ผลประชุม GBC ที่มาเลเซีย ไทย-กัมพูชา สองฝ่ายเห็นพ้องกันใน 4 ประเด็น ประกอบด้วย ถอนอาวุธหนักจากพื้นที่ขัดแย้ง เก็บกู้ทุ่นระเบิด ตั้งกองกำลังเฉพาะกิจ ร่วม 2 ประเทศปราบสแกมเมอร์ จัดการพื้นที่หมู่บ้านชายแดนที่มีปัญหารุกล้ำ “สีหศักดิ์” มั่นใจได้ลงนามประกาศความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาบนเวทีอาเซียน ย้ำมีแผนตาม 4 เงื่อนไขไทยชัดเจน ขณะที่การประชุม JBC ที่จันทบุรี ไทย-กัมพูชา ถกกันมาราธอนสุดท้ายมีมติเห็นชอบเร่งรัดนำเทคโนโลยีใช้เลเซอร์แสงจัดทำแผนที่ภาพถ่ายแนวเขต วางหมุดชั่วคราว บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว ขณะที่กัมพูชาโยเยอ้างวาระสร้างรั้วชายแดนไม่ได้อยู่ในอำนาจตัดสินใจ กองทัพบกรับมือแก๊งสแกมเมอร์หลายสิบชาติที่หนีกวาดล้างของทหารเมียนมาเป็นผึ้งแตกรังข้ามแดนเข้าไทยที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เกือบ 2 พันคน “ฮุน มาเนต” พลิกลิ้นเรื่องกำหนดเขตแดนบ้านหนองจาน-บ้านหนองหญ้าแก้วที่ไม่มีในผลการประชุม GBC-JBCไทย-กัมพูชา บรรลุข้อตกลงในการเจรจายุติ ปัญหาชายแดนไทย ในการประชุม GBC และ JBC ใน 4 ประเด็นสำคัญ ทั้งนี้ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 23 ต.ค. พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม นำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา หรือ GBC สมัยพิเศษ ครั้งที่ 2/2568 ระดับ รมว. กลาโหม ฝ่ายกัมพูชานำโดย พล.อ.เตีย เซ็ยฮา รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมกัมพูชาถก GBC ไทย–กัมพูชา ให้ถอนอาวุธหนักพล.อ.ณัฐพลแถลงหลังการประชุม และลงนามบันทึกการประชุมว่า การประชุมมีความคืบหน้า ฝ่ายไทยโน้มน้าวให้ฝ่ายกัมพูชายึดถือ 4 ประเด็นเดิม แต่ลงลึกในรายละเอียดยิ่งขึ้น เพื่อให้หน่วยปฏิบัติในพื้นที่ปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม ประเด็นแรก การถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ขัดแย้ง ทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงการจัดทำข้อกำหนดเงื่อนไขของงาน สำหรับคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน หรือ AOT มีการลงนามของผู้แทนทั้งสองฝ่ายเรียบร้อยแล้ว คณะ AOT จะมีหน้าที่สังเกตความคืบหน้าการถอนอาวุธหนักของแต่ละฝ่าย กำหนดกรอบเวลา เป้าหมายถอนอาวุธ และมอบหมายให้แม่ทัพภาคที่ 2 กับผู้บัญชาการภูมิภาคที่ 4 กัมพูชา ขับเคลื่อนแผนไปสู่การปฏิบัติจะหารือขั้นต้นวันที่ 25 ต.ค. เพื่อสร้างความปลอดภัยให้ประชาชนแนวชายแดน เนื่องจากอาวุธกัมพูชาส่วนใหญ่ เช่น จรวด BM-21 เป็นอาวุธที่มีอำนาจทำลายเป็นวงกว้าง ยากแก่การควบคุม จึงก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชุดประสานงาน 2 ฝ่ายเริ่มกู้ทุ่นระเบิดพล.อ.ณัฐพลแถลงอีกว่า ประเด็นที่สอง เรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในพื้นที่ชายแดน ทั้งในพื้นที่ที่มีการกำหนดเขตแดนชัดเจนแล้วและพื้นที่ที่สองฝ่ายยังเห็นไม่ตรงกัน หลังจากนี้ชุดประสานงานของทั้งสองฝ่ายจะเริ่มปฏิบัติการเก็บกู้ได้ทันที ที่ผ่านมาศูนย์ปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิด TMAC ฝ่ายไทย ไม่สามารถดำเนินการหรือเก็บกู้ได้เต็มที่เนื่องจากถูกกัมพูชาขัดขวางหลายครั้งเมื่อเข้าไปใกล้พื้นที่ชายแดน แต่ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่กัมพูชายอมนำประเด็นการเก็บกู้ทุ่นระเบิดมาพูดคุยในรายละเอียดอย่างจริงจังตั้งชุดเฉพาะกิจร่วมปราบสแกมเมอร์ประเด็นที่สาม พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า การปราบปรามขบวนการไซเบอร์สแกมที่เป็นภัยคุกคามสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน ส่งผลต่อเศรษฐกิจของไทยและภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งพื้นที่อื่นๆทั่วโลก หน่วยงานตำรวจทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันจัดทำแผนปฏิบัติการเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้จะจัดตั้งกองกำลังเฉพาะกิจร่วมภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อเริ่มกวาดล้างแกนนำหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการสแกมเมอร์ต่อไปและยังตกลงร่วมกันเกี่ยวกับขั้นตอนที่ชัดเจนในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร หลักฐาน พยาน เหยื่อที่ถูกหลอกลวงและผู้ต้องหา การคุ้มครองพยาน เพื่อทำให้การทำงานของตำรวจรวดเร็วยิ่งขึ้น แผนปฏิบัติการที่ร่วมกันจัดทำขึ้น จึงถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำงานร่วมกันระหว่างตำรวจไทยและกัมพูชา อาจรวมถึงเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของประเทศอื่นๆ ที่มีประชาชนเป็นเหยื่อขบวนการสแกมเมอร์ด้วยสำรวจพื้นที่ 2 มบ.วางหมุดชั่วคราวพล.อ.ณัฐพลเผยถึงประเด็นที่สี่ คือการจัดการพื้นที่หมู่บ้านชายแดน จ.สระแก้ว ในการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ JBC นำโดยกระทรวงการต่างประเทศ มีผลลัพธ์เชิงบวกสำคัญทั้งสองฝ่ายเห็นชอบส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไปสำรวจแนวเส้นที่แต่ละฝ่ายอ้างสิทธิ์ จะทำการสำรวจร่วมจากหลักเขตที่ 42 ถึง 47 ช่วงบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ถือเป็นครั้งแรกที่ฝ่ายกัมพูชายินยอมร่วมมือกับไทยในการลงพื้นที่เดินสำรวจแนวเส้นอ้างสิทธิ์และวางหมุดชั่วคราวที่แน่ชัดด้วยกัน จะทำให้แต่ละฝ่ายยอมรับขอบเขตที่เกิดขึ้น ตามผลการสำรวจและจะนำไปสู่การปักการถือครองที่ดินของทั้งสองฝ่ายต่อไป การวางหมุดชั่วคราวจะไม่กระทบต่อสิทธิ์ของไทยเรื่องเขตแดนทางบก ทางกฎหมายระหว่างประเทศแต่อย่างใด นอกจากนี้ฝ่ายไทยจะดำเนินการสร้างรั้วชายแดนบริเวณที่มีความชัดเจนของเส้นเขตแดน ยืนยันว่ารั้วดังกล่าวอยู่ภายในเขตอธิปไตยของไทย เพื่อประโยชน์ในการรักษาความปลอดภัย ความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดนและป้องกันภัยคุกคามการข้ามแดนระหว่างทั้งสองประเทศพิจารณายุติปรปักษ์เมื่อเห็นความคืบหน้าพล.อ.