ถนนทุกสายมุ่งสู่ค่ายภูมิใจไทย ในยามที่ “นายกฯหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล ราศีเบ่งบาน ออร่าผ่องไปถึง “หนุ่มเป๊ก” เศรณี ชาญวีรกูล ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ที่ถูกสปอตไลต์จับจ้องเป็นเงาตามตัวในฉากฉลองวันเกิดครบรอบ 59 ปีของผู้นำป้ายแดง ตัดเค้กแชร์กันชื่นมื่นท่ามกลางแขกหน้าเก่า คนหน้าคุ้นมาร่วมวงลุ้นการแบ่งเค้กเก้าอี้รัฐมนตรี ทั้ง “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า บอสใหญ่ค่ายกล้าธรรม นายสันติ พร้อมพัฒน์ หัวขบวนก๊วนมะขามหวานเพชรบูรณ์ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น พี่ใหญ่แก๊งกบฏค่ายรวมไทยสร้างชาติ ฯลฯทั้งร้องทั้งโยก ปรบมือ เพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์กันเสียงดังลั่นมันเหมือน “เดจาวู” ฉากอาถรรพณ์ย้อนกลับมาฉายวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตั้งแต่ช็อตนายเศรษฐา ทวีสิน ต่อเนื่องมา “อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกฯที่มีอันเป็นไปทางการเมือง ตามท้องเรื่องน้ำเน่าการเมืองเดาตอนจบได้ไม่ต่างจากละครน้ำเน่าของไทยในสถานการณ์ที่โคตรเซียนการเมืองตั้งนาฬิกาทราย “นับถอยหลัง” เกมซ่อนเขี้ยวระหว่าง “พญางูเห่าแห่งกว๊านพะเยา” กับ “ราชันจงอางเขากระโดง” จะญาติดีกันได้กี่อึดใจสไตล์ “เนวิน ชิดชอบ” กับ “ธรรมนัส พรหมเผ่า” ใครจะเสียบใครก่อนต่อให้ “กาวพิเศษ” แค่ไหน ก็ไม่มีทางเชื่อมติดแบบถาวรและโดยอุทาหรณ์ การเมืองระบอบ “มาเฟีย” พรรคการเมืองภายใต้อำนาจ “บิ๊กบราเธอร์” มันไม่จีรังยั่งยืน แบบที่ “เสี่ยต่อ” นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เพิ่งไขก๊อกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์แบบไปไม่ลามาไม่ไหว้ชิ่งหนีสภาพตกต่ำสุดในประวัติศาสตร์ของ “สถาบันการเมือง” ในตำนานในจังหวะที่แม่ยกส่งเสียงเพรียกหา “เดอะมาร์ค” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลับมากอบกู้บ้านที่ใกล้พัง อีกทางก็ยังมีคนคิดไปลาก “นายหัวชวน หลีกภัย” มารักษาการหัวหน้าค่าย แต่นั่นก็ยังต้องเจอด่านขาใหญ่อย่าง “เสี่ยชาย” เดชอิศม์ ขาวทอง อดีตเลขาธิการพรรค กับน้องรักอย่างนายชัยชนะ เดชเดโช บ้านใหญ่เมืองคอน ยืนจังก้าขวางลำยื้อซากปรักหักพัง ไม่ปล่อยให้อำนาจการนำหลุดมือง่ายๆณ จุดที่ยี่ห้อประชาธิปัตย์ไหลเตลิดไปไกล แม้แต่ฐานใหญ่ปักษ์ใต้ยังระเนระนาด นั่นไม่ต้องพูดถึงสนามเมืองกรุงที่ถูกค่ายส้มยึดเบ็ดเสร็จ ตัวเลขเรียลไทม์ของ “ดุสิตโพล” ยี่ห้อ ปชป.หลุดไปอยู่โซนท้ายตารางเลขหลักเดียวกอบกู้ลำบาก ต้องเหนื่อยหนักอีกพักใหญ่เทียบกันแล้วสถานการณ์ “สาหัส” งานยากกว่าทีมเพื่อไทยซะด้วยซ้ำในจังหวะที่ทีม “เถ้าแก่ใหญ่” กำลังระส่ำระสาย จากการที่นายทักษิณ ชินวัตร กลายเป็น “พยัคฆ์” ในกรงขัง โดนล็อกในเรือนจำ ทำให้ “อิ๊งค์” ต้องรีบ “อุดรูรั่วฉุกเฉิน” สกัดลูกข่ายสายอีสานไหลออกไปตามแรงดึงดูดของก๊วนเซราะกราวส่อ “เอาไม่อยู่” ตามธรรมชาติ “เห็บโดดหนีหมาผอม” กระเจิดกระเจิงแถมลูกสาว “เถ้าแก่ใหญ่” ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญฟันปม “จริยธรรม” สถานภาพทางกฎหมายยังก้ำกึ่งจะเป็น “หัวหน้าพรรคเพื่อไทย” ได้ หรือไม่ หนีไม่พ้นโดนคู่แข่งไล่ต่อยสอยเจาะยางกระแส “อิ๊งค์” ไม่ต่างจากมวยโดนน็อก เสียแชมป์ กู้ศรัทธาคืนยากเต็มทีตระกูล “ชินวัตร” หมดตัวเล่นจริงๆ ในจังหวะที่แรงต้านสมบัติการเมืองครอบครัวหนักหน่วงกว่าเสียงเชียร์ ทายาทหรือนอมินี “จันทร์ส่องหล้า” กลายเป็นสินค้า “ตกรุ่น” เลิกผลิตแต่ผิดกับพรรคเพื่อไทยยังเป็นหุ้นที่ไม่ติดดอยเพราะนายสมศักดิ์ เทพสุทิน กับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ยังไม่ทิ้งไปหมด แถมทีมกำแพงเพชรของนายวราเทพ รัตนากร ยังสวนกระแสกลับมาปักหลัก “บ้านเก่า” นายยงยุทธ ติยะไพรัช ขาใหญ่เชียงราย ก็ยังไม่ได้หายไปไหนโดยเงื่อนล็อกการเมือง “บิ๊กเนม” เหล่านี้ไปไม่ได้กับ “เนวิน” และ “ธรรมนัส” ประกอบกับอารมณ์ก่อนไปอยู่ในเรือนจำ “ทักษิณ” สารภาพ กับลูกน้อง “พี่ผิดไปแล้ว” ที่หลงเชื่อใจคนผิดเหมือนสำนึก เข็ดกับ “มันจบแล้วครับนาย” ซ้ำด้วย “ไม่อยากจำครับนาย”วันนี้ “ทักษิณ” บอบช้ำ ลำบากสุด เหลือแต่มิตรแท้ที่เห็นกันยามตกต่ำ ในทางการเมืองไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ หากจะได้เห็นปรากฏการณ์ศิษย์เก่าไทยรักไทย “รียูเนียน” ทั้ง “สมศักดิ์-สุริยะ-วราเทพ-ยงยุทธ” ที่ปักหลักอยู่โยงและหากจะเซอร์ไพรส์ไปอีกชั้น คิวเชนคัมแบ็ก ทีมของ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ที่เป็นลมใต้ปีก “ทักษิณ” ยุคไทยรักไทยรุ่งเรือง เห็นกันแล้วว่าพอ “นายใหญ่” ไร้ “จอมยุทธ์กวง” บินไม่สูงเหมือนอดีตการกล่อม “สมคิด” กลับมากอบกู้บ้านเก่า เท่ากับได้คลังสมองระนาบเดียวกับ “ทักษิณ” มาประคองทีม ในภาวะที่เห็นสัจธรรม ใครคือ “มิตรแท้–ศัตรูเทียม”อยู่เงียบๆในห้องสี่เหลี่ยม “นายใหญ่” น่าจะมีเวลาคิดทบทวน.ทีมข่าวการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม