การเมืองแบบไทยๆ ไม่มีมิตรไม่มีศัตรูถาวร ถ้าย้อนการจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งแต่ละครั้งก็ไม่ปกติ ไม่เป็นไปตามกติกา ที่รัฐธรรมนูญกำหนดเอาไว้ รวบรวมเสียงข้างมากก่อนก็มีสิทธิ ตั้งรัฐบาลก่อน ไม่ได้หมายความว่าพรรคที่ได้รับเลือก สส.มากกว่าหรือ สส.น้อยกว่า จะได้หรือไม่ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลเสมอไปซึ่ง พรรคการเมืองทุกพรรค ก็ยอมรับกฎข้อนี้ เพราะฉะนั้นจะยกมาเป็นข้ออ้างเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น เท่ากับว่าเป็นการกลืนน้ำลายตัวเอง เมื่อมีการกำหนดขั้นตอนการเลือกนายกฯในสภา ก็ต้องขับเคลื่อนไปตามกฎกติกา และยอมรับกติกา ไม่ว่าจะในฐานะฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาลก็ตามเรื่องของพระราชอำนาจ ผู้ใดจะล่วงละเมิดไม่ได้ พรรคร่วมรัฐบาลชุดใหม่ เมื่อรวมเสียงสนับสนุนมีอยู่ 146 เสียง ในขณะที่เสียงโหวตให้ อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกฯคนที่ 32ด้วยจำนวนเกินกว่ากึ่งหนึ่งเมื่อรวมเสียงของพรรคประชาชนที่ทำหน้าที่โหวตให้อนุทินเป็นนายกฯ เพื่อเข้าไปทำหน้าที่ตามเงื่อนไขของพรรคประชาชนตาม MOU ด้วยไม่น้อยกว่า 289 เสียงเกินกว่าครึ่ง จึงถือว่าเป็นไปตามรัฐธรรมนูญและธรรมเนียมที่ยอมรับกันมาตั้งแต่ต้นในขณะที่ เพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา พรรคประชาธิปัตย์ พรรครวมไทยสร้างชาติ ส่วนของพิีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ก็อยู่ที่ประมาณ 200 เสียง ไม่ถึงกึ่งหนึ่งคือ 246 เสียงอยู่ดี และถ้าจะไปเอาเสียงของ พรรคประชาชน ในฐานะพรรคฝ่ายค้านมานับรวมก็ไม่ได้ เพราะ พรรคประชาชนได้แสดงเจตนารมณ์ในการสนับสนุนรัฐบาล เป็นรัฐบาลในฝ่ายค้านชัดเจนพรรคเพื่อไทย คงได้บทเรียนจาก การติดกระดุมผิดเม็ด ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาชน หรือพรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ ก็ล้วนได้รับผลกระทบทางการเมืองจากพรรคเพื่อไทยทั้งสิ้น ทีใครก็ทีมันการตั้งรัฐบาลครั้งนี้ ที่แปลกกว่าทุกครั้ง ก็คือทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลไม่มีเสียงข้างมากแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ พรรคประชาชน ที่กุมอำนาจเอาไว้ในมือ จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด ส่วนอนาคตหลังการเลือกตั้งครั้งต่อไป จะจับขั้วพรรคการเมืองกันใหม่อย่างไรก็เป็นเรื่องของอนาคตที่ไม่มีมิตรแท้ศัตรูถาวร หลัง การเลือกตั้งเมื่อปี 2562 พรรคพลังประชารัฐได้คะแนนเสียงทั้งหมดมา 8.4 ล้านเสียง เพื่อไทยได้ 7.9 ล้านเสียง อนาคตใหม่ 6.2 ล้านเสียง ประชาธิปัตย์ 3.9 ล้านเสียง ภูมิใจไทย 3.7 ล้านเสียง พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย และพรรคเล็ก รวมทั้งหมด 19 พรรค โหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯซึ่งคะแนนเสียงที่ชี้ขาดการชิงการตั้งรัฐบาลในยุคนั้น ขึ้นอยู่กับพรรคเล็กจำนวน 11 พรรค ทำให้พลังประชารัฐเป็นแกนนำในการตั้งรัฐบาลได้สำเร็จด้วยฝีมือการประสานงานของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ส่งอนุทิน ชาญวีรกูล ให้ก้าวเข้าสู่เก้าอี้นายกฯคนที่ 32 สำหรับเพื่อไทยในวันนี้คงต้องกลับไปยึดคติอยู่ให้เป็น เย็นให้พอ รอโอกาสจะดีที่สุด.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.thคลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม