ตรงกับวันสำคัญ วันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม อีกไม่กี่วัน ก็จะตรงกับ วันรัฐธรรมนูญ 10 ธันวาคม วันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันเฉลิมฉลองคริสต์มาส ปีใหม่ฝรั่ง วันที่ 31 ธันวาคม เป็น วันสิ้นปีตามปฏิทินสากล ระหว่างวันที่ 12 ธันวาคม จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม คนไทยได้ถอนหายใจหลายเฮือก ต้องลุ้นว่า หนี้ครัวเรือนจะบานทะโรคไปขนานไหน ธุรกิจจะอยู่หรือไป บ้านรถจะอยู่หรือจะถูกยึด จะตกงานหรือไม่ เศรษฐกิจแบบนี้ ไม่ต้องไปถามหาเงินโบนัสรางวัลให้เมื่อยตุ้ม นายจ้างไม่ให้ออก ก็บุญขนาดไหนแล้ววันที่ 12 ธันวาคม เปิดประชุมสภาสมัยสามัญ ต้องมาลุ้นกันอีกทีว่า นายกฯอนุทิน ชาญวีรกูล จะตัดสินใจ ยุบสภาหรือไม่ โดยมีเงื่อนไขที่ว่า พรรคเพื่อไทย จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 หรือไม่ แกนนำพรรคเพื่อไทยออกมาแถลงว่า พรรคเพื่อไทยจะยื่นอภิปรายหรือไม่ หลังวันที่ 11 ธันวาคม ไปแล้วค่อยมาพิจารณากันอีกทีแปลว่าจะยื่นก็ได้ไม่ยื่นก็ได้มีนักข่าวไปถามนายกฯอนุทินว่า ไปดีลลับกับเพื่อไทยให้ยืดระยะเวลายื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจออกไปก่อนหรือไม่ นายกฯอนุทิน ปฏิเสธว่าไม่ได้คุยกับพรรคไหนทั้งนั้น ไปถามแกนนำเพื่อไทย ก็ได้รับคำตอบเดียวกันว่าไม่ได้คุยเรื่องนี้ ส่วนพรรคประชาชน นักข่าวไม่ค่อยไปถามเรื่องยุบสภา เพราะตั้งหน้าตั้งตารอการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ผ่านวาระ 3 ในการเปิดวิสามัญวันที่ 10-11 ธันวาคมนี้เป็นความปรารถนาสูงสุด ฝนจะตก แดดจะออก พระจะสึก น้ำจะท่วมก็ไม่สนใจเพราะถ้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ผ่านวาระ 3 ก็เป็นอันตกไป และคงไม่มีโอกาสดีๆแบบนี้อีกแล้วปัญหาก็คือทั้ง พรรคภูมิใจไทย และ พรรคเพื่อไทย ไม่ได้อยากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ พรรคประชาชน อยากแก้รัฐธรรมนูญ ที่ต้องอาศัยเสียงของ ภูมิใจไทย เพื่อไทย และ สว.สีน้ำเงินคำถามแรก ทำไมเพื่อไทยไม่ยื่นอภิปรายเพราะรู้ว่าถ้ายื่น นายกฯอนุทินยุบสภาแน่ๆ นอกจากจะมีดีลพิเศษบางอย่าง คำถามต่อมาทำไม ภูมิใจไทยไม่ถือโอกาสการยุบสภาตอนนี้ ทั้งที่พร้อมกว่าได้เปรียบกว่าพรรคอื่นก็คงเพราะมีดีลพิเศษกับพรรคประชาชนอยู่สรุปว่าทั้ง 3 พรรคนี้กำลังมีดีลการเมืองพิเศษอะไรกันอยู่กลายเป็นว่า ภายใต้ดีลพิเศษของพรรคการเมือง ไม่ว่าจะ 1 วัน หรือ 1 เดือน ประเทศไทย ต้องเสียโอกาสจากการไม่มีเสถียรภาพและความเชื่อมั่นไปขนาดไหน อาจจะมองว่าเวลาการยุบสภา 12 ธันวาคม 2568 กับวันที่ 31 มกราคม 2569 ต่างกันแค่ไม่กี่วันทนเอาหน่อยไม่ได้หรือ คำตอบก็คือ ไม่ใช่เรื่องอดทนหรือว่าจะยุบสภาช้าหรือเร็วแต่ถ้าการเมืองการปกครองประเทศไทยจะต้องขึ้นอยู่กับ การยื้อแก้รัฐธรรมนูญ และการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล แค่สองเรื่องนี้ เท่ากับว่าอนาคตของประเทศไทยยืนอยู่บนเส้นด้ายของการต่อรองผลประโยชน์เท่านั้น.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.thคลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม