มันเป็นสัญญาณอันตราย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย (พท.) กรรมาธิการวิสามัญร่างแก้ไขเพิ่มรัฐธรรมนูญ 60 (รธน.) เปิดประเด็นให้เห็นภาพหลังร่างแก้ไข รธน.ของพรรคเพื่อไทยถูกตีตก โดยมี สว.สนับสนุนไม่ถึง 1 ใน 3 ของจำนวน สว.ทั้งหมด ถือว่าเป็นการเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองแต่บรรยากาศภายในที่ประชุมรัฐสภาตึงเครียดขึ้นมาทันที เมื่อในที่ประชุมร่วมรัฐสภา ทั้ง สส.และ สว.ต้องโหวตเอาร่างแก้ไข รธน.ฉบับพรรคประชาชน (ปชน.) หรือร่างแก้ไขรธน.ฉบับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เป็นร่างหลักในการพิจารณาในชั้น กมธ.ปรากฏว่าพรรค ปชน.ประสานเสียงพรรค พท.หักพรรค ภท. ทำให้ร่าง รธน.ของพรรค ปชน.เป็นร่างหลัก แม้มีการตั้งข้อสังเกตว่าในระหว่างนั้นนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรค ภท. รีบเข้ามาที่รัฐสภาเพื่อบัญชาการคุมเสียงเอง แต่สุดท้ายพลาดท่าพ่ายแพ้แล้วยังเกิดปรากฏการณ์ระดับบิ๊ก สว.ที่คุมเสียง สว.ไม่เป็นไปตามเป้า ถูกผู้หลักผู้ใหญ่ในทางการเมืองเฉ่งยับจนสีหน้าถอดสีเหตุการณ์เหล่านี้ที่เกิดขึ้นเป็นการชิงไหวชิงพริบกัน “แน่นอนมันเป็นการตัดสินใจหน้างาน” นายจุลพันธ์ ระบุและชี้ให้เห็นถึงการส่งสัญญาณอย่างหนึ่งที่พรรครัฐบาลพลาด เพราะเป็นเรื่องสำคัญสำหรับรัฐบาลแต่ก็ยังข้องใจไม่คิดว่าร่าง รธน.ของพรรค พท.จะตก ทั้งที่ร่างแก้ไข รธน.ของพรรคพท.อยู่ตรงกลางระหว่างร่างของพรรค ปชน.กับร่างของพรรค ภท.โดยร่างของพรรค ภท. ล้อแนววินิจฉัยของศาล รธน.มากที่สุด แต่ที่มา ส.ส.ร.ขาดความยึดโยงกับประชาชนมากที่สุด ร่างของพรรค ปชน. สุ่มเสี่ยง อาจต้องมาตีความกันอีกหรือไม่ แต่มีความยึดโยงกับประชาชนมากกว่าแต่เมื่อเหตุการณ์ผ่านมาแล้ว จึงรู้ว่าพรรค พท.ไม่ได้ร่วมกระบวนการ MOA ที่อาจมีการพูดคุยกันไปไกลตั้งแต่ขั้นตอนที่ลงนาม รวมถึง สว.บางส่วนอาจมีอารมณ์ค้าง มองพรรค พท.ที่พูดถึงการฮั้วเลือก สว. ขับเคลื่อนตรวจสอบจริงจังเมื่อร่างของพรรคเพื่อไทยตก ก็ต้องหาร่างที่มีความใกล้เคียงกับพรรคเพื่อไทยและมีความเหมาะสมที่จะเดินหน้าแก้ไข รธน. โดยร่างของพรรค ปชน.มีความใกล้เคียง ลดความเสี่ยงที่จะเกิด ส.ส.ร. ที่ต้องมาป้ายสีกันอีกว่าเป็นสีน้ำเงิน เราต้องการหลบตรงนั้น“สัญญาณอันตรายดังกล่าว เป็นอันตรายที่ทำ MOA กันเอาไว้ ไปถึงฝั่งฝันหรือไม่ ทำไมร่างของพรรค พท.ถึงตก มันเป็นสัญญาณว่าความจริงใจ ความตั้งใจแก้ รธน.มีมากน้อยแค่ไหนหลังจากเกิดกระบวนการร่างแก้ไข รธน. อีกเดือนเศษเมื่อจบในชั้น กมธ.ก็คงเห็นว่า กมธ.ส่งร่างแก้ไข รธน.หน้าตาเป็นอย่างไร กลับมาสู่ที่ประชุมร่วมรัฐสภาการเปลี่ยนจากร่างหลักชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ โดย กมธ.ส่งกลับมากลายเป็นร่างของพรรค ภท.ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ทำให้การลงมติในรัฐสภาเป็นเรื่องยุ่งยากพอสมควร อาจไม่สำเร็จ”แต่ถ้าปล่อยให้เป็นร่างแก้ไข รธน.ฉบับ กมธ.เหมือนร่างแก้ไข รธน.ของพรรคประชาชน 100% ก็มีความเสี่ยง เพราะรัฐบาลและ สว.ที่มีความเชื่อว่าผูกพันกันอย่างแน่นแฟ้นเขาอาจไม่สบายใจถ้ามี ส.ส.ร.ที่ควบคุมไม่ได้เนื่องจากร่างแก้ไข รธน.ของพรรค ภท.ถูกตั้งข้อสังเกตเป็นโมเดล ส.ส.ร.ไม่ต่างกับการลงสมัคร สว. เมื่อได้ ส.ส.ร.เป็นคนที่เขาต้องการ มันสามารถควบคุมกำกับได้ จนเป็นข้อครหาภายหลังว่าเกิดฮั้วเลือก ส.ส.ร.ฉะนั้นถ้าร่างแก้ไข รธน.ในชั้น กมธ.ออกมาไม่เป็นดั่งใจรัฐบาล ปลายทางจะปล่อยให้มันผ่านจริงหรือ ตรงนี้เป็นคำถามที่ต้องถามการพิจารณาในชั้น กมธ.ปกติเดินตามกรอบของร่างหลัก ที่มาของ ส.ส.ร.ต้องเป็นไปตามร่างหลัก อาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่ต้องเป็นไปตามหลักการ นายจุลพันธ์ บอกว่า ถูกต้อง แต่สามารถเปลี่ยนได้โดยมีวิธีการทำในการพิจารณากฎหมายหลายฉบับ เช่น ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ในชั้นกมธ.แก้มากกว่า 300 ครั้ง กว่า 300 มาตรา พอลงมติในสภาวาระ 2 รายมาตรา มันเดินไม่ได้ พิจารณาแล้วทำให้เกิดปัญหาเมื่อร่างของพรรค ภท.ไม่ได้เป็นร่างหลัก ในชั้น กมธ.อาจร่างแก้ไข รธน.จนเกินจากหลักการ พอจบในชั้น กมธ.เข้าวาระ 2 พิจารณารายมาตราจบ และผ่านวาระ 3 เห็นชอบทั้งร่าง อาจถูกยื่นตีความต่อศาล รธน.ได้อีก นายจุลพันธ์บอกว่า ถูกต้อง แต่ถ้าอ่านตามข้อกฎหมายจริงๆ ร่างของพรรค ปชน.ไม่ได้ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาล รธน. พรรค พท.ยังมีความเชื่อมั่นอยู่แต่ขอยกคำพูดของนายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพท. ที่อภิปรายในที่ประชุมร่วมรัฐสภา โดยยกเพลงเพลงหนึ่งว่า “ทำไมไปเชื่อคนที่ไม่รัก” หมายความว่า พรรค ปชน.ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจในอดีตที่ผ่านมา ร่าง รธน.แต่ละฉบับที่ไม่ผ่านเกิดจากอะไร แม้มีการเซ็น MOAวันนี้หวังว่าพรรค ภท.จริงใจเดินหน้าแก้ไข รธน. แม้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลระหว่างที่ทำ MOA แต่พรรค พท.ไม่เชื่อมั่นจริงๆเพื่อไทยไม่เชื่อมั่นรัฐบาลจะแก้ไขรัฐธรรมนูญนับจากนี้ในชั้น กมธ.