ศาลฎีกาคดีภาษีฯชี้ “ทักษิณ” เป็นเจ้าของหุ้นชินคอร์ปตัวจริง ใช้ “โอ๊ค-เอม” เป็นตัวแทนถือหุ้นแทน เป็นการกระทำที่ขาดคุณธรรมทางภาษี ไม่สอดคล้องเจตนารมณ์กฎหมายภาษี ทำให้รัฐไม่สามารถเก็บภาษีได้อย่างถูกต้องและแน่นอน เป็นธุรกรรมทำขึ้นเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมายอย่างร้ายแรง “สรรพากร” ขีดเส้นไม่เกินสิ้น พ.ย.ส่งหนังสือเรียกชำระหนี้ จ่ายไม่ครบหรือไม่ชำระ ลุยไล่สอบทรัพย์ ตามยึด อายัดทรัพย์ “เลขาฯกฤษฎีกา” แจง อสส.อุทธรณ์คดีมาตรา 112 ไม่กระทบสิทธิขอพักโทษ “วิญญัติ” ผิดหวังกระบวนการยุติธรรม เชื่อเบื้องหลังความอัปยศมีอยู่จริง “จุลพันธ์” ไม่นำคำพิพากษาคดีโยงการเมือง รับเหตุการณ์ประจวบเหมาะมีนัยช่วงเข้าสู่การเลือกตั้ง “วิสุทธิ์” ลั่นไม่ง้อ ปชน. พท.ลุยยื่นซักฟอกรัฐบาล “อนุทิน” โอ่ข้อมูลปึ้กน่ากลัวมาก มี รมต.ตกเก้าอี้แน่ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรระบุนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯเป็นเจ้าของหุ้นที่แท้จริง นิติกรรมใดในการซื้อขายหุ้นบริษัทชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ของนายพานทองแท้ ชินวัตร และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ซึ่งเป็นตัวแทน ย่อมผูกพันโจทก์ในฐานะตัวการ โดยข้อเท็จจริงถือว่าเป็นการกระทำที่ขาดคุณธรรมทางภาษี เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจเรียกเก็บภาษีเงินได้ชอบด้วยกฎหมายศาลฯชี้ “ทักษิณ” ตัวการเจ้าของหุ้นจริงเมื่อวันที่ 18 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 17 พ.ย. ศาลภาษีอากร อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีนายทักษิณ ชินวัตร โดยนายสมบูรณ์ คุปติมนัส ผู้รับมอบอำนาจช่วง โจทก์ ยื่นฟ้องกรมสรรพากร จำเลยที่ 1 นายพงษ์ศักดิ์ เมธาพิพัฒน์ จำเลยที่ 2 นายประภาส สนั่นศิลป์ จำเลยที่ 3 และนายพิสิทธิ์ ศรีวรานันท์ จำเลยที่ 4 ขอให้ศาลภาษีอากรกลางเพิกถอนการประเมินตามหนังสือแจ้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.12) เลขที่ ภ.ง.ด.12-03025250-25600328-001-00005 ลงวันที่ 28 มี.ค.60 ที่แจ้งให้นายทักษิณจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เป็นเงิน 1.76 หมื่นล้านบาท (ภาษี เบี้ยปรับ และเงินเพิ่ม) ให้กับกรมสรรพากร โดยศาลฯวินิจฉัยประเด็นปัญหาสำคัญ อาทิ เมื่อโจทก์ได้แสดงตนให้ปรากฏว่าเป็นเจ้าของหุ้นที่แท้จริงแล้ว นิติกรรมใดๆเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นของนายพานทองแท้และ น.ส.พินทองทา ย่อมผูกพันโจทก์ในฐานะตัวการ เมื่อเจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 1 ออกหมายเรียกนายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ตัวแทนโจทก์ภายใน 2 ปี นับแต่วันที่โจทก์ยื่นรายการ จึงถือได้ว่าออกหมายเรียกโดยชอบด้วยกฎหมายและภายในกำหนดเวลา ย่อมมีผลผูกพันโจทก์ในฐานะตัวการ เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 1 มีอำนาจประเมินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาโจทก์ได้โดยไม่ต้องออกหมายเรียกโจทก์ ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 19 อีกพฤติการณ์ขาดคุณธรรมทางภาษีโดยข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าโจทก์มีเงินได้พึงประเมินที่ต้องนำมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี 2549 จำนวน 15,883,900,000 บาท เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 1 มีอำนาจเรียกเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้ถูกต้องครบถ้วนได้ การประเมินภาษีชอบด้วยกฎหมาย ฎีกาของจำเลยทั้งสี่ฟังขึ้น และการที่โจทก์ให้บุคคลอื่น รวมถึงนายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทาถือหุ้นแทน เป็นการกระทำที่ขาดคุณธรรมทางภาษีและไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมายภาษีอากร ส่งผลให้รัฐไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้อย่างถูกต้องและแน่นอนตามเจตนารมณ์แห่งกฎหมาย ทั้งเป็นธุรกรรมที่ไม่มีเหตุผลทางเศรษฐกิจนอกเหนือจากการหาประโยชน์อื่นรวมถึงภาษีเงินได้ และเป็นธุรกรรมที่ทำขึ้นเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมายอย่างร้ายแรง กรณีนี้จึงไม่มีเหตุงดและลดเบี้ยปรับและเงินเพิ่มแก่โจทก์ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับแจงขั้นตอนบังคับคดีภาษีชินคอร์ปฯนางเพ็ญรวี มาแสง รองอธิบดีกรมบังคับคดี โฆษกกรมบังคับคดีกล่าวถึง ขั้นตอนบังคับคดีเรียกเก็บภาษีการขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปฯ จากนายทักษิณ 1.76 หมื่นล้านบาท ว่า เรื่องยังมาไม่ถึง เมื่อฝ่ายลูกหนี้ทราบคำพิพากษาแล้วต้องติดต่อชำระหนี้ต่อกรมสรรพากร ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด แต่หากลูกหนี้ไม่ชำระ จะเข้าสู่การดำเนินการ กรมสรรพากรมีขั้นตอนดำเนินการเองได้กรณีคดีแพ่งทั่วไป กรมบังคับคดีจะเข้าไปดำเนินการ เมื่อมีหมายบังคับคดี เป็นหลักการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาคดีทางแพ่ง โดยหลักการทั่วไป เจ้าหนี้คือกรมสรรพากรต้องเป็นผู้ร้องต่อศาล เพื่อให้มีหมายบังคับคดี โดยเจ้าหนี้ต้องดำเนินการสืบหาทรัพย์สิน แล้วแจ้งให้กรมบังคับคดีทำการยึดอายัดขายทอดตลาดตามขั้นตอน ส่วนหากทรัพย์อยู่นอกประเทศตามกฎหมายไทยปัจจุบัน อำนาจของเจ้าพนักงานบังคับคดียังอยู่ในราชอาณาจักรเท่านั้น เพราะเป็นคดีแพ่ง ต่างจากคดีอาญา โดยการบังคับคดีมีระยะเวลาภายใน 10 ปีนับจากศาลพิพากษาถึงที่สุดชี้อุทธรณ์ ม.112 ไม่กระทบขอพักโทษที่ทำเนียบรัฐบาล นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการอุทธรณ์ของอัยการสูงสุด คดีมาตรา 112 ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งยังสามารถขอพักโทษได้ตามปกติหรือไม่ ว่า ไม่น่าจะถูก ตัดสิทธิการพักโทษ น่าจะได้ แต่ตนยังไม่ได้ดูรายละเอียด เนื่องจากถามมาเร็ว ตนตอบโดยที่ยังไม่ได้ดูกฎหมาย ส่วนหลักการขอพักโทษต้องรับโทษก่อน 1 ใน 3 คือต้องติดคุก 6 เดือนก่อน แล้วถึงจะพักโทษได้ เป็นหลักปกติสืบทรัพย์ตามขั้นตอนปกติเมื่อถามว่า ส่วนกรณีศาลฎีกาพิพากษากลับคดีภาษีขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) 1.76 หมื่นล้านบาท นายปกรณ์ตอบว่า เดี๋ยวกระทรวงการคลังไปขอศาลออกหมายบังคับคดีแค่นั้นเอง เป็นกระบวนการปกติ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความได้เลย ทรัพย์สินที่ได้มาก็ตกเป็นของแผ่นดิน ทั้งนี้ทุกกรณีไม่ใช่เฉพาะกรณีนี้ จะใช้เวลาเท่าใดยึดทรัพย์เข้าสู่คลังขึ้นอยู่กับขั้นตอนสืบทรัพย์ ต้องถามกรมบังคับคดี เมื่อถามว่าหากนายทักษิณได้รับการพักโทษออกมาจะสามารถเป็นผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้งได้หรือไม่ นายปกรณ์กล่าวว่า อันนี้ไปไกลแล้ว ชักงงขอดูรายละเอียดก่อน ไม่กล้าตอบเพราะอาจผิดพลาดได้สรรพากรให้ อสส.ตามสืบทรัพย์นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลังกล่าวว่า กรมสรรพากรจะมารายงาน แต่ต้องดำเนินการตามขั้นตอน ให้อัยการสูงสุดดำเนินการสืบทรัพย์ และเข้าสู่การดำเนินการของกรมบังคับคดีแล้วมาที่กรมสรรพากร ยืนยันที่ผ่านมากรมสรรพากรมีแนวปฏิบัติการฟ้องคดีเรื่องเหล่านี้จำนวนมาก เมื่อถามว่าวงเงินมากขนาดนี้ต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาโดยเฉพาะหรือไม่ กรอบระยะเวลาดำเนินการจะเป็นอย่างไร นายลวรณกล่าวว่า ต้องรอให้กรม สรรพากรมารายงาน เมื่อมีความชัดเจนจะแถลงให้รับทราบ กรณีทรัพย์สินยังอยู่ในต่างประเทศอัยการสูงสุดสืบทรัพย์ได้ เมื่อถามว่าจะเทียบเคียงกับการยึดทรัพย์โครงการจำนำข้าวได้หรือไม่ นายลวรณกล่าวว่า กรณีจำนำข้าวโจทก์ไม่ใช่กรมสรรพากร แต่รอบนี้โจทก์คือกรมสรรพากร อาจเป็นคนบริบทกันตามล่าทรัพย์ได้จนถึงปี 78ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรมสรรพากรว่า ผู้บริหารกรมสรรพากรจะรอรับคำพิพากษาฉบับเต็มเป็นทางการจากอัยการ จากนั้นภายใน 2 สัปดาห์หรืออย่างช้าไม่เกินสิ้นเดือน พ.ย. จะมีหนังสือแจ้งเตือนส่งให้นายทักษิณเพื่อชำระหนี้อีกครั้งหนึ่งตามระเบียบ หากชำระหนี้ครบจะจบคดี แต่หากชำระไม่ครบถ้วนหรือไม่ชำระ กรมสรรพากรจะต้องสอบสวนทรัพย์ ยึดหรืออายัดทรัพย์สินเพิ่มเติมทำคู่ขนานกันไป หลังประเมินภาษีไปแล้วครอบคลุมทั้งอสังหาริมทรัพย์ สังหาริมทรัพย์ เงินสดและสิทธิ์ที่เรียกต่างๆ เช่น หุ้นและบัญชีเงินฝาก โดยใช้ข้อตกลงแลกเปลี่ยนข้อมูลการเงินทั่วโลกกับ 113 ประเทศภาคีตรวจสอบบัญชีเงินฝาก หุ้นหรือกองทุนที่อยู่ต่างประเทศให้ทราบทรัพย์สินในต่างประเทศด้วย ยืนยันได้ดำเนินการด้วยความเป็นธรรม ตามอำนาจหน้าที่และกฎหมาย ไม่ได้ถูกแทรกแซงโดยทางการเมือง กระบวนการสืบสวน ยึดอายัด ขายทอดตลาด กรมได้ดำเนินการต่อเนื่องตั้งแต่ปี 63 ระหว่างนี้ทำเพิ่มเติมได้ต่อเนื่องไปอีก 10 ปีจนกว่าจะครบกำหนดอายุในปี 78 และท้ายสุดหากยังไม่สามารถชำระหนี้ได้ครบ กรมสรรพากรมีหน้าที่ต้องฟ้องร้องเป็นบุคคลล้มละลายต่อไปยธ.แจงเงื่อนไขพักโทษ “ทักษิณ”ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงการขอพักโทษนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ถูกตัดสินจำคุกหนึ่งปีในคดีชั้น 14 ว่า ตามเงื่อนไขเวลาต้องรับโทษ 1 ใน 3 ก่อน แต่ไม่น้อยกว่า 6 เดือน เมื่อถามว่านายทักษิณยังมีคดีอื่นๆอีกหรือไม่ ยังได้สิทธิ์ขอพักโทษหรือไม่ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า รายละเอียดตรงนี้ยังไม่ทราบ แต่รายละเอียดการพักโทษเป็นไปตามนี้ เมื่อถามว่าช่วงเดือน ธ.ค.มีโอกาสพิเศษจะได้รับสิทธิ์อภัยโทษหรือไม่ พล.ต.ท.รุทธพลกล่าวว่า ในโอกาสพิเศษต้องเป็นเรื่องที่กรมราชทัณฑ์ทำเรื่องขึ้นมาปรับเกณฑ์รักษานอกเรือนจำพล.ต.ท.รุทธพลกล่าวอีกว่า ส่วนการสั่งให้ทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบแนวทางการส่งตัวผู้ต้องขังรักษานอกเรือนจำ ไม่เกี่ยวข้องว่าป้องกันเหตุการณ์ซ้ำรอยชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ พูดในภาพรวมเฉยๆ เพราะระเบียบเดิมใช้มานานแล้ว และยังไม่อัปเดตเท่าไหร่ การให้ทบทวนครั้งนี้เพื่อให้ชัดเจนขึ้น เมื่อถามย้ำว่าต่อจากนี้การส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษานอกเรือนจำ ต้องดำเนินการอย่างไร พล.ต.ท.รุทธพลกล่าวว่า ต้องตรวจประเมินโดยแพทย์เท่านั้น จากแต่ก่อนที่เป็นความเห็นของพยาบาล เมื่อถามว่าการออกใบตรวจสุขภาพเพื่อส่งตัวต้องทำในขณะนั้น หรือทำไว้ล่วงหน้าได้ เพราะก่อนหน้านี้พบว่ามีการทำใบส่งตัวล่วงหน้า พล.ต.ท.รุทธพลกล่าวว่า ต้องเป็นการตรวจสุขภาพและรับรอง ณ ขณะนั้น จะมาทำก่อนไม่ได้“วิญญัติ” พ้อเบื้องหลังความอัปยศนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์เฟซบุ๊กว่า “#นี่แหละประเทศไทย ด้วยระบบเสียงข้างน้อยเป็นใหญ่กว่าเสียงข้างมาก 2+1 = 3 แต่เอาชนะมติ 7 หรือ 8 เสียงได้ ไม่รู้สึกแปลกใจกับผลผลิตของระบบที่เกิดขึ้น แต่เสียใจและผิดหวังกับกระบวนการยุติธรรม เพราะสิ่งที่หวังคือความยุติธรรมโดยธรรมชาติ มันควรแยกกับเรื่องการเมืองและผลประโยชน์ ความเลวร้ายที่มีต่อนายทักษิณและประเทศชาติ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นในช่วงเวลาไล่เรียงกัน จนเรารู้สึกได้มันชัดเจนว่ามีขบวนการเบื้องหลังความอัปยศอยู่จริง“ก่อแก้ว” โอดเกินจะรับกับสิ่งที่เกิดวันเดียวกัน นายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับนายทักษิณเป็นสิ่งที่เกินจะรับถูกศาลฎีกาตัดสินจำคุก 1 ปีซ้ำ โดยไม่หักวันที่เคยถูกคุมขังอยู่ในโรงพยาบาลตำรวจเลย ถูกอัยการอุทธรณ์คดี 112 ทั้งที่ก่อนหน้านี้คณะทำงานที่มีอัยการสูงสุดคนปัจจุบันเป็นหัวหน้าคณะมีมติไม่อุทธรณ์ 8 ต่อ 2 ทำให้หมดสิทธิ์ขอพักโทษจากการจองจำ ถูกศาลฎีกาพิพากษาให้กรมสรรพากรเรียกเก็บภาษีการขายหุ้นชินคอร์ป 17,600 ล้านบาท ทั้งที่ศาลภาษีชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ พิพากษาให้ถอนการประเมิน ก่อนหน้านี้ยึดไปแล้ว 46,000 ล้าน เมื่อปลายเดือน ก.พ.53 ด้วยคำสั่งศาลฎีกาฯนักการเมืองพท.ไม่นำคำพิพากษาโยงการเมืองที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่และหัวหน้าพรรค พท.กล่าวถึงกรณีศาลฎีกาพิพากษาให้นายทักษิณแพ้คดีเลี่ยงภาษีขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่นฯ พร้อมบังคับคดีให้ชำระภาษี 1.76 หมื่นล้านบาทว่า ไม่อยากให้นำมาเป็นประเด็นการเมือง พรรค พท.ไม่ใช้ประเด็นดังกล่าวในมิตินั้น แต่ข้อสังเกตนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เป็นข้อสังเกตที่สังคมสงสัยได้ เหตุการณ์ประจวบเหมาะเกิดขึ้นในวันเดียวกันที่ทุกคนทราบว่ากำลังเข้าสู่การเลือกตั้ง เป็นข้อสังเกตที่มีนัย พรรคจะติดตามข้อสังเกตจะนำไปสู่อะไร พรรคมีความสนิทกับนายทักษิณ มองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความเห็นใจรู้อยู่เต็มอกว่ากระบวนการเริ่มมาจากอะไร คงต้องมีกระบวนการติดตามการทำงานและคดีความ เชื่อว่านายทักษิณและครอบครัวมีกำลังใจดีเยี่ยม คงหาช่องทางกฎหมายสู้ต่อไปโยน กก.ยุทธศาสตร์เคาะซักฟอกนายจุลพันธ์กล่าวว่า ส่วนการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พูดคุยกันอยู่ ยังไม่ได้ข้อสรุป มอบให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ไปหารือกันว่าประเด็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ สุกงอมเพียงพอหรือไม่ ทั้งชายแดนไทย-กัมพูชา การเป่าคดีความ การทุจริต หากจะยื่นช่วงเวลาใด เพื่อหยุดยั้งความเสียหายจากรัฐบาลชุดปัจจุบัน ส่วนตัวได้หารือนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค ปชน.แล้ว ได้แสดงความชัดเจนความตั้งใจตรวจสอบรัฐบาล นายณัฐพงษ์มีข้อร้องขอบางประการที่พรรคจะนำไปพิจารณา จะดำเนินการเมื่อใด คงหารือกันภายในก่อน ต้องมีคำตอบกลับไปยังพรรค ปชน. ดูสถานการณ์อื่นประกอบ โดยเฉพาะประเด็นแก้รัฐธรรมนูญตั้ง “จาตุรนต์” นั่ง ปธ.ยุทธศาสตร์นายจุลพันธ์กล่าวต่อว่า ได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค พท. มีนายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. เป็นประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเป็นส่วนผสมที่ลงตัวประกอบด้วยคนมีประสบการณ์และคนรุ่นใหม่ร่วมกันขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรค ให้ตอบสนองความต้องการประชาชนทุกกลุ่ม เพื่อมีบทบาทสำคัญกำหนดทิศทาง การเมือง แนวทางการต่อสู้และการแข่งขันทางการเมือง ส่งต่อกรรมการบริหารพรรคนายจาตุรนต์กล่าวว่า จะทำงานผสมผสานระหว่างวางยุทธศาสตร์ระยะยาว และยุทธศาสตร์ที่จะได้รับชัยชนะการเลือกตั้ง ช่วยกำหนดยุทธศาสตร์เสนอต่อคณะกรรมการบริหาร ต้องทำงานแข่งกับเวลา ประเมินทิศทางการทำงานทั้งนโยบายพรรค การเตรียมการเลือกตั้ง นำจุดแข็งพรรคกลับมาให้ชัดเจนขึ้นไม่ง้อ ปชน.ชักธงยื่นซักฟอกเองด้านนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค พท. กล่าวถึงการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า พรรคพร้อมมากยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจตรวจสอบรัฐบาล ข้อมูลที่พรรคได้มาเชื่อว่ามีคนตกเก้าอี้รัฐมนตรีแน่ มีหลายฝ่ายนำข้อมูลมากมายให้พรรคใช้อภิปราย พิจารณาแล้วน่ากลัวมาก หากปล่อยให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและ รมว.มหาดไทยและคณะบริหารราชการแผ่นดินต่อไป อาจกระทบความน่าเชื่อถือประเทศ พรรคพร้อมนำความจริงตีแผ่ให้ประชาชนรับทราบ ส่วนที่พรรค ปชน.อ้างไม่พบความเสียหายการบริหารประเทศของนายอนุทินเป็นเรื่องของพรรค ปชน. แต่พรรค พท.ยื่นญัตติเองได้ ไม่ต้องใช้เสียงพรรค ปชน. อยากให้พรรค ปชน.หาจุดยืนให้เจอจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายค้ำรัฐบาล พรรค พท.พร้อม แต่พรรค ปชน.ไม่พร้อมก็เป็นเรื่องของพรรค ปชน. ที่บางพรรคเปิดพลังดูดตกปลาในบ่อเพื่อน มี สส.พรรค พท.บางคนมีข่าวลือมาตลอด ไม่นิ่งนอนใจแต่ให้เกียรติคนเป็น สส. อนาคตจะย้ายหรือไม่ ไม่ก้าวล่วง ที่ผ่านมามีผู้สนใจมาสมัครพรรค พท.ตลอด มีการลาออกพร้อมนำคนใหม่เป็นตัวแทนในพื้นที่ทันที เป็นธรรมดาทางการเมือง มีออกมีเข้าขึ้นอยู่กับประชาชนเลือกใคร“อธิรัฐ” ซบค่ายส้มแยกเดินทางครั้งใหม่วันเดียวกัน นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ อดีต รมช.คมนาคมและอดีต สส.นครราชสีมา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โพสต์ภาพสวมเสื้อที่มีโลโก้พรรค ปชน. ลงเฟซบุ๊กระบุว่า “การเดินทางครั้งใหม่ หนังสือเล่มใหม่ กับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ พรรค ปชน. เราเอาจริง มาช่วยกัน ร่วมสู้ ร่วมสร้างไปด้วยกันนะครับ”ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอธิรัฐเป็นลูกชายคนโตของนายวิรัช รัตนเศรษฐ อดีตประธานวิปรัฐบาล และ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. ก่อนหน้านี้น้องชายของนายอธิรัฐ คือนายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ อดีต สส.นครราชสีมา พรรค พปชร. และนายตติรัฐ รัตนเศรษฐ ได้เปิดตัวร่วมงานกับพรรค ภท.“ไชยชนก” ให้ ปชช.ตัดสิน ภท.อันดับ 1ที่ทำเนียบรัฐบาล นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เลขาธิการพรรค ภท.กล่าวถึงกรณีมีคนไหลเข้าพรรค ภท.มากขึ้น คาดหวังจะเป็นพรรคอันดับหนึ่งในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ว่า ต้องรอให้ประชาชนตัดสินใจ ยังมีเวลาทำงานอีกเยอะ ตอนนี้รัฐบาลผ่านไปยังไม่ถึง 2 เดือน ทำงานกันมาพอสมควร ส่วนผลโพลนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค ปชน. คะแนนนิยมนำหัวหน้าพรรค ภท.นายไชยชนกตอบว่า ทุกพรรคมีโอกาส โดยเฉพาะพรรคที่เป็นรัฐบาล มีโอกาสแสดงผลงานก่อนการเลือกตั้ง จะทันช่วงอายุรัฐบาลนี้หรือไม่ เราต้องทำให้เต็มที่และหวังว่าจะทัน“ธรรมนัส” ยังไม่ได้คุย “เดชอิศม์”ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ และ รมว. เกษตรฯ ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม (กธ.) กล่าวถึงกระแสข่าวนายเดชอิศม์ ขาวทอง สส. สงขลา อดีตเลขาธิการพรรค ปชป.เตรียมนำ สส.ในสังกัดย้ายเข้าพรรค กธ.ว่า ยังไม่ได้พูดคุยกัน ยังมีเวลาคุยกัน ตอนนี้ทุกคนต่างตัดสินใจแล้ว แต่ยังไม่พูดถึงเฉยๆ พรรค กธ.จะเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.ครั้งใหญ่พร้อมกัน ทั้งหมดช่วงต้นเดือน ธ.ค. ยืนยันส่งครบทั้ง 400 เขต เมื่อถามว่า จะส่งแคนดิเดตนายกฯ ครบ 3 คน หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า “ยังครับ ยังอยากให้นายกฯ เป็นต่ออยู่”พปชร.โอ่รอข่าวดีประชุมใหญ่ 29 พ.ย.ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค พปชร.กล่าวถึงความพร้อมเลือกตั้งว่า กำลังวางตัวผู้สมัคร สส.อยู่ จะส่งครบ 400 เขตหรือไม่ ต้องไปถาม พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ประธานที่ปรึกษาพรรค ต้องการ สส.มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อถามถึงกรณีมีข่าวว่า นายเดชอิศม์มาพูดคุย เพื่อจะร่วมงานกับ พรรค พปชร. พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่รู้ ตนไม่ทราบพล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรค พปชร. เปิดเผยภายหลังการประชุมพรรคว่าการประชุมใหญ่สามัญวันที่ 29 พ.ย. จะมีข่าวดีและข่าวว้าว อยากให้ติดตาม เพราะเปิดตัวผู้สมัคร สส.มา แต่ละคนเป็นบุคคลที่ประชาชนสนับสนุน นโยบายที่จะแข่งขันกับพรรคอื่น จะเน้นนโยบาย 8 ปี ที่ทำแล้วแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้“นิกร” ปิดปาก “ท็อป” จ่อซบค่ายน้ำเงินที่รัฐสภา นายนิกร จำนง ผอ.พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงกรณีการปรากฏภาพถ่ายร่วมกับ แกนนำพรรค ภท. ว่า มาคุยเรื่องน้ำท่วม จ.สุพรรณบุรีเป็นพื้นที่รับน้ำต้องช่วยกันบ้าง ไม่ใช่ส่งแต่น้ำไปที่ จ.สุพรรณบุรี ส่วนการเมืองมีการคุยเรื่องแก้รัฐธรรมนูญในรายละเอียดว่าจะเอาอย่างไร กระแสข่าวการเลือกตั้ง รอบหน้านายวราวุธ ศิลปอาชา สส.บัญชีรายชื่อหัวหน้า พรรค ชทพ.จะย้ายไปอยู่พรรค ภท. ก่อนหน้านี้นายวราวุธเป็นข่าวไปเป็นแคนดิเดตของพรรค พท.เหมือนกัน ให้รอฟังดู ข่าวมีทางไปของมัน ขอไม่ตอบ ไม่ให้ความเห็น ส่วนการนัดประชุมพรรคสมัยวิสามัญในเดือน ธ.ค. กำลังพิจารณาอยู่ เมื่อถามว่าเป็นเรื่องใหญ่ ใช่หรือไม่ นายนิกรกล่าวว่า “ก็รอดู”มองสูตร 20 หยิบ 1 ยุติธรรมพอควรนายนิกรกล่าวถึงสูตร 20 หยิบ 1 เลือก กมธ. ยกร่างรัฐธรรมนูญว่า ยุติธรรมพอสมควร แม้จะดูแปลก แต่ไม่ทำให้ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญเป็นของสีใด ถึงไม่ใช่ หลักการดีที่สุด แต่ต้องทำเพื่อไม่ให้ขัดแย้งคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เป็นหลักการที่เสียงข้างมากมีอิทธิพล กว่าเสียงข้างน้อย เลือกตั้งครั้งหน้าประชาชนเลือก สส. หากได้ สส.มากก็ได้ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญมาก แม้จะดูไม่สวยแต่ดีสุดแล้ว เชื่อว่าไม่เกิดการฮั้วของผู้สมัคร หากจะฮั้วก็ฮั้วภายในพรรคเท่านั้น ส่วนการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พรรคที่ร่วมลงนาม ข้อตกลงทางการเมือง หากไม่โหวตหรือไม่ลงคะแนน รัฐสภาจะไปได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. การเลือกตั้งจะเกิดขึ้น ช่วงวันที่ 29 มี.ค.69“อนุทิน” ชมบูธคนละครึ่งพลัสเมื่อเวลา 10.00 น. ที่บริเวณโถงกลาง ตึกสันติ ไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายก รัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เยี่ยมชมกิจกรรมประชา สัมพันธ์โครงการพัฒนาความรู้ทักษะ (Upskill) หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) สำหรับร้านค้าที่เข้า ร่วมโครงการคนละครึ่ง พลัส มีนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ ประภาศ รองนายกฯ และ รมว.คลัง นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมต.ประจำสำนักนายกฯ นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รมช.มหาดไทย นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เข้าร่วม นายกฯได้เดินชมบูธพันธมิตร โครงการ ที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง พลัส เยี่ยมชมบูธธนาคารออมสิน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) ผู้ให้บริการ Food Delivery และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) สอบถามผู้ให้บริการ Food Delivery ถึงการเข้าใช้สิทธิ์คนละครึ่งพลัส จากนั้น ไปเป็นประธานประชุม ครม.ก่อนขึ้นตึกบัญชาการ ได้ทักทายสื่อมวลชนว่าคิดถึงๆ ไม่เจอกันหลายวันโบ้ยโมโตจีพีเกิดตั้งแต่รัฐบาล คสช.ต่อมาเวลา 17.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทินให้สัมภาษณ์กรณีเสียงวิจารณ์ ครม.อนุมัติงบฯสนับสนุนการแข่งขันรถจักยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก (โมโตจีพี) วงเงินเกือบ 4,000ล้านบาท ว่าต้องไปถามผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เพราะ กกท.เสนอเรื่องมา และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาคู่สัญญาคือตรงนั้น เมื่อถามอีกว่าแต่เรื่องนี้เกี่ยวกับนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ดและนายอนุทิน เพราะเป็นเจ้าของสนามช้างอารีน่าสถานที่จัดแข่งขัน นายกฯกล่าวว่า ไม่เกี่ยว เขาต้องมีสัญญาอะไรกัน แต่เท่าที่ทราบขาดทุนมาตลอดทุกปี เมื่อถามว่าทำไมถึงมาดำเนินการในรัฐบาลนี้ นายอนุทินกล่าวว่า “เรื่องนี้ดำเนินการมาตั้งแต่สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ อย่าถามแบบนี้สิ พอถามแบบนี้เหมือนมาหาเรื่องกัน แต่ไม่ใช่มาหาเรื่องผมเป็นการหาเรื่องทำให้ประชาชนเข้าใจผิด มันไม่ใช่รัฐบาลนี้ แต่เริ่มมาตั้งแต่รัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ด้วยซ้ำ”ครม.เด้ง “ดร.ยี่” พ้นปลัด ทส.เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.อัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงว่า ที่ประชุม ครม.มีมติอนุมัติรับโอนนางรวีวรรณ ภูริเดช ผอ.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ให้เป็นปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) และอนุมัติ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ เสนอรับโอนนางชญานันท์ ภักดีจิตต์ หรือ ดร.ยี่ ปลัดกระทรวง ทส.ไปเป็น ผอ.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไปผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางชญานันท์ ครม.เพิ่ง แต่งตั้งให้เป็นปลัด ทส. เมื่อ 29 ก.ค.68 แทนนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ที่ลาออกไปเป็น รมว.พาณิชย์ในรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ถือเป็นสายตรง ของนายจตุพรอีกคนไฟเขียวเกณฑ์ใหม่เยียวยาน้ำท่วมนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงว่า ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยช่วงฤดูฝน ปี 68 เพิ่มเติมตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอภายใต้กรอบวงเงินเดิมให้ครอบคลุมผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด เพิ่มกรณีไม่ได้อาศัยอยู่ในอาคารบ้านเรือนที่มีน้ำท่วมขัง แต่อาศัยอยู่ในพื้นที่มีน้ำล้อมรอบและส่งผลกระทบการใช้ชีวิต ติดต่อกันเกินกว่า 7 วันขึ้นไป ได้รับเงินช่วยเหลือ ครัวเรือนละ 9,000 บาทด้วย คาดมีผู้ได้รับสิทธิเงินช่วยเหลือเพิ่มเติม 21,176 ครัวเรือน และกรณีที่มีผู้ประสบอุทกภัยขึ้นใหม่ภายใต้หลักเกณฑ์นี้หากเคยได้รับเงินช่วยเหลือไปแล้ว จะไม่ได้รับซ้ำอีก ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบตามที่กรมป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย (ปภ.) เสนอผู้ประสบอุทกภัยกรณีน้ำท่วมขัง บริเวณที่อยู่อาศัยประจำเป็นกรณีพิเศษ เยียวยาตามขั้นบันไดตั้งแต่ 5,000-20,000 บาทต่อครัวเรือนตามเงื่อนเวลาที่ถูกน้ำท่วมขังติดต่อกันตั้งแต่ 31-121 วันขึ้นไป รวม 171,302 ครัวเรือนใน 22 จังหวัด ครอบคลุมผู้ได้รับผลกระทบแม้บ้านไม่ถูกน้ำท่วม แต่ถูกน้ำล้อมรอบต่อเนื่องกว่า 7 วัน รับเงินช่วยเหลือครัวเรือนละ 9,000 บาท และช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาน้ำท่วมขังฤดูฝนปี 68 เยียวยาตามขั้นบันได 5,000-20,000 บาทต่อครัวเรือน รวมกว่า 171,000 ครัวเรือนใน 22 จังหวัด เพิ่มเติมมติ 4 ต่อ 3 “ณรงค์” นั่ง ปธ.กกต.คนใหม่เมื่อเวลา 13.30 น. สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดประชุมกรรมการการเลือกตั้งที่ยังไม่พ้นจากตำแหน่งประกอบด้วยนายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ นายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ นายชาย นครชัย นายสิทธิโชติ อินทรวิเศษ และนายณรงค์ กลั่นวารินทร์ ร่วมกับนายอนันต์ สุวรรณรัตน์ และนายณรงค์ รักร้อย ว่าที่ กกต. เพื่อให้เลือกกันเองให้คนหนึ่งเป็นประธาน กกต. แทนนายอิทธิพร บุญประคอง ที่พ้นตำแหน่งเนื่องจากครบวาระ หลังประชุมกว่า 1 ชั่วโมง นาย ณรงค์ กลั่นวารินทร์ ได้รับเสียงสนับสนุน 4 ต่อ 3 ให้เป็นประธาน กกต.คนใหม่ สำนักงาน กกต.จะแจ้ง ผลไปยังสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเพื่อเสนอต่อประธานวุฒิสภาให้นำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงโปรดเกล้าแต่งตั้ง นายอนันต์และนายณรงค์ รักร้อย เป็น กกต.และนายณรงค์ กลั่นวารินทร์ เป็นประธาน กกต.คราวเดียวกัน ทั้งนี้ นายณรงค์ กลั่นวารินทร์ อายุ 65 ปี เป็น กกต.จากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเมื่อวันที่ 30 ส.ค.68 เคยดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ผู้พิพากษาศาลฎีกา อธิบดีผู้พิพากษาศาลล้มละลายกลาง รองประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษจ่อเรียก 8 รายฮั้ว สว.รับข้อหาฟอกเงินผู้สื่อข่าวรายงานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษว่า หลังคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ทยอยสอบสวนปากคำพยานคดีพิเศษที่ 24/2568 กรณีการ สมคบกันในความผิดฐานฟอกเงินของบุคคล หรือคณะ บุคคลที่กระทำความผิดฐานอั้งยี่ ตามมาตรา 209 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน สว.นานกว่า 8 เดือน นับแต่ วันที่ 6 มี.ค. กว่า 1,200 ราย มีส่วนน้อยให้ความร่วมมือให้ปากคำ ให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ พร้อมสารภาพและให้การซัดทอด แต่ส่วนใหญ่ค่อนข้างให้การไม่เป็นประโยชน์ต่อคดี อย่างไรก็ตาม จากการ สอบสวนประกอบกับพยานหลักฐานเส้นทางการเงินค่อนข้างสลับซับซ้อน รวมถึงตรวจสอบพฤติกรรมสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างบุคคล โดยเฉพาะเหตุการณ์ช่วงก่อนเลือก สว. ระหว่างการจัดการเลือก สว. และภายหลังได้รับเลือกให้เป็น สว. กระทั่งพบว่ามีพยานหลักฐานเส้นทางการเงินชัดเจน และคำให้การซัดทอด ของพยานรายอื่นที่บ่งบอกว่ามีกลุ่มคณะบุคคลทางภาคใต้และเครือข่าย 8 ราย มีพฤติการณ์กระทำความผิด ฟอกเงิน ทั้ง 8 ราย ค่อนข้างเป็นตัวการหลักสำคัญ บางรายเป็นผู้สมัคร สว.บางรายเป็น สว.ตัวจริง พนักงาน สอบสวนนัดหมายให้ทั้งหมดทยอยเข้ารับทราบข้อหา ฟอกเงินภายในสัปดาห์นี้ โดยให้ชี้แจงในวันดังกล่าวหรือแจ้งขอส่งเอกสารชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาในวันอื่นได้อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่