เป็นอีกบทบาทของพรรคประชาชน ในการกำกับให้รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคภูมิใจไทย ปฏิบัติตามเงื่อนไขในบันทึกข้อตกลง (MOA) ที่มีร่วมกัน นอกจากกระบวนการในการเข้าทำหน้าที่ฝ่ายบริหาร เป็นรัฐบาลเฉพาะกิจระยะเวลา 4 เดือน อีกเรื่องที่ทำคู่ขนานกันไป คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เริ่มต้นกระบวนการแล้วเช่นกันล่าสุด พรรคประชาชน นำโดยนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15/1 ว่าด้วยการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญต่อประธานรัฐสภา เสนอ 2 กลไกจัดทำรัฐธรรมนูญที่ยังยึดโยงประชาชน ไม่เสี่ยงขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ระบุไว้ “รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง”โดยพรรคประชาชนกำหนดเวลาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไว้ที่ 270 วัน ให้ 2 กลไกสามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อได้ไม่ถูกกระทบจากการยุบสภาหรือจากการที่สภาหมดวาระ เพื่อให้ทำงานได้ต่อเนื่อง และเมื่อยกร่างเสร็จแล้ว ให้นำเสนอร่างรัฐธรรมนูญใหม่ต่อรัฐสภา หากรัฐสภาเห็นชอบจึงนำไปทำประชามติสอบถามประชาชนสำหรับไทม์ไลน์การจัดทำรัฐธรรมนูญ เบื้องต้น นายณัฐพงษ์ระบุว่า หลังจากพรรคประชาชน เพื่อไทย และภูมิใจไทย ได้ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15/1 ของตนเอง จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณา คาดว่าจะเสร็จสิ้นและกำหนดวันประชามติพร้อมการยุบสภาเลือกตั้งได้สิ้นเดือน ม.ค.2569 ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ใน MOAอย่างไรก็ดี การนำเสนอร่างแก้ไข รัฐธรรมนูญเบื้องต้น มีการเสนอรูปแบบที่มาของ ส.ส.ร.ที่จะมาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แตกต่างกันไปในรายละเอียดรูปแบบแต่มีประเด็นสำคัญที่ 2 พรรค คือเพื่อไทย และประชาชน นำเสนอสอดคล้องกัน คือ เรียกร้องให้รัฐบาลพรรคภูมิใจไทยประสานทำความเข้าใจกับ สว.ในเรื่องรัฐธรรมนูญเพราะโดยกติกา กรณีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านความเห็นชอบในวาระแรก จะต้องมีเสียง สว.จำนวน 1 ใน 3 ของวุฒิสภา หรือ สว.67 เสียง ให้ความเห็นชอบด้วย และที่ผ่านมาการเสนอแก้รัฐธรรมนูญก็จะติดขัดจุดนี้ นอกจากนี้ยังมีการแสดงความเป็นห่วงเชิงดักคอการแทรกแซงจนเกิดส.ส.ร.ที่เกี่ยวข้องกับบางพรรคการเมือง ซ้ำรอย สว.สีน้ำเงินฉะนั้น ตรงนี้ก็ประเมินได้ว่าเมื่อ ด่านสำคัญ คือจำนวนเสียง สว. ขณะที่พรรคภูมิใจไทย ถูกมองว่ามีเครือข่ายใกล้ชิดในวุฒิสภา มีช่องทางประสานงานกับ สว.ได้ จึงเป็นจุดวัดใจพรรคภูมิใจไทยจะจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สำเร็จหรือไม่ จะปฏิบัติตามข้อตกลงที่ไม่ใช่สัญญาทางการเมืองเช่นที่ผ่านๆมา ที่บิดพลิ้วและผิดคำพูดกันอยู่เสมอ.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม