”ส่วนค่าย ปชป. พ่อ-ลูก “นิพนธ์-สรรเพชญ บุญญามณี” จับมือตระกูลบ้านใหญ่ จ.ตรัง “โล่สถาพรพิพิธ” สลัดเสื้อสีฟ้าไปใส่ชุดน้ำเงินภท.สอยเรียบรุกคืบสู่ปฏิบัติการยึด 150 สส.ในการเลือกตั้ง ตีตั๋วรอเป็นรัฐบาลล่วงหน้า“อภิสิทธิ์” รีเทิร์นจะปลุกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ฟื้นจากยุคตกต่ำยากยิ่ง เลือดไหลมาหลายปีติดต่อกันจนแทบเกลี้ยงพรรค เจอวิกฤติผู้นำต่อเนื่อง ตั้งแต่ “มาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ปชป.ไขก๊อกไปตั้งแต่ปี 2562 เพื่อทำตามวาจาที่ลั่นเอาไว้ ในการไม่ร่วมรัฐบาลกับ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯและอดีตหัวหน้า คสช.ตามมาด้วย “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” ขัดตาทัพแบบไร้ผลงานเด่นอยู่หลายปี ทว่ายุคที่เสี่ยงสูญพันธุ์สุด คือยุค “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” กุมบังเหียน ทำเรื่องที่คอการเมืองยุคเก่าไม่คิดว่าจะได้เห็นในชาตินี้“อิ๊งค์” ลูกสาวของนายใหญ่ได้เป็นนายกฯ โดยมี สส.ปชป.คู่รักคู่แค้นตลอดกาลของพรรคเพื่อไทยยกมือเป็นหางเครื่องหนุนอำนาจ กลางสภาฯ “เสี่ยต่อ” ได้เป็น รมต.ท่ามกลางเสียงยี้ รับไม่ไหวกับการทิ้งอุดมการณ์พรรค แลกตำแหน่งรัฐมนตรี หรือไม่ อย่างไรแม้ว่า“เสี่ยต่อ” จะไขก๊อกหลัง “นายกฯอิ๊งค์” ตกเก้าอี้ เปิดทาง “เดอะมาร์ค”รีเทิร์นกลับมาเป็นหัวหน้าพรรค ปชป.อีกรอบ พร้อมแคมเปญ “สส.ที่ดีคุณก็เป็นได้”แต่ไม่ง่ายที่จะพลิกฟื้นศรัทธาทันทีในการเลือกตั้งปี 69สถานการณ์เป็นไปตามที่ “เดอะมาร์ค” ยอมรับเข้ามากอบกู้ ปชป.รอบนี้เริ่มต้นจากศูนย์ทุนสีเทาป่วนการเมืองเรื่องทุนสีเทาเขย่าอำนาจ เปลือยเนื้อในเครือข่ายชนชั้นนำ ไล่ตั้งแต่นักการเมือง “ช.ช้าง” ชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว” อดีต สส.สงขลา พรรคกล้าธรรม กับพวกถูก ปปง.สั่งยึดอายัดทรัพย์เอาไว้ชั่วคราว รวม 159 ล้านบาท รัฐมนตรีใน “ครม.อนุทิน” อย่าง “วรภัค ธันยาวงษ์” อดีต รมช.คลัง ถูกกดดันให้ไขก๊อก เพื่อให้รัฐบาลปราศจากข้อครหา เจ้าตัวประกาศยืนยันความบริสุทธิ์ และจะปกป้องศักดิ์ศรีด้วยการดำเนินคดีแก่ผู้ที่บิดเบือนข้อมูลปลายปีกระแสยี้ทุนสีเทาลามทุ่ง ท่ามกลางความเหิมเกริม “ขุนโจรฮุน เซน” โจมตีชายแดนไทยรอบที่ 2 ฝ่ายค้านพรรค ปชน.ประกาศ “มีเรา ไม่มีเทา” เป็นแคมเปญหาเสียงเลือกตั้งภาพหลุดคนการเมืองดังยืนชักภาพเคียงคู่ “เบน สมิท- ยิม เลียก” ว่อนเน็ต เลอะเทอะเปรอะเปื้อนกันถ้วนหน้า ทั้ง “นายกฯหนู-บิ๊กแดง-ผู้กองธรรมนัส”ทุกรายออกมาปฏิเสธไม่รู้จักสนิทสนมกับผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเครือข่ายทุนสีเทา ขณะที่ฝ่ายค้านเองก็ยังกัดไม่ปล่อย กระตุ้นรายวันให้กระบวนการยุติธรรมเร่งทำงานอยู่ที่ชาวบ้านจะตัดสิน ภาพหลุดดิสเครดิตทางการเมืองครั้งนี้กับดักนิติสงครามสมรภูมิการเมืองห้ำหั่นผ่านปฏิบัติการ “นิติสงคราม” ตลอดปี 68 ไฮไลต์สูงสุดอยู่ ที่มติศาลรัฐธรรมนูญ 6 ต่อ 3 วันที่ 29 ส.ค.68 ทุบ “นายกฯอิ๊งค์” ตกเก้าอี้นายกฯ เซ่นคลิป “หลานอิ๊งค์-อังเคิลฮุน เซน”คล้อยหลัง 11 วัน 9 ก.ย.68 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทาง การเมือง สั่ง “ทักษิณ” ติดคุกจริง 1 ปี ข้อหาป่วยทิพย์ชั้น 14ขณะที่อดีต ครม.รัฐบาลเพื่อไทย ก็อกสั่นขวัญแขวน ถูก ป.ป.ช.ตั้งอนุกรรมการไต่สวนกรณีเปลี่ยน แปลงงบฯรายจ่ายปี 2568 ในส่วนธนาคารรัฐ 5 แห่ง 3.5 หมื่นล้านบาท โยกไปใช้โครงการดิจิทัลวอลเล็ตเสี่ยงติดคุก ผิดมาตรา 157 และ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง“อ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและอดีต รมว.มหาดไทย กับ “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” อดีต รมว.ยุติธรรม ลุ้นตัวโก่งติดบ่วงคดีล้วงลูกกระบวนการไต่สวนคดีฮั้วเลือก สว.ของ กกต.หรือไม่ได้ระทึกพอๆกับ 138 สว.สีน้ำเงิน และ กก.บห.พรรค ภท.ที่ต้องหาหลักฐานมาหักล้างกับ กกต. สู้คดีสมรู้ร่วมคิดขบวนการอั้งยี่-ฟอกเงิน ในการล็อกสเปกฮั้วเลือก สว. เขย่าความเชื่อมั่นวุฒิสภารุนแรงน่าห่วงไม่แพ้กันคือ อดีต 44 สส.พรรคส้ม ป.ป.ช.รุกคืบหนักคดีผิดจริยธรรมร้ายแรง กรณีเข้าชื่อเสนอแก้ไขมาตรา 112 หรือไม่ ต้องลุ้นเกมเร่งเช็กบิลชี้มูลความผิดก่อนวันเลือกตั้งจาก 25 สส.พรรคประชาชนในปัจจุบันไม่รู้จะเหลือรอดผ่านด่านไปได้กี่คน.“ทีมการเมือง”อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” เพิ่มเติม