ต้องเดินหน้าอย่างไร เพื่อไปให้ถึงฝั่งฝันแก้ไข รธน.สำเร็จ นายจุลพันธ์ บอกว่า ขณะนี้โครงสร้างการเมืองมันเปลี่ยนองค์ประกอบไม่เป็นธรรมชาติโดยมีฝ่ายค้านไปสนับสนุนรัฐบาลเป็นนายกฯ เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย มีฝ่ายค้านที่ไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ และพรรค พท.อยู่ฝ่ายค้าน แต่พรรค พท.ยังตั้งมั่นผลักดันเต็มที่ โดยการประชุม กมธ.นัดแรกในวันที่ 21 ต.ค.นี้ จะผลักดันนายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ เป็นประธานกมธ. เพราะมีประสบการณ์ มีความรู้และเข้าใจกฎหมายมหาชนมาอย่างยาวนาน แม้มี 2 ร่างแก้ไข รธน.ที่มันอยู่ขั้วตรงข้ามกันทุกคนรู้ว่าโจทย์ในวันนี้ คือ เราพยายามผลักดันให้สำเร็จ ต้องพยายามอยู่ตรงกลาง ในวันประชุมรัฐสภาที่สรุปญัตติดังกล่าว ทั้ง 2 ฝ่ายรู้ดี“สุดท้ายต้องหาจุดตรงกลางที่ยอมรับได้ทุกฝ่าย ทำให้เหมาะสมมากที่สุด หากสุดทางใดทางหนึ่งมากเกินไป หรือสุ่มเสี่ยงต่อข้อกฎหมายก็พร้อมปรับแก้ ทั้งจำนวน ส.ส.ร. ที่มา โดยคงหลักการและเหตุผลการที่เอาคนเป็นกลาง ไม่ได้อยู่ฝ่ายใด คือพรรค พท. มาเป็นผู้คอยกำกับการประชุม เพื่อทำให้ทั้ง 2 ร่าง มันกลืนเป็นร่างเดียวร่างของกมธ.ที่สามารถบังคับใช้ได้จริง อันนี้เป็นสิ่งสำคัญ ส่วน กมธ.แต่ละพรรคตัด สินใจอย่างไร เป็นเอก สิทธิ์ของแต่ละคน”ผลจากที่ประชุมร่วมรัฐสภา สภาพฝ่ายนิติบัญญัติแบ่งเป็น 3 ขั้วใหญ่ทางการเมือง ไม่มีใครคุมใครได้ การทำงานในชั้น กมธ.จะยากลำบากอย่างไร พรรค พท.จับมือพรรค ปชน.แก้ไข รธน. นายจุลพันธ์ บอกว่า เป็นไปตามขั้นตอนปกติ ไม่ลำบากที่ผ่านมาพรรค พท.ผนึกกำลังพรรค ปชน.มาตลอด การแก้ไข รธน.หลายครั้ง เสียง สส.ไม่เคยขาด แต่เสียงของ สว.ไม่เคยถึง 1 ใน 3 เท่านั้นเอง ฉะนั้นขอย้ำสาเหตุหนึ่งที่ร่างของพรรค พท.ตก ทำให้ในชั้น กมธ.มีแค่ 2 ร่าง เพราะพรรค พท.ไม่ได้อยู่ใน MOA สว.จึงให้ผ่านแค่ 2 ร่าง ก็ต้องยอมรับบรรยากาศในที่ประชุมร่วมรัฐสภาพิจารณาร่างแก้ไข รธน. คล้ายแฝงเกมการเมืองมากกว่าเนื้อหาสาระแก้ไข รธน. นายจุลพันธ์ บอกว่า ในมุมพรรค พท.ถ้าให้พูดไปสุดทาง แม้ร่างแก้ไข รธน.ผ่านวาระที่ 1 ขั้นรับหลักการเข้าสู่ชั้น กมธ.แต่มีสัญญาณแรกที่ร่างแก้ไข รธน.ของเพื่อไทยตก สุดท้ายปลายทางประสบผลสำเร็จถึงขั้นแก้ไขได้และถูกบรรจุอยู่ในการทำประชามติจริงหรือไม่ ถึงแม้รัฐบาลประกาศเอาไว้ ของแบบนี้ตอบไม่ได้ เพราะยังมีกระบวนการอีกมากเขาสามารถล้มกระดานได้ตลอดเวลา.ทีมการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม