นับตั้งแต่ คุณเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมฯ ออกมาเปิดเผยข้อมูลอันน่าตกใจว่า “7 เดือนแรกปี 2568 ไทยส่งออกทองคำไปยังกัมพูชาพุ่งขึ้นถึง 2,149 ล้านดอลลาร์ ประมาณ 68,000 ล้านบาท” ทำให้กัมพูชาเป็นประเทศที่ไทยส่งออกทองคำไปมากที่สุดอันดับ 2 รองจากสวิตเซอร์แลนด์ ทั้งที่เป็นประเทศเล็กเศรษฐกิจไม่ดี การส่งออกทองคำไปกัมพูชาแบบก้าวกระโดดนี้ สร้างข้อสงสัยว่า เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วและผิดปกติ ที่ประชุม กกร. ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมฯ สภาหอการค้าไทย สมาคมธนาคารไทย จึงพิจารณาตั้งข้อสังเกตประเด็นนี้อย่างจริงจังคุณเกรียงไกร กล่าวว่า การส่งออกทองคำจำนวนมหาศาลนี้ ทำให้เงินตราต่างประเทศ (ดอลลาร์) ไหลเข้าไทยอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ความต้องการเงินบาทเพิ่มขึ้น (แลกดอลลาร์เป็นบาท) และทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างผิดปกติ สวนทางกับเศรษฐกิจไทยที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ กนง.ก็เพิ่งลดดอกเบี้ยลงมา 0.25% ตามหลักเงินบาทจะอ่อนค่าลง แต่กลับแข็งค่าขึ้นประเด็นที่น่ากังวลที่สุดคือ กัมพูชาเป็นประเทศที่มีปัญหาเรื่องสแกมเมอร์หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ค่อนข้างมาก ทำให้ กกร. เกรงว่า การส่งออกทองคำที่พุ่งสูงผิดปกติ อาจจะเกี่ยวข้องกับ “ธุรกิจสีเทา” หรือ “เศรษฐกิจใต้ดิน” ที่ใช้ทองคำเป็นเครื่องมือในการฟอกเงินแม้จะยังไม่มีการยืนยัน 100% แต่ กกร. มองว่า นี่คือหนึ่งปัจจัยที่ไม่คาดคิดและอยู่นอกระบบที่ต้องตรวจสอบโดยด่วน กกร.ได้ยื่นข้อเสนอด่วนไปยัง รัฐบาลใหม่ และธนาคารแห่งประเทศไทย ขอให้แยกมูลค่าการค้าทองคำออกจากการคำนวณมูลค่าการส่งออกโดยรวม เพื่อให้เห็นภาพการส่งออกสินค้าที่แท้จริง จะได้ประเมินความผิดปกติได้แม่นยำผมเห็นด้วยกับข้อเสนอ กกร. ให้ “แยกทองคำ” ออกมาจากตัวเลข “การส่งออกนำเข้าสินค้า” ซึ่งทำให้มูลค่าการส่งออกของไทยสูงเกินจริง ข้อมูลไม่เป็นทางการประเมินว่า การส่งออกทองคำและการเทรดทองคำของไทยแต่ละปี มีมูลค่ามากกว่า 1 ล้านล้านบาทข้อมูลเชิงลึกระบุว่า ทองคำมูลค่า 68,000 ล้านบาท ที่ไทยออกไปยังกัมพูชาใน 7 เดือนแรกปีนี้ เป็น “ทองคำแท่ง” ทั้งหมด แต่บันทึกการส่งออกในหมวดอัญมณีและเครื่องประดับ เมื่อไปดูรายได้ต่อหัวชาวกัมพูชา ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะมีเงินซื้อทองคำมากมายขนาดนี้ จีดีพีต่อหัวต่อปีของชาวกัมพูชาอยู่ที่ 2,498 ดอลลาร์ ราว 80,000 บาท เฉลี่ยเดือนละ 6,700 บาท จะมีเงินไปซื้อทองคำแท่งได้อย่างไร ราคาทองคำแท่ง ณ 24 ก.ย.68 อยู่ที่ 56,800 บาท/บาททองคำ ดังนั้นทองคำแท่งที่ส่งออกไปยังกัมพูชาจึงเป็นการฟอกเงิน 100% อย่างที่ กกร.สงสัยอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นเรื่องที่ รัฐบาลใหม่ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กรมศุลกากร จะต้องเร่งจัดการวันนี้ผมจะพาไปดู ข้อมูลส่งออก–นำเข้าทองคำของไทยใน 7 เดือนแรกปีนี้ มีความผิดปกติน่าสงสัยอย่างไร สมควรต้องมีมาตรการควบคุมดูแลหรือไม่ข้อมูลจาก ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า 7 เดือนแรกปีนี้ไทยมีการนำเข้าทองคำ 187,848 กก. เพิ่มขึ้น 82% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มูลค่านำเข้า 390,732 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47% จากปีก่อน และ 7 เดือนแรกปีนี้ไทยส่งออกทองคำ 78,075 กก. เพิ่มขึ้น 31% จากปีก่อน ตลาดส่งออกทองคำ 3 อันดับแรก อันดับ 1 สวิต มูลค่า 108,146 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 137% อันดับ 2 กัมพูชา มูลค่า 71,312 ล้านบาท (สูงกว่าตัวเลข กกร.) เพิ่มขึ้น 19% (ปี 2567 ไทยส่งออกทองคำไปกัมพูชามากเป็นอันดับ 1 มูลค่า 105,982 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ถึง 744%) อันดับ 3 สิงคโปร์ 34,827 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51%เอาข้อมูลทางการมากางแบบนี้เห็นภาพชัดไหมครับ “ทองคำสีเทา” ที่ใช้ฟอกเงินส่วนผลกระทบ ทำให้เงินบาทแข็งค่าผิดปกติ เป็นอีกประเด็นที่ต้องดำเนินการ ถ้าปราบ “ทองคำสีเทา” ได้สำเร็จ ผลกระทบตรงนี้ก็จะหายไปเอง.“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม