“อิ๊งค์” โชว์ภาพสามพี่น้อง-สมาชิกครอบครัวชินวัตร เยี่ยม “ทักษิณ” แบบใกล้ชิดถึงตัวที่สุด ในชุดผู้ต้องขังหน้าตาสดใส ตัดผมสั้นเกรียน ร่วมวงกินกวยจั๊บ-แฮมเบอร์เกอร์ บอกเหมือนได้กลับมาเป็น ด.ญ.อีกครั้ง เผยสุขภาพพ่อแข็งแรง แต่เป็นห่วงพี่น้องภาคใต้เจอวิกฤติน้ำท่วม กมธ.แก้รัฐธรรมนูญยืนกรานไม่ปรับสูตรที่มา ส.ส.ร. ตามที่เพื่อไทยกดดัน แต่พร้อมรับฟังในวาระ 2 ทสท.ซัด NT-ดีอี ลอยแพผู้ประสบภัย บี้ถาม “เน็ตดาวเทียม” อยู่ที่ไหน ฉะรัฐบาลล้มเหลวบริหารวิกฤติน.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์โชว์ภาพสมาชิกครอบครัวชินวัตร เข้าเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้แบบใกล้ชิดถึงตัวที่สุดตั้งแต่ถูกคุมขังในเรือนจำ ได้นั่งร่วมวงกินกวยจั๊บและแฮมเบอร์เกอร์ ในโอกาสช่วงเทศกาลปีใหม่ ที่เรือนจำกลางคลองเปรมจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 พ.ย.-1 ธ.ค.ลูกๆ โชว์ภาพเยี่ยม “ทักษิณ” ใกล้ชิดเมื่อเวลา 12.45 น. วันที่ 27 พ.ย. ที่เรือนจำกลางคลองเปรม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมนายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี นายพานทองแท้ ชินวัตร น.ส.ณัฐฐิญา ปวงคำ ภรรยา และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ เข้าเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม รวมถึงนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความประจำตัวของนายทักษิณ ต่อมาเวลา 14.50 น. หลังการเข้าเยี่ยม น.ส.แพทองธาร และนายพานทองแท้ เดินถือภาพถ่ายกระดาษ A4 ปรินต์รูปสีออกมาคนละใบ เป็นภาพนายทักษิณในชุดผู้ต้องขังเสื้อสีฟ้า กางเกงสีน้ำเงิน หน้าตาสดใส ตัดผมสั้นเกรียน โดยมีบุตรสาวทั้ง 2 คนสวมกอดคุณพ่อ ในเฟรมเดียวกันยังมีนายพานทองแท้ น.ส.ณัฐฐิญาและนายปิฎก ร่วมเคียงข้างเปิดเยี่ยมพิเศษช่วงเทศกาลปีใหม่ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่าร่วมรับประทานอาหารอะไรกับคุณพ่อบ้าง น.ส.แพทองธารตอบเพียงสั้นๆว่า ทานกวยจั๊บและแฮมเบอร์เกอร์ 1 ชิ้น “สุขภาพคุณพ่อแข็งแรงโอเค และได้มีพูดคุยกับคุณพ่อเรื่องปัญหาอุทกภัยน้ำท่วมภาคใต้ ซึ่งคุณพ่อรู้สึกเป็นห่วง มีการพูดคุยเรื่องนี้เยอะหน่อย”ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงนี้ทางเรือนจำทุกจังหวัดทั่วประเทศจัดให้เป็นวันให้เยี่ยมแบบใกล้ชิดถึงตัว ในช่วงของเทศกาลปีใหม่ การเข้าเยี่ยมสามารถนั่งกินข้าวโต๊ะเดียวกันได้ สำหรับเรือนจำกลางคลองเปรม จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 พ.ย.-1 ธ.ค. ทำให้ทางครอบครัวชินวัตรมีโอกาสเยี่ยมนายทักษิณได้แบบใกล้ชิดที่สุด นับตั้งแต่ถูกจองจำที่เรือนจำ ตามคำสั่งบังคับโทษจำคุกของศาลฎีกา ตั้งแต่วันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ทางครอบครัวชินวัตรใช้เวลาเข้าเยี่ยมนานถึง 2 ชั่วโมงเต็ม ครบตามเวลาที่ทางกรมราชทัณฑ์กำหนด อย่างไรก็ตาม การเยี่ยมโอกาสพิเศษแบบนี้กรมราชทัณฑ์กำหนดปีละประมาณ 3-4 ครั้ง ตามแต่ช่วงเทศกาลสำคัญ เช่น ใกล้เทศกาลปีใหม่ ใกล้เทศกาลสงกรานต์ ขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละเรือนจำ ที่จะประกาศช่วงเวลาการเยี่ยมแบบพิเศษแตกต่างกันไป“อิ๊งค์” เหมือนกลับเป็น ด.ญ.อีกครั้งต่อมาเวลา 15.15 น. น.ส.แพทองธารโพสต์อินสตาแกรม ingshin21 เป็นภาพ 3 พี่น้อง นายพานทองแท้ น.ส.พินทองทา น.ส.แพทองธาร พร้อมคู่สมรส นายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี น.ส.แพทองธาร และ น.ส.ณัฐฐิญา ปวงคำ ภรรยานายพานทองแท้ พร้อมข้อความระบุว่า “เกือบ 2 ชั่วโมงที่เหมือนได้กลับมาอยู่ด้วยกันจริงๆ วันนี้ทางเรือนจำจัดกิจกรรมเยี่ยมญาติใกล้ชิด ให้ญาติๆได้เข้ามาเจอกัน กอดกัน ทานข้าวด้วยกัน แบบไม่ต้องคุยโทรศัพท์ผ่านกระจก ได้เดินตลาดย่อมๆ ที่พี่ๆน้องๆในเรือนจำทำอาหาร ทำศิลปะมาขาย ได้มีโอกาสอุดหนุนหลายร้านอยู่ค่ะ แว๊บนึง รู้สึกเหมือนกลับไปเป็น ด.ญ.แพทองธาร เดินจับมือคุณพ่อและพี่ๆเดินตลาดกันแบบตอนเด็กๆ (จริงๆพ่อจะชอบตลาดสดมาก เพราะได้เลือกเอง ตามเมนูที่จะทำให้ที่บ้านทานตอนวันอาทิตย์) ถึงคนที่เป็นห่วงคุณพ่อ ท่านสบายดี รับรู้ถึงความรักความห่วงใย และฝากความเป็นห่วงถึงทุกๆคนค่ะ”กรมคุกแจงภาพทักษิณ–ครอบครัวขณะที่กรมราชทัณฑ์แจกเอกสารชี้แจงภาพถ่ายครอบครัวชินวัตรเข้าเยี่ยมนายทักษิณว่า เป็นส่วนหนึ่งของการเยี่ยมญาติใกล้ชิดภายใต้โครงการ “ถ่ายภาพร่วมกับครอบครัว” มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีภายในครอบครัว เป็นการให้บริการของเรือนจำฯ และเป็นความสมัครใจของครอบครัวและผู้ต้องขังที่ยินดีถ่ายภาพร่วมกันในจุดที่เรือนจำกำหนด และสามารถปรินต์ออกมาเป็นภาพถ่ายจัดจำหน่ายให้กับญาติที่ต้องการนำกลับไปเป็นที่ระลึก เพื่อเก็บเป็นความทรงจำที่ดี เป็นความสุขของครอบครัวที่ได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมผู้ต้องขัง การถ่ายภาพเยี่ยมญาติใกล้ชิด ไม่ได้ใช้โทรศัพท์มือถือของญาติเข้าไปบันทึกภาพ โครงการนี้ดำเนินการต่อเนื่องมาหลายปี มีญาติสมัครใจเข้าใช้บริการจำนวนมาก เรือนจำฯได้จัดเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้ผู้ต้องขังเปลี่ยน เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศฉากสถานที่ต่างๆที่เรือนจำกำหนด แต่กรณีนายทักษิณ ไม่ประสงค์จะเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เรือนจำจัดให้ โครงการนี้ถือเป็นกิจกรรมหนึ่งสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้ต้องขังกับครอบครัว สร้างความรักความอบอุ่น ตลอดจนเป็นกำลังใจให้ผู้ต้องขังแก้ไขพัฒนาพฤตินิสัย และเตรียมความพร้อมกลับคืนสู่ครอบครัวอย่างมีความสุข ภายหลังได้รับการปล่อยตัวพ้นโทษ และยังลดการกระทำผิดซ้ำได้เป็นอย่างดีกมธ.ยืนกรานไม่ปรับสูตรตั้ง ส.ส.ร.ที่รัฐสภา น.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ สส.สมุทร ปราการ พรรคประชาชน โฆษกคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยแปรญัตติ เสนอเปลี่ยนสูตรสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ในการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 2 วันที่ 10-11 ธ.ค. ว่า กมธ.ยืนยันในร่างหลักว่าหาก ส.ส.ร.ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง 100% ก็ไม่มีประโยชน์อะไรไปมากกว่าการสร้างความเทอะทะให้องค์กรร่างรัฐธรรมนูญ ทำให้ผู้เขียนอยู่ห่างจากประชาชนออกไปอีก 1 ก้าว ข้อเสนอที่พรรคเพื่อไทยสงวนคำแปรญัตติไว้ เป็นสิ่งที่พูดคุยกันไปแล้วในการประชุม กมธ. คำอธิบายต่างๆที่พรรคเพื่อไทยแถลงเป็นประเด็นที่ได้ถกวิเคราะห์กันมาเรียบร้อยแล้ว กมธ.ยืนตามร่างเดิม และเสียงโหวตส่วนใหญ่ในห้อง กมธ.เห็นด้วยกับร่างหลัก แต่คงต้องตอบคำถามประเด็นนี้ เพื่อยืนยันความชัดเจนในที่ประชุมรัฐสภาอีกครั้ง แต่ยืนยันจะไม่ทบทวนแนวทาง ข้อจำกัดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และข้อจำกัดที่ต้องผ่านการโหวตของ สส.เสียงข้างมาก และต้องได้เสียง สว. 1 ใน 3 นั้น กมธ.พยายามหาวิธีการที่ทุกคนสามารถยอมรับร่วมกันได้มากที่สุด บนเป้าหมายของการนำไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ขอความจริงใจทุกฝ่ายผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้เปิดทางให้นำไปสู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วยกันซัด NT–ดีอีลอยแพผู้ประสบภัยวันเดียวกัน นายทิวากร สุระชน รองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ครั้งใหญ่ว่า ขอเรียกร้องให้บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เร่งดำเนินการแก้ปัญหาระบบสื่อสารในพื้นที่น้ำท่วมภาคใต้เร่งด่วน เพราะยังพบประชาชนในหลายจังหวัดไม่สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ เนื่องจากไฟฟ้าดับและสัญญาณโทรศัพท์ล่ม ส่งผลให้การประสานงานด้านกู้ภัยและการเข้าถึงข้อมูลสำคัญเป็นไปด้วยความยากลำบาก แม้หน่วยงานบางส่วนจะเริ่มนำรถโมบายเสริมสัญญาณลงพื้นที่แล้ว แต่ยังมีชุมชนจำนวนมากที่ถูกตัดขาด ขณะที่ภาครัฐยังไม่มีคำชี้แจงที่ชัดเจนเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยี สำรองด้านสื่อสาร โดยเฉพาะอินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียมของ NT ที่ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญสามารถ ให้บริการได้แม้เกิดภัยพิบัติรุนแรง แต่กลับไม่เห็นการประกาศแผนปฏิบัติ หรือกำหนดเวลาการใช้งานที่แน่ชัดบี้ถาม “เน็ตดาวเทียม” อยู่ที่ไหนนายทิวากรกล่าวว่า คนส่วนใหญ่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า NT มีโครงข่ายอินเตอร์เน็ตดาวเทียมพร้อมใช้งาน แต่วันนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะนำลงพื้นที่ได้เมื่อใด ทั้งที่คือช่วงเวลาที่ประชาชนต้องการมากที่สุด ไม่ใช่รอให้สถานการณ์คลี่คลายแล้วค่อยขยับ ความล่าช้าในการสื่อสารอาจส่งผลต่อชีวิตและความปลอดภัยของประชาชนในภาวะวิกฤติ ระบบเตือนภัยผ่านโทรศัพท์ เช่น Cell Broadcast และ SMS แม้ช่วยแจ้งเตือนประชาชนได้รวดเร็ว แต่หากพื้นที่ไม่สามารถเชื่อมต่อสัญญาณได้ ก็ไม่อาจทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ จำเป็นต้องมีระบบสำรองที่ไม่พึ่งพาเสาสัญญาณภาคพื้นดิน โดยเฉพาะพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมหนักและยังเข้าไม่ถึงการช่วยเหลือ ขอเรียกร้องให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) รวมถึง NT ออกมาเปิดเผยแผนการปฏิบัติอย่างโปร่งใส พร้อมกำหนดกรอบเวลาในการนำระบบอินเตอร์เน็ตดาวเทียมให้บริการในพื้นที่วิกฤติ ให้ถือเป็นวาระเร่งด่วนฉะรัฐบาลล้มเหลวบริหารวิกฤติน.ส.ตรัยฉัตร ธนสารไตรภพ รองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า ขอตั้งคำถามต่อประสิทธิภาพของรัฐบาลในการรับมือวิกฤติน้ำท่วมภาคใต้ โดยเฉพาะ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา สะท้อนปัญหาการบริหารจัดการที่ล้มเหลวต่อเนื่อง นำไปสู่ความสูญเสียที่ไม่ควรเกิดขึ้น แต่ศูนย์บัญชาการและระบบประสานงานของภาครัฐกลับล่าช้าไม่ชัดเจน ทำให้ประชาชนไม่ได้รับการช่วยเหลือทันท่วงที หน่วยกู้ภัยต้องเผชิญกับสภาพการทำงานที่ไร้ระบบ เพราะไม่มีความชัดเจนว่าหน่วยงานใดเป็นผู้รับผิดชอบ สะท้อนปัญหาต่างคนต่างทำในระบบราชการ และการขาดแผนสำรองด้านการจัดการภัยพิบัติในระดับพื้นที่ ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพียงความบกพร่องเฉพาะหน้าในเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้เท่านั้น แต่เป็นความล้มเหลวที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่หลังการเลือกตั้งปี 2566 ประเทศต้องเผชิญวิกฤติหลายครั้ง แต่รัฐบาลกลับไม่สามารถยกระดับระบบเตือนภัย การกู้ภัย ให้มีประสิทธิภาพได้เป็นรูปธรรมใช้งบมหาศาลแต่ผลงานสุดห่วยน.ส.ตรัยฉัตรกล่าวต่อว่า ตั้งข้อสังเกตว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังขาดการบูรณาการ และการเตรียมพร้อมอย่างเป็นระบบ อาจเกิดจากการประเมินสถานการณ์ต่ำกว่าความเป็นจริง ภาพที่ชาวบ้านต้องร้องขอความช่วยเหลือเมื่อพบร่างผู้เสียชีวิตในพื้นที่ต่างๆ เช่น ในร้านอาหาร หรือที่ต้องเก็บร่างไว้ในตู้แช่ เนื่องจากไม่รู้จะส่งต่อไปที่ใด เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้น ทั้งที่ใช้งบประมาณมหาศาลไปกับเรื่องเหล่านี้ ซ้ำเติมความรู้สึกสิ้นหวังของประชาชน ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งทบทวนระบบบริหารจัดการภัยพิบัติ ทั้งในระดับชาติ และท้องถิ่น เปิดเผยข้อมูลผู้เสียชีวิตอย่างโปร่งใส หากรัฐบาลยังขาดประสิทธิภาพ เช่นนี้ วิกฤติครั้งต่อไปอาจนำไปสู่ความสูญเสียที่เลวร้ายยิ่งกว่า“จิตติพจน์” ชูเศรษฐกิจโต 5-6%ได้อีกเรื่อง นายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้ไปร่วมงานเสวนา Navigating Thailand’s Economic Trends จัดโดยหอการค้าฝรั่งเศสไทย ได้เสนอว่าหลายหน่วยงานในประเทศไทยมักบอกว่าเศรษฐกิจไทยยากที่จะโตเกินกว่า 2-3% ต่อปีได้ แต่ตนไม่เห็นด้วย เพราะทำเลของไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางบก ทางอากาศ ทางทะเล มีทรัพยากรธรรมชาติมากมาย ดังนั้น ไทยต้องเร่งก้าวพ้นภาวะเติบโตต่ำ 1.5-1.7% ที่ยืดเยื้อจากความไม่มั่นคงทางการเมือง พรรคเพื่อไทยมีเป้าหมายผลักดันเศรษฐกิจไทยสู่การเติบโต 5-6% ด้วยการปฏิรูปสำคัญ 2 ด้าน คือ 1.ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ โครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล โครงการแลนด์บริดจ์ และ Digital ID ควบคู่การพัฒนาทักษะแรงงานเพื่อรองรับอุตสาหกรรมอนาคต 2.แก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงถึง 90% ของ GDP เพื่อเพิ่มกำลังซื้อและสร้างวงจรบวกของเศรษฐกิจอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่