ณัฐพลกล่าวตอนท้ายว่า ฝ่ายไทยยืนยันว่า ต้องการเห็นความคืบหน้าทุกเรื่องตามที่กล่าว จึงจะพิจารณายุติความเป็นปรปักษ์ต่อกัน ขอเรียกร้องให้กัมพูชาแสดงความจริงใจให้ปฏิบัติตามผลประชุม GBC ครั้งนี้ เพื่อนำสันติสุขกลับสู่ประชาชนทั้งสองประเทศตลอดจนภูมิภาคอาเซียนในภาพรวม ขอยืนยันในนามของรัฐบาลและกระทรวงกลาโหม จะพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งอธิปไตยและประโยชน์ของชาติ ประชาชน คำนึงถึงเกียรติภูมิของประเทศไทยเป็นสำคัญสีหศักดิ์ชี้ตกลงกันได้ระดับหนึ่งด้านนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงการลงนามประกาศความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่ประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 25-28 ต.ค.ว่า การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปหรือ GBC ไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ทุกอย่างที่ไทยให้ความสำคัญค่อนข้างลงตัวแล้ว ทุกอย่างตกลงกันได้ในระดับหนึ่ง ทั้งการถอนอาวุธหนัก การเก็บกู้ทุ่นระเบิด การกวาดล้างอาชญากรรมข้ามชาติ มีแผนงานและแผนการดำเนินการอย่างเป็นขั้นตอน รวมถึงการนำชาวกัมพูชาออกจากดินแดนที่เป็นพื้นที่ของไทย หลังจากนี้จะมีการทำงานและพูดคุยกันว่ามีจุดใดบ้างรุกล้ำเพื่อแก้ไขปัญหาต่อไปมั่นใจได้ลงนามเวทีอาเซียนนายสีหศักดิ์กล่าวอีกว่า วันที่ 23 ต.ค. พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม จะลงนามบันทึก สรุปการประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ระหว่าง รมว.กลาโหมไทยกับกัมพูชา หากทุกอย่างเรียบร้อยก็จะลงนาม “ประกาศความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา” ระหว่างนายกฯไทยกับนายกฯกัมพูชา ในห้วงการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่มาเลเซียในวันที่ 25 ต.ค. โดยมีนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯมาเลเซีย รวมทั้งผู้นำชาติสมาชิกอื่นๆเป็นพยาน ส่วนขั้นตอนหลังการลงนามประกาศความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาเสร็จสิ้นจะมีแผนดำเนินการแนบว่า หลังจากนี้จะต้องมีการถอนอาวุธหนัก การเก็บกู้ทุ่นระเบิด การปราบปรามปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ จะมีกรอบเวลาที่ชัดเจน ส่วนปัญหาบ้านหนองหญ้าแก้ว และบ้านหนองจาน ที่ชาวกัมพูชารุกล้ำแผ่นดินไทย กมธ.เขตแดนร่วม (JBC) จะพูดคุยรายละเอียดให้ชัดเจนและจะดำเนินการแก้ไขต่อไปปิดฉากประชุม JBC มาราธอนด้านการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ไทย-กัมพูชา (JBC) สมัยวิสามัญ ที่โรงแรมมณีจันท์ รีสอร์ท จ.จันทบุรี ที่ไทยเป็นเจ้าภาพใช้เวลาประชุม 2 วัน (21-22 ต.ค.) ได้ปิดฉากลงอย่างเป็นทางการเมื่อเวลา 00.12 น. วันที่ 23 ต.ค. มีการกล่าวถ้อยแถลงร่วมของประธานทั้ง 2 ฝ่ายก่อนที่นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เอกอัครราชทูตและที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศด้านเขตแดน ในฐานะประธาน JBC ฝ่ายไทยและนายฬํา เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดน และหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธาน JBC ฝ่ายกัมพูชา ร่วมลงนามบันทึกการประชุมร่วมกันวางหลักเขตตามเดิมทั้งบนดินใต้น้ำต่อมานายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย พร้อมด้วยนายเบญจมินทร์ สุขกาญจนัจที อธิบดีกรมสนธิ สัญญาและกฎหมาย ร่วมแถลงผลการประชุม JBC ทั้ง 2 วัน การประชุมเป็นไปอย่างราบรื่น ตรงไปตรงมา ภายใต้บรรยากาศแห่งมิตรภาพและฉันท์มิตรที่ทั้ง 2 ฝ่ายสรุปร่วมกัน ได้มอบหมายให้คณะกรรมาธิการฝ่ายเทคนิคส่วนร่วม (JTSC) ทำการเปลี่ยนแทนหลักเขตแดน 15 หลัก ณ ตำแหน่งที่ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน ให้กลับคืนสู่ตำแหน่งและลักษณะทางเทคนิคดั้งเดิม ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นชอบให้ดำเนินการเปลี่ยนแทนหลักเขตแดนจำนวน 3 หลักที่อยู่ใต้น้ำโดยจะกำหนดตำแหน่งที่ตั้งใหม่ตามที่ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นชอบร่วมกันใช้เทคโนโลยีขั้นสูงทำแผนที่ภาพถ่ายนายประศาสน์แถลงต่อว่า นอกจากนี้ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องให้เร่งรัดการแก้ไขเกี่ยวกับการจัดทำแผนที่ภาพถ่ายเพื่อนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ ทำแผนที่ภาพถ่าย เพื่อให้การสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสำรวจและปักปันเขตร่วมระหว่างหลักเขตแดนหมายเลข 42 ถึง 47 ในพื้นที่บ้านโจกเจย-หนองจาน บ้านเปรยจัน-หนองหญ้าแก้ว ทั้ง 2 ฝ่าย เห็นชอบให้สรุป ข้อกำหนดทางเทคนิคสำหรับการสำรวจและติดตั้งหลักเขตชั่วคราวในพื้นที่สำคัญระหว่างหลักเขตแดนหมายเลข 42-47 เมื่อเสร็จสิ้นการสำรวจและติดตั้งหลักเขตชั่วคราวและได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลของแต่ละฝ่าย ทั้ง 2 ฝ่ายจะหารือกับรัฐบาลของตน พิจารณากลไกที่เหมาะสมในการปรับพื้นที่ครอบครองของแต่ละฝ่ายกัมพูชางอแงเรื่องสร้างรั้วกั้นแดนนายประศาสน์แถลงอีกว่า การติดตั้งหลักเขตชั่วคราวดังกล่าว เป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการสำรวจเท่านั้นและจะไม่ส่งผลกระทบต่อเส้นเขตแดนระหว่างประเทศของราชอาณาจักรกัมพูชาและราชอาณาจักรไทย ทั้ง 2 ฝ่าย ตกลงจะกำชับให้หน่วยงานท้องถิ่น ทั้งฝ่ายทหารและพลเรือนรับประกันความปลอดภัยให้กับชุดสำรวจจากทุ่นระเบิด ตามข้อ 3 ของ MOU 2543 เพื่อให้ชุดสำรวจสามารถปฏิบัติงานได้โดยปราศจากการขัดขวางการยั่วยุ ที่อาจส่งผลให้เกิดความตึงเครียดเพิ่มเติมในบริเวณดังกล่าว ทั้ง 2 ฝ่าย จะมีการประชุมพูดคุยกันต่อโดยนัดหมายในสัปดาห์แรกของเดือน ม.ค.2569 ซึ่งไม่เกิน 4 เดือนกัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพ ขณะที่ประเด็นการแจ้งให้กัมพูชาทราบว่า ไทยจะสร้างรั้วแนวตรงเชื่อมหลักเขตแดนที่ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นตรงกันแล้ว ฝ่ายกัมพูชาแจ้งว่าไม่ได้รับมอบอำนาจให้พิจารณาเรื่องดังกล่าว จึงตกลงร่วมกันให้นำประเด็นนี้ออกจากระเบียบวาระการประชุมครั้งนี้เป็นครั้งแรกออกถ้อยแถลงร่วมนายประศาสน์ยังกล่าวด้วยว่า การประชุมครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่มีการออกถ้อยแถลงร่วม อย่างเป็นทางการ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของทั้งสองประเทศ ในการเร่งรัดกระบวนการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกให้แล้วเสร็จ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือ ลดความตึงเครียด สร้างเสถียรภาพในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างยั่งยืน ส่วนประเด็นพื้นที่บริเวณบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว มีการหารือเรื่องนี้ เราจะรู้ว่าเขาล้ำหรือไม่ เราต้องวางหลักชั่วคราวกับหลักที่เขาอ้างและหลักที่เราอ้าง ความห่างหรือระยะทางเจรจากันอยู่ว่าจะปักถี่แค่ไหน จะเห็นหลักเขตของเขาและของเราแล้วจะได้หากลไกที่เหมาะสม คือ หารือกับรัฐบาล ส่วนระยะเวลายังไม่ขอลงรายละเอียด จะเสนอให้รัฐบาลตัดสินใจว่าจะมอบหมายให้ใครเป็นกลไก ต้องใช้เวลาสักพักแต่พยายามเร่งที่สุดแล้วสแกมเมอร์เคเคปาร์คหนีเข้าไทยส่วนกรณีทหารเมียนมาปฏิบัติการกวาดล้างกลุ่มสแกมเมอร์ชาวจีนในพื้นที่เมืองเคเคปาร์ค อ.เมียวดี จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง อยู่ตรงข้ามหมู่บ้านแม่กุท่าซุง หมู่ที่ 9 ต.แม่กุ อ.แม่สอด จ.ตาก อย่างหนัก เมื่อวันที่ 22 ต.ค.ทำให้กลุ่มสแกมเมอร์ที่มีทั้งไทย จีน อินเดีย เนปาล แอฟริกา เวียดนาม ศรีลังกา เอธิโอเปีย บังกลาเทศ ฟิลิปปินส์ ปากีสถาน กับอีกหลายชาติ หนีการกวาดล้างเป็นผึ้งแตกรัง ทะลักข้ามแดนเข้ามาฝั่งไทยเกือบ 2 พันคน และยังพบชาวจีนกลุ่มหนึ่ง นำธนบัตรไทยติดตัวมาด้วยรวมกว่า 4 ล้านบาท ที่บริเวณท่าข้ามสินค้าที่ 29 ต.แม่กุ มีทั้งธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท และฉบับละ 20 บาท เจ้าหน้าที่จับกุมนำตัวมาสอบสวนดำเนินคดีที่ สภ.แม่สอด มีนายลู่ โหยวฮาง อายุ 33 ปี พบธนบัตรไทยจำนวน 2,626,850 บาท ในกระเป๋าเป้สีดำ นายเฉิน เริ่นเหอ อายุ 59 ปี พบธนบัตรไทยจำนวน 564,990 บาท อยู่ในถุงพลาสติก จึงแจ้งข้อหานำตัวไปดำเนินคดี นอกจากนี้ยังมีชาวจีนอีก 6 คน ที่นำธนบัตรไทยเข้ามาคนละไม่ถึง 450,000 บาท ถูกแจ้งข้อหาและดำเนินคดีเช่นกัน ขณะที่อีกกลุ่มหนีกระเจิง ข้ามแดนมาทางช่องทางธรรมชาติใกล้สะพานมิตรภาพแห่งที่ 1เผยพฤติกรรมหลอกลวงชาวโลกผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังสุสานบ้านริมเมยหมู่ที่ 2 บ้านริมเมย ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด พบเจ้าหน้าที่หน่วยงานด้านความมั่นคงและฝ่ายปกครอง ต.ท่าสายลวด ตรึงกำลังแนวชายแดนและควบคุมตัวชาวต่างชาติทั้งชายหญิงได้อีก 197 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวอินเดีย แอฟริกา ในจำนวนนี้มี น.ส.เอ นามสมมติ อายุ 26 ปี เป็นลูกครึ่งไทย เวียดนาม พูดไทยได้ชัดเจน เผยว่าถูกหลอกไปทำงานเป็นแก๊งสแกมเมอร์ที่เคเคปาร์ค มีหน้าที่หลอกเอาเงินชาวต่างชาติที่เป็นกลุ่มเศรษฐีทั้งจากแอฟริกา ดูไบ แคนาดา มีการตั้งโปรไฟล์ใช้ระบบ AI สวมรอยใบหน้าเข้าไปตีสนิทเหยื่อชาวต่างชาติกลุ่มชายมีอายุ หลอกให้ช่วยออกเงินลงทุนประเภทต่างๆ เน้นการใช้หน้าตาและคำหวานอ้อนเหยื่อที่ต้องการมีเด็กสาวๆ ไว้ดูแล บางรายหลงเชื่อโอนเงินหลักล้านดอลลาร์ให้ ส่วนแก๊งสแกมเมอร์ชายจะหลอกเอาเงินกลุ่มผู้หญิงสูงอายุ ตนสามารถทำยอดถึงจึงไม่ค่อยถูกทำร้ายร่างกาย ส่วนคนที่ยอดไม่ถึง มีมาตรการลงโทษรูปแบบต่างๆ หรือหากไม่มีประโยชน์จะถูกส่งต่อไปที่อื่น ในพื้นที่เคเคปาร์คที่คนทั่วโลกรู้จักว่าเป็นเมืองแห่งอาชญากรรมระดับโลก มีบริษัทจำนวนมากที่กลุ่มสแกมเมอร์ทำงานอยู่นับหมื่นคนทบ.รับมือแก๊งคอลทะลักเข้าไทยวันเดียวกัน พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 3 โดยกองกำลังนเรศวร ได้รายงานสถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา พื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ภายหลังทราบว่า ทหารเมียนมาควบคุมพื้นที่โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษจีน KK-Park บ้านเองจีเมี่ยง อ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง สหภาพเมียนมา และเตรียมส่งเจ้าหน้าที่เมียนมาเข้าตรวจสอบภายในพื้นที่โครงการ ส่งผลให้กลุ่มทุนและพนักงานใน KK-Park รวมถึงชาวต่างชาติภายในโครงการเกิดความหวาดกลัว และได้ลักลอบหลบหนีข้ามมายังฝั่งไทยจำนวนมาก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าควบคุมตัวกลุ่มบุคคลต่างชาติ ที่ลักลอบข้ามแดน ส่งมอบให้ สภ.แม่สอด ดำเนินการตามกฎหมาย กองทัพบกยืนยันว่า การดำเนินการทุกขั้นตอนเป็นไปตามกฎหมายและหลักมนุษยธรรม พร้อมบูรณาการร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดนไทย-เมียนมาอย่างใกล้ชิด“ฮุน มาเนต” พลิกลิ้นเรื่องดินแดนไทยวันเดียวกัน นสพ.ขแมร์ไทมส์ ของกัมพูชารายงานว่า นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ยืนยันว่า รัฐบาลกัมพูชาไม่มีการทำข้อตกลงลับหรือยอมยกดินแดนให้ไทย พร้อมย้ำว่าการแก้ไขปัญหาเขตแดนจะดำเนินการอย่างสันติ โปร่งใส อยู่บนพื้นฐานของกฎหมายและความเคารพซึ่งกันและกัน คำแถลงนี้มีขึ้นหลังการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา (GBC) ที่มาเลเซียและคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ไทย-กัมพูชา ที่ประเทศไทย โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้เดินหน้าเจรจา โดยใช้หลักทางเทคนิคและกฎหมาย เพื่อหาทางออกอย่างสันติในพื้นที่บ้านหนองจานและเปรยจันอ้างปัญหาพื้นที่มาจากทหารไทยฮุน มาเนตยังระบุว่า ปัญหาเริ่มจากทหารไทยใช้ลวดหนามและรถทหารล้อมบ้านและที่ดินของชาวกัมพูชา ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนนานกว่า 2 เดือน รัฐบาลกัมพูชาจึงพยายามหลีกเลี่ยงความรุนแรงและยึดแนวทางสันติวิธีเพื่อไม่ให้สถานการณ์บานปลาย ขณะเดียวกันยังยอมรับว่าประชาชนบางส่วน อาจรู้สึกไม่พอใจต่อท่าทีที่สุขุมของรัฐบาลกัมพูชา ท่ามกลางความตึงเครียดที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเมื่อฝ่ายไทยมีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและจัดสรรพื้นที่ นายกรัฐมนตรีกัมพูชายังย้ำว่า การกำหนดเขตแดนเป็นหน้าที่ของ JBC ซึ่งจะดำเนินการตามสนธิสัญญาและข้อตกลงที่มีอยู่ พร้อมเดินหน้าสำรวจร่วมและติดตั้งหมุดชั่วคราวตามเอกสารประวัติศาสตร์ เพื่อให้การแก้ปัญหาสะท้อนความเป็นจริงของผู้อยู่อาศัยทั้งสองฝ่ายอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่