“น.1” สอบเครียด “กาน เวลไฟร์” มือยิงเหยื่อดับบริเวณด่านประชาชื่น เปิดปากรับสารภาพทุกขั้นตอน รวมทั้งพาไปชี้จุดทิ้งปืน 9 มม.อาวุธสังหาร ตะลึงมีกระสุนเหลือถึง 39 นัด ตรวจร่างกายพบนอกจากแอลกอฮอล์แล้วยังเจอเมทแอมเฟตามีนด้วย แสดงว่าเมาทั้งเหล้าเมาทั้งยาบ้า นาทีถูกรวบเมียกับลูกอยู่ด้วย รับโทร.ตามมาเพื่อหนีไปด้วยกัน ตำรวจ สน.ประชาชื่น ส่งฝากขังศาลอาญาสายวันที่ 26 ธ.ค.พร้อมค้านประกันตัว ที่อ้างไม่ได้ตั้งใจให้ถึงชีวิตไม่จริง เพราะยิงระยะประชิดถึง 3 นัดกรณีนายสงกรานต์ พานภู่ หรือกาน เวลไฟร์ อายุ 37 ปี ขับรถยนต์โตโยต้า เวลไฟร์ สีขาว ทะเบียน 2 กผ 7778 กรุงเทพมหานคร ขับรถปาดกันไปมากับรถยนต์โตโยต้า อัลติส สีขาว ทะเบียน กฉ 9303 สระแก้ว ชักปืนพกไม่ทราบขนาดยิงใส่นายอนุวรรตน์ ญาตินิยม อายุ 34 ปี คนขับรถโตโยต้า อัลติส เสียชีวิตต่อหน้าแฟนสาว บริเวณถนนทางขึ้นทางพิเศษศรีรัช หลังจากผ่านด่านเก็บค่าผ่านทางประชาชื่นฝั่งขาเข้า แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ กทม. แล้วขับรถไปทิ้งไว้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.นครปฐม หลบหนีต่อไปยัง จ.ตราด ชุดสืบสวน บก.สส.บช.น.และ กก.สส.บก.น.2 ตามไปจับกุมตัวได้ใกล้สะพานปรมะ เกาะช้างใต้ อ.เกาะช้าง จ.ตราด พาตัวไปหาปืนที่ทิ้งไว้ระหว่างหลบหนี แล้วคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สน.ประชาชน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้นความคืบหน้าจาก สน.ประชาชื่น เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 25 ธ.ค. ชุดสืบสวน บก.สส.บช.น. และ กก.สส.บก.น.2 ร่วมกันควบคุมตัวนายสงกรานต์ พานภู่ หรือกาน เวลไฟร์ อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาคดียิงนายอนุวรรตน์ ญาตินิยม อายุ 34 ปี หนุ่มขับโบลท์เสียชีวิตคารถ มาส่งมอบให้พนักงานสอบสวนเพื่อสอบสวนดำเนินคดี เบื้องต้นเจ้าตัวให้การรับสารภาพ สาเหตุมาจากการขับรถปาดหน้ากัน พนักงานสอบสวนพิจารณาแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ข้อหาพยายามฆ่า ข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต ข้อหาพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว และไม่เป็นกรณีที่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ และข้อหายิงปืน ซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมชนหลังจากนั้นให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เข้าเก็บหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ตัวผู้ต้องหา ทั้งดีเอ็นเอ คราบเขม่าดินปืนที่มือและเสื้อผ้า รวมทั้ง พิมพ์เก็บลายนิ้วมือไปตรวจสอบยืนยันตัวบุคคล พร้อมให้ผู้ต้องหาแสดงลักษณะท่าทางการก่อเหตุบริเวณโรงพักประกอบคำรับสารภาพ หลังจากนั้นคุมตัวกลับเข้าไปพักผ่อนในห้องขังทันทีต่อมาเวลา 12.00 น. พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รอง ผบช.น. พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.เกียรติกุล สนธิเณร ผบก.น.2 พ.ต.อ.ฤทธี ปานดำ รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ศักดิ์สิทธิ์ มีสวัสดิ์ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.ศักดิเดช กัมพลานุวงศ์ ผกก.สน.ประชาชื่น และ พ.ต.อ.อธิบดี เสริมสุข ผกก.สส.บก.น.2 เบิกตัวนายสงกรานต์ พานภู่ หรือกาน เวลไฟร์ ออกมาจากห้องควบคุมเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม โดยนำอาวุธสังหารเป็นปืนขนาด 9 มม.สีดำ จดทะเบียนถูกต้อง จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนจำนวน 39 นัด มาสอบถามที่มาที่ไปของอาวุธสังหาร และตรวจสอบรายละเอียดด้วยพล.ต.ท.สยามเผยว่า จากการสอบสวนพบว่าก่อนเกิดเหตุผู้ต้องหาไปดื่มสุรากับเพื่อนรวม 4 คน ที่ร้านอาหารในพื้นที่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ใช้รถตู้โตโยต้า เวลไฟร์ สีขาว ทะเบียน 2 กผ 7778 กรุงเทพมหานคร หลังดื่มเสร็จผู้ต้องหารีบกลับเนื่องจากภรรยาโทรศัพท์มาตาม แต่ยังขับรถไปส่งเพื่อนทั้ง 3 คนที่บ้าน ก่อนขับรถมุ่งหน้ากลับบ้านใน จ.ชลบุรี ขับรถมาตามถนนงามวงศ์วานเพื่อขึ้นทางด่วนบริเวณด่านประชาชื่น แต่เนื่องจากไม่ชำนาญเส้นทาง ประกอบกับอยู่ในอาการมึนเมาทำให้ขับรถผิดช่องทาง โดยชิดซ้ายเข้าช่องลงประชานุกูลจึงพยายามหักพวงมาลัยปาดเข้าเลนขวาเพื่อขึ้นทางด่วน ส่งผลให้เกิดการปาดหน้า กับรถของผู้เสียชีวิตที่ขับมาพอดี จึงเริ่มมีการโต้เถียงกันเล็กน้อย“จากนั้นผู้ต้องหาขับรถไปชำระค่าผ่านทาง หยิบปืนที่พกติดตัวมา ก่อนขับรถไปชะลอเทียบกับรถของผู้ตาย ขณะนั้นยังเปิดกระจกอยู่ แล้วใช้ปืนยิงใส่รถผู้ตาย 3 นัด ก่อนเร่งเครื่องหลบหนีลงทางด่วนบริเวณถนนพหลโยธิน ขับไปจอดทิ้งไว้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.นครปฐม เปลี่ยนป้ายทะเบียนรถกับป้ายทะเบียนสำรองที่เตรียมไว้ล่วงหน้ายอมรับว่าทำเป็นประจำเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกไฟแนนซ์หรือเต็นท์รถติดตามยึดรถคืนเพราะยังผ่อนไม่หมด หลังจากนั้นเรียกรถแท็กซี่หลบหนีอีกหลายต่อ เริ่มจากพื้นที่ อ.เชียงราก จ.ปทุมธานี มุ่งหน้าไป จ.ระยอง เจตนาจะหนีไปเกาะล้าน แต่เปลี่ยนใจไปเกาะช้าง จ.ตราด แทน ระหว่างนั้นติดต่อภรรยาให้พาลูกมาพบเพื่อหนีต่อ แต่ชุดสืบสวนนครบาลประสานตำรวจภูธรในพื้นที่ จ.ตราด ตามจับกุมตัวผู้ต้องหาบริเวณสะพานคึกฤทธิ์บนเกาะช้าง ขณะหลบซ่อนอยู่ใต้สะพานโดยมีภรรยาและบุตรอยู่ด้านบน” ผบช.น.กล่าวพล.ต.ท.สยามเผยด้วยว่า สอบปากคำผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ และพาเจ้าหน้าที่ไปชี้จุดทิ้งปืนที่ใช้ก่อเหตุ เบื้องต้นอ้างว่าไม่ได้ตั้งใจยิงให้เสียชีวิต ดูจากพฤติการณ์ใช้อาวุธปืนยิงในระยะใกล้ถึง 3 นัด ถือเป็นการกระทำที่เล็งเห็นผลถึงชีวิต คำกล่าวอ้างว่า ไม่เจตนาฆ่าไม่สอดคล้องกับพยานหลักฐาน ส่วนผลการตรวจปัสสาวะผู้ต้องหาพบสารเมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) แสดงว่าขณะก่อเหตุอยู่ในอาการมึนเมาทั้งสุราและยาเสพติด นอกจากนี้ผลตรวจสอบกล้องวงจรปิดตลอดเส้นทาง ตั้งแต่จุดเกิดเหตุ จุดเปลี่ยนป้ายทะเบียนถึงจุดทิ้งรถ พบว่ามีผู้ต้องหาเพียงคนเดียวอยู่ในรถ ไม่มีบุคคลอื่นร่วมก่อเหตุอีก“สำหรับปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นปืนมีทะเบียน เจ้าของเดิมเสียชีวิตไปแล้วกว่า 4 ปี ผู้ต้องหาอ้างว่ารับมอบมา เคยฝึกซ้อมยิงที่สนามยิงปืนใน จ.ชลบุรี ทำให้มีความชำนาญ ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนยื่นขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับนายสงกรานต์ ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พยายามฆ่า และ พ.ร.บ.อาวุธปืน พร้อมเร่งขยายผลตรวจสอบประเด็นการใช้ป้ายทะเบียนปลอม รวมถึงความเชื่อมโยงกับหมายจับคดีพยายามฆ่าอีก 1 หมายที่ผู้ต้องหาเคยก่อเหตุไว้ก่อนหน้านี้ ตลอดจนตรวจสอบว่าใช้รถหรือทะเบียนปลอมเกี่ยวข้องกับกิจกรรมผิดกฎหมายอื่นอีกหรือไม่ ตำรวจยืนยันว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นตัวผู้ต้องหาที่แท้จริง มีพยานบุคคล หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ และผลตรวจเขม่าดินปืนยืนยันชัดเจน ไม่ใช่การจับผิดตัวตามกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียล พร้อมย้ำจะดำเนินคดีอย่างถึงที่สุดตามกฎหมาย” ผบช.น.กล่าวต่อมา พ.ต.อ.ศักดิเดช กัมพลานุวงศ์ ผกก.สน.ประชาชื่น กล่าวว่า การสอบสวนผู้ต้องหาเสร็จสิ้นแล้ว ขณะนี้ควบคุมตัวอยู่ในห้องขัง มีญาติมาเยี่ยมตามเวลาให้เยี่ยมช่วงเย็น ผู้ต้องหาอยู่ในอาการปกติภายในห้องขังมีกล้องวงจรปิดดูแลความปลอดภัย เจ้าหน้าที่สิบเวรควบคุมผู้ต้องหาดูแลใกล้ชิด ช่วงสายวันพรุ่งนี้ 26 ธ.ค. จะนำผู้ต้องหาไปผัดฟ้องฝากขังที่ศาลอาญา พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์เจตนาใช้อาวุธปืนก่อเหตุ มีอัตราโทษสูง กลัวว่าจะหลบหนีอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่