“นายกฯ อิ๊งค์” พร้อม รมต.เพื่อไทย เข้าทำเนียบฯ ลุ้นรอดหรือร่วง รอแถลงหลังศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดคดีคลิปเสียง “ฮุน เซน” ปรับขบวนให้ สส.รวมตัวรอพบกันที่พรรค “ภูมิธรรม” เบรกอย่าคิดไปไกลถึงขั้นพลิกขั้วรัฐบาล ยัน สส.ลูกพรรคไม่ได้รู้ผลตัดสินล่วงหน้า แต่มั่นใจความบริสุทธิ์ใจของนายกฯและผู้เชี่ยวชาญด้านต่างประเทศบอกเป็นเรื่องธรรมดาทางการทูต “จตุพร บุรุษพัฒน์” ให้กำลังใจผู้นำผ่านพ้นไปด้วยดี ยันพรรคร่วมฯยังอยากลุยงานต่อเนื่อง ปชน.จ้องเขม็ง “อิ๊งค์” พ้นคดีเล็งหารือพรรคฝ่ายค้านยื่นซักฟอก “โรม” ย้ำค่ายสีส้มไม่ประสงค์เป็นส่วนหนึ่ง ของรัฐบาล สภาฯถกลับญัตติศึกษาเอ็มโอยู 43 และ 44 ลงมติสัปดาห์หน้าตั้ง กมธ.วิสามัญ 33 คนชำแหละเอ็มโอยูข้อพิพาทไทย-กัมพูชา 3 เดือน“อ้วน” ขีดเส้นสิ้นเดือน ก.ย.รู้เรื่องเพิกถอนที่ดินเขากระโดงศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยคดีคลิปเสียงของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และ รมว.วัฒนธรรม กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โดย น.ส.แพทองธารเตรียมแถลงข่าวทันทีหลังศาลอ่านคำวินิจฉัยเสร็จสิ้น ขณะที่แกนนำพรรคเพื่อไทยปฏิเสธ สส.ของพรรค ไม่ได้รู้ผลวินิจฉัยล่วงหน้า“อิ๊งค์” จ่อแถลงหลังศาล รธน.วินิจฉัยเมื่อวันที่ 28 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 29 ส.ค.ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยคดีคลิปเสียงของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และ รมว.วัฒนธรรมกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ในเวลา 14.00 น. น.ส.แพทองธารจะเดินทางเข้าทำเนียบ ติดตามรับฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเวลา 15.00 น. โดยจะมีบรรดารัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย (พท.) เข้ามาร่วมรับฟังคำวินิจฉัยพร้อมนายกฯด้วย หลังศาลอ่านคำวินิจฉัยเสร็จสิ้นแล้วนายกฯจะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน จากนั้นจะเดินทางเข้าไปที่ทำการพรรค พท.เพื่อพบปะกับ สส.ของพรรคที่รอให้กำลังใจ และบรรดาแฟนคลับที่มารอให้กำลังใจด้วย จากเดิมพรรค พท.นัดหมายให้ สส.พรรค พท.รวมตัวกันที่พรรค แล้วนั่งรถเข้าทำเนียบรัฐบาลมาให้กำลังใจ แต่ล่าสุดได้ปรับเปลี่ยนไม่ให้ สส.เดินทางมาที่ทำเนียบฯ แต่ให้รวมตัวกันที่พรรคตั้งแต่ 15.00 น. รอให้ น.ส.แพทองธารเข้ามาพบปะที่พรรคแทน“ภูมิธรรม” เบรกอย่าคิดไกลพลิกขั้ว รบ.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวมีการซื้อเสียงโหวต 2 พันล้าน เพื่อล้มรัฐบาล หากมีการโหวตเลือกนายกฯ โดยนายภูมิธรรมย้อนถามสื่อว่า “ใครเหรอครับ บอกมาเลย จะได้ไปเจอ ยังไม่เคยได้ยินเรื่องนี้” เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และ รมว.วัฒนธรรม วันที่ 29 ส.ค. แล้วต้องเลือกนายกฯใหม่อาจมีการพลิกขั้ว นายภูมิธรรมกล่าวว่า อย่าไปคิดสิ่งที่ยังไม่เกิด ตรงนั้นจะเกิดเมื่อ น.ส.แพทองธารมีความผิด ตอนนี้ ยังไม่รู้เลยว่ามีความผิดหรือไม่ เอาไปทีละขั้นตอนปัด สส.พท.รู้ผลคดีคลิปล่วงหน้าเมื่อถามถึงกรณี สส.พรรคเพื่อไทย (พท.) จะนั่ง รถบัสจากพรรคมาให้กำลังใจ น.ส.แพทองธาร ที่ทำเนียบ รัฐบาล นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่ทราบ คงมาให้กำลังใจนายกฯ ไม่ได้เข้าพรรคเลยเพราะมีภารกิจเยอะ จึงไม่ทราบว่าเขาคุยอะไรกัน เมื่อถามว่ามองกันว่าบรรดา สส.รู้ผลล่วงหน้าแล้ว นายภูมิธรรมกล่าวว่า อย่าไปคิดอย่างนั้น เชื่อว่า สส.พรรค พท.เชื่อในความตั้งใจและความบริสุทธิ์ใจของนายกฯ เชื่อว่าข้อกล่าวหาไม่ใช่ปัญหา ผู้เชี่ยวชาญด้านต่างประเทศหลายส่วน บอกว่าเป็นเรื่องธรรมดาทางการทูต ดังนั้น สส.จึงมั่นใจและคิดว่าจะประสบความสำเร็จ เลยอยากมาแสดงความยินดี ไม่มีใครรู้ว่าศาลจะใช้ดุลพินิจอย่างไรอ้าง “อิ๊งค์” ไม่รอดประเทศไปต่อยากนายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท.กล่าวว่าวันที่ 29 ส.ค.เป็นวันชี้ชะตาอนาคตของประเทศ คนไทยต้องลุ้นยิ่งกว่าวันออกหวย ว่านายกฯจากการเลือกตั้งจะถูกศาลรัฐธรรมนูญถอดถอนอีกหรือไม่จากกรณีคลิปหลุด ถ้า น.ส.แพทองธารไม่ถูกถอดถอน การบริหารประเทศเดินต่อได้ทันที ถ้าถูกถอดถอนต้องเลือกนายกฯใหม่ การบริหารงานแผ่นดินแก้ปัญหาหลายเรื่องจะหยุดชะงักไม่ต่อเนื่อง เสียเวลาอีกหลายเดือน ดีไม่ดีอาจยุบสภาเลือกตั้งใหม่ กรณีจะเลือกนายกฯใหม่ ดูรายชื่อแคนดิเดตที่เหลืออยู่ล้วนมีปัญหาแตกต่างกัน นายชัยเกษม นิติสิริ พรรค พท.มีคุณสมบัติครบถ้วน แต่แง่การยอมรับ ความร่วมมือจาก สส.พรรคร่วมฯ หรือแม้กระทั่งในพรรค พท.จะน้อยกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อดีตนายกฯจากการยึดอำนาจ ช่วงเป็นนายกฯกว่า 8 ปีถูกวิพากษ์วิจารณ์ความชอบธรรม ความสามารถ ผลงานอย่างมาก และนายอนุทิน ชาญวีรกูล พรรคภูมิใจไทย (ภท.) กำลังถูกสอบสวนคดีฮั้ว สว. เกิดคำถามเรื่องจริยธรรมและการยอมรับ ถ้า น.ส.แพทองธารถูกถอดถอน จะมีปัญหาตามมาสารพัด ถ้า น.ส.แพทองธารรอดประเทศไทยรอด แต่ถ้าไม่รอด ประเทศไทยไปต่อยากชี้พรรคร่วมฯยังอยากทำงานต่อเนื่องนายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ขอให้กำลังใจนายกฯ หวังว่าการตัดสินจะผ่านพ้นไปด้วยดี เชื่อว่าสิ่งที่นายกฯทำเป็นเรื่องที่หวังดี แต่เมื่อทำอะไรไปแล้ว เราต้องยอมรับระบบการตัดสินของศาล ไม่ว่าการตัดสินจะออกมารูปแบบใด การเมืองจะอยู่หรือไป ข้าราชการต้องเดินหน้า ต้องเป็นมืออาชีพ เชื่อว่าไม่กระทบกับงานที่วางไว้แน่นอน ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลตั้งใจทำงาน ยังอยากจะทำงานอย่างต่อเนื่อง ขอยืนยันว่าเราพร้อมทำงาน ไม่ว่าจะอยู่กี่วันอยู่ตรงไหน ต้องทำงานให้เต็มที่ ความกังวลเรื่องการผ่านร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 69 เชื่อว่าไม่มีปัญหาเชื่อว่าทุกฝ่ายจะร่วมกันขับเคลื่อนระบบงบฯให้เดินหน้าต่อไปได้ศาล รธน.เอาผิดแพร่คลิป “นั่งลงลูก”วันเดียวกัน สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญออกเอกสารข่าวว่า ตามข่าวมีการเผยแพร่คลิปและข่าวในสื่อสารมวลชนหลายช่องทางอันเป็นเท็จบิดเบือนข้อเท็จจริง ในกระบวนการไต่สวนของศาลลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน ก่อให้เกิดความเสียหายต่อศาลรัฐธรรมนูญ เข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง และเข้าข่ายละเมิดอำนาจศาลตามมาตรา 38 และ มาตรา 39 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 และข้อ 10 และข้อ 11 ของข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2562 เมื่อวันที่ 26 ส.ค.68 สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้ดำเนินการทางกฎหมายกับ Facebook The Critics และ YouTube สถาบันทิศทางไทย ที่ได้เผยแพร่ข่าวอันเป็นเท็จบิดเบือนข้อเท็จจริงในกระบวนการไต่ส่วนของศาลตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550ปชน.จับตาถ้ารอดเล็งหารือยื่นซักฟอกที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรค ปชน.กล่าวถึงกรณีวันที่ 29 ส.ค. ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยคดีคลิปเสียงสนทนาของนายกฯ และ รมว.วัฒนธรรม กับสมเด็จ ฮุน เซนว่า หากมีคำวินิจฉัยอะไร จะส่งผลทางการเมืองอยู่มาก ฝ่ายค้านจะติดตามใกล้ชิด เมื่อถามว่าฝ่ายค้านจะวางแผนเตรียมเปิดอภิปรายรัฐบาลเลยหรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต้องแยกเป็น 2 ส่วน กรณีสถานการณ์ทุกอย่างกลับสู่ภาวะ ปกติ ฝ่ายค้านต้องเดินหน้าตรวจสอบต่อไป ก่อนหน้านี้พรรคร่วมฝ่ายค้านหารือแนวทางการสอบและการใช้มาตรการที่สำคัญ เช่น การอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 แต่มีเหตุแทรกแซงกรณีศาลรัฐธรรมนูญเข้ามาจึงต้องใคร่ครวญใช้ได้เพียงปีละครั้ง ถ้าเข้าสู่ภาวะปกติและมีคำตัดสินของศาลให้นายกฯรอด พรรค ปชน.จะพูดคุยกับพรรค ภท. และพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่นอย่างเป็นกิจลักษณะว่าจะมีการดำเนินการเมื่อไหร่ย้ำไม่ประสงค์เป็นส่วนหนึ่งของ รบ.นายรังสิมันต์กล่าวว่า แต่หากเกิดสิ่งที่ไม่คาดฝัน ก็คงต้องรอดูว่าสุดท้ายแล้วจะเกิดอะไรขึ้น พรรค ปชน.เคยเสนอไปก่อนหน้านี้ว่า ไม่อยากให้ประเทศไทยถึงทางตัน และไม่ควรมีใครพาไปถึงจุดนั้น พรรค ปชน.ขอย้ำเหมือนเดิมว่า เรามีข้อตกลง และมีการเสนอรูปแบบไปแล้ว ว่าเราไม่ได้มีจุดประสงค์ในการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลอย่างแน่นอน แต่เราพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ และไม่เกิดทางตัน ส่วนตัวขอย้ำว่าสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับประเทศ คือการคืนอำนาจให้กับประชาชน และไม่ว่าใครจะเป็นนายกฯ ต้องยอมรับว่าจะมีข้อครหาจากประชาชน การเลือกตั้งใหม่คือทางออกที่ดีที่สุด แต่พรรค ปชน.ไม่สามารถไปกำหนดทุกอย่างได้“หนิม” รับไม่เร่งสอบคดีตั๋วพีเอ็น “อิ๊งค์”เมื่อเวลา 11.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาฯ มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดของนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. ถาม รมว.คลังถึงความคืบหน้าการตรวจสอบตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือพีเอ็นของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯซื้อหุ้นจากญาติพี่น้องเพื่อเลี่ยงภาษี ล่าช้ายื่นไปตั้งแต่ มี.ค.68 ส่อว่า รมว.คลัง รมช.คลัง และอธิบดีกรม สรรพากร ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ โดยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ชี้แจงแทน รมว.คลัง ว่า ตั้งแต่รับเรื่องร้องเรียน มี.ค.68 สั่งให้อธิบดีกรมสรรพากรดำเนินการ ไม่ได้ละเว้นปฏิบัติหน้าที่หรือดึงเรื่อง กรมสรรพากรต้องหาข้อมูลเพิ่ม ทั้งแบบแสดงภาษีบุคคล ภาษีนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง การยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ข้อมูลผู้ถือหุ้นบริษัท ครบแล้วต้องเชิญคนทำธุรกรรมโอนหุ้น ผู้รับโอนมาให้ปากคำต้องตรวจสอบย้อนหลังตั้งแต่ปี 59 ไม่กล้าตอบใน 1 ปี จะเสร็จคงใช้เวลานาน เช่น คดีนักการเมืองฝั่งท่านถูกร้องเรียนโอนเงินสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ยังหาข้อเท็จจริงให้ครบ ให้ความเป็นธรรม ไม่ใช้เป็นเครื่องมือทำลายทางการเมือง กรณีนี้กรมสรรพากรไม่ได้เร่งแต่ไม่ช้า เป็นไปตามกระบวนการสภาประชุมลับถกเอ็มโอยู 43-44ต่อมาเวลา 13.45 น. ภายหลังที่ประชุมสภาฯพิจารณกระทู้ถามต่างๆเสร็จแล้ว เข้าสู่วาระการพิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่องให้สภาฯตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาเอ็มโอยู 43 และ 44 เกี่ยวกับปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชาที่มีผู้เสนอ 5 ญัตติ โดยพรรค ภท. 2 ญัตติ พรรค ปชน. พรรค พท.และพรรคเป็นธรรม พรรคละ 1 ญัตติ โดยนายวัชระพล ขาวขำ สส.อุดรธานี พรรค พท. เสนอให้ประชุมลับ เพราะเกี่ยวกับความมั่นคง แต่ถูก สส.ฝ่ายค้านทักท้วงให้ประชุมอย่างเปิดเผย ไม่ควรปิดหูปิดตาประชาชน นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. กล่าวว่า สิ่งควรระวังคือความมั่นคง เปราะบางที่กัมพูชาอยากรู้ รัฐธรรมนูญให้ประชุมลับได้ ไม่ใช่ปิดหูปิดตาประชาชน ควรคุยในวงจำกัด ยุทธศาสตร์ไม่ควรให้ข้าศึกรู้ ด้านนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรค ภท. แย้งว่าเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนอยู่ ควรให้ประชาชนรู้ความจริงภท.หนุนตั้ง กมธ.ศึกษาล้มเอ็มโอยูจากนั้น สส.รัฐบาลและฝ่ายค้านต่างแสดงความเห็นโต้แย้งกันไปมา ในที่สุดนายไชยา พรหมา รองประธานสภาฯ ประธานการประชุมวินิจฉัยให้ประชุมลับได้ โดยมีเสียง สส.รับรอง 196 คน หลังที่ประชุมสภาฯมีมติให้ประชุมลับ แต่อนุโลมให้ผู้เสนอญัตติเอ็มโอยู 43 และ 44 ทั้ง 5 คน ชี้แจงหลักการและเหตุผลการเสนอญัตติแต่ละคน ถึงตอนสมาชิกอภิปรายให้ประชุมลับ โดย น.ส.แนน บุญธิดา สมชัย สส.อุบล ราชธานี พรรค ภท. ชี้แจงว่า ความตั้งใจพรรค ภท. อยากให้ศึกษากฎหมายต่างๆทั้งในและต่างประเทศ นำผลศึกษามาให้ประชาชนตัดสินใจ เอ็มโอยู 44 นับตั้งแต่เซ็นยังไม่เคยมีผลสรุปได้แม้แต่ครั้งเดียว ผ่านไปกี่ปีคุยไม่จบ ควรตั้ง กมธ.มาพิจารณาศึกษา แล้วให้ประชาชนตัดสินใจ การยกเลิกไม่ใช่ล้างทุกอย่างทั้งหมด เหตุใดเราเป็นฝ่ายเดียวที่ยังกอดไว้ เป็นผลประโยชน์ทั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องอธิปไตย แต่คนที่ถูกกระทำวันนี้ มีแต่คนไทยและทหารไทยใช่หรือไม่ อยากให้ทุกคนร่วมกันตั้ง กมธ.ขึ้นมา“ณัฐพงษ์” ติงให้รอบคอบรื้อข้อตกลงนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค ปชน. ผู้เสนอญัตติ กล่าวว่า ขอสนับสนุนให้ตั้ง กมธ.มาศึกษาเอ็มโอยู 43 และ 44 ก่อนแล้วส่งต่อให้รัฐบาลชุดหน้าที่มาจากการเลือกตั้งและมีความชอบธรรมสูงกว่านี้พิจารณา เข้าใจดีถึงข้อกังวลของสมาชิกที่บอกเอ็มโอยูขาดประสิทธิภาพ แต่ถ้าจะรื้อกระบวนการทั้งหมด ต้องอย่าลืมผลกระทบด้วย กรอบการพิจารณาของ กมธ.ควรมี 4 ข้อ คือ 1.ศึกษาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเวทีระหว่างประเทศ 2.ศึกษาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับทวิภาคีเจรจาด้านเขตแดน 3.หากจะยกเลิกเอ็มโอยู ต้องมีกลไกอื่นมาแทนที่การเจรจาไทย-กัมพูชา 4.การตกลงด้านเขตแดนของประเทศ ระหว่างที่ขาดกลไกเดินหน้าปักปันเขตแดนทั้งสองประเทศ เห็นด้วยใช้กลไกสภาฯให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์สูงสุดในการเจรจา แต่อย่าลืมเยียวยาบาดแผลที่ฝังลึกของคนไทยจากการบริหารที่ผิดพลาดของรัฐบาล อยากให้สภาฯ ตั้ง กมธ.วิสามัญมาศึกษาอย่างรอบคอบ“นพดล” ห่วงยกเลิกมีผลเสียมากกว่าดีด้านนายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท.กล่าวนำเสนอญัตติว่า การยกเลิกเอ็มโอยู 43 มีข้อเสียมากกว่าข้อดี ทำให้การแก้ไขเขตแดนไม่มีกรอบเจรจา ไม่สามารถห้ามกัมพูชาไม่ให้เปลี่ยนแปลง สภาพแวดล้อมได้ ถ้าไปสร้างวัด โรงเรียนหรือตลาด ไม่สามารถประท้วงได้ อาจต้องใช้กำลังทหารผลักดัน เสี่ยงการปะทะต่อสู้ เมื่อไม่มีกรอบเจรจา ทำให้กัมพูชายกระดับเรื่องเขตแดนไปศาลโลก การมีเอ็มโอยู 43 ทำให้ไทยได้เปรียบ ไม่ได้คิดเอง กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงต่างประเทศแถลงชัดเจน เอ็มโอยู 43 ทำให้ไทยได้เปรียบ ส่วนเอ็มโอยู 44 เป็นสิ่งยืนยันเขตแดนและผลประโยชน์ทางทะเลให้กัมพูชาและไทยต้องเจรจาร่วมกัน กัมพูชาอยากเจรจาเรื่องผลประโยชน์แก๊สและน้ำมัน แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะเอ็มโอยูกำหนดให้ทำได้เมื่อเจรจาเรื่องเส้นเขตแดนร่วมกันไปด้วย ส่วนเฟกนิวส์ที่ระบุว่าอดีตนายกฯบอกหากตกลงไม่ได้ ให้แบ่ง 50 ต่อ 50 ไม่จริงและเป็นไปไม่ได้ มีบางคนกล่าวหาในโซเชียลมีเดียว่าเป็นเอ็มโอยูขายชาติ ไม่อยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริงและเหตุผล ยินดีหากสภาฯ มีมติตั้ง กมธ.ศึกษาระดมสมองรับฟังความเห็น หลังผู้เสนอญัตติชี้แจงครบถ้วนทุกคนแล้ว จึงเข้าสู่ขั้นตอนประชุมลับต่อไปสภาตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษา 3 เดือนต่อมาเวลา 17.50 น. ภายหลังการประชุมลับเสร็จสิ้นลง นายไชยา ประธานการประชุม แจ้งผลการประชุมลับว่า หลังการรับฟังการอภิปรายของสมาชิกแล้ว ตัวแทนวิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้านหารือกัน เห็นตรงกันให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาพิจารณาศึกษาเอ็มโอยู 43-44 จะมีการตั้ง กมธ.วิสามัญดังกล่าวในสัปดาห์หน้า เนื่องจากตัวแทนพรรคการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านขอระยะเวลาการสรรหาบุคคลมาดำรงตำแหน่งใน กมธ.วิสามัญนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. ประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า การอภิปรายในการประชุมลับเป็นไปด้วยดี มีผู้อภิปรายกว่า 10 คน ทุกฝ่ายเห็นตรงกันให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาข้อดี ข้อเสียเอ็มโอยู 43 และ 44 จำนวน 33 คน มาพิจารณารายละเอียดในเอ็มโอยู จะตั้ง กมธ.ชุดนี้วันที่ 4 ก.ย.มีกรอบเวลาศึกษา 3 เดือน แล้วส่งให้ที่ประชุมสภาฯรับทราบ เพื่อส่งให้รัฐบาลพิจารณาศึกษาว่าจะดำเนินการ อย่างไรต่อไป“อ้วน” ชี้เพิกถอนเขากระโดงสิ้น ก.ย.ชัดอีกเรื่องที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกฯ กล่าวถึงความคืบหน้าการเพิกถอนที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ อธิบดีกรมที่ดินคนใหม่ได้เซ็นหรือยัง ว่า ยัง ภายในสิ้นเดือน ก.ย.น่าจะชัดเจน ท่านเพิ่งมารับตำแหน่ง มีการประชุมและดูสภาพปัญหาทั้งหมด เราไม่ได้กระเหี้ยนกระหือรือผลีผลามจะทำ เราทำตามกระบวนการ ตามไทม์ไลน์น่าจะมีข่าวดีที่ชัดเจนช่วงสิ้นเดือน ก.ย. เมื่อถามถึงความชัดเจนของพื้นที่สนามฟุตบอลและสนามแข่งรถ ต้องรื้อถอนหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ต้องว่าตามกฎหมาย โดยอิงคำพิพากษาศาล ประชุมกับทุกส่วนแล้ว ตามไทม์ไลน์จะดำเนินการบางประการและเปิดโอกาสให้ทักท้วง กระบวนการทางกฎหมายเราจะเดินถึงที่สุด ส่วนการทักท้วงไปว่ากันที่ศาลได้ที่ดินหลัง พ.ร.ฎ.สร้างทางรถไฟผิด ก.ม.เมื่อถามย้ำว่าหมายความว่าจะเพิกถอนก่อนค่อยทักท้วงทีหลัง หรือจะเปลี่ยนเป็นการเช่า นายภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นคนละขั้นตอน อยู่ๆไปตัดสินไม่ได้ สมมติถ้าเราไปอยู่ที่ดินหลวง ใครเป็นเจ้าของพื้นที่เขาเป็นคนตัดสินใจ หากมีฝ่ายที่อยากเปลี่ยนแปลง หรืออยากขอความเยียวยาอะไรตามกฎหมายที่ทำได้ ต้องให้ผู้มีอำนาจเป็นเจ้าของที่แปลงนั้น ว่าไปตามสิทธิ์ของแต่ละคน ใครมีหลักฐานได้ที่ดินมาก่อนมี พ.ร.ฎ.กำหนดเขตสร้างทางรถไฟหลวง หรือก่อนพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานว่าไป แต่ถ้ามาหลังจากนั้นไม่ว่าจริงหรือไม่ผิดกฎหมายทั้งนั้น ส่วนจะผิดกฎหมายขั้นตอนที่ต้องดำเนินการอย่างไรว่าอีกเรื่อง เพราะหากพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานเป็นที่หลวงมาตั้งแต่ต้น พ.ร.ฎ.ที่ออกมาในรัชกาลที่ 6 ประกาศชัดเจนว่าที่ดินแปลงนี้เป็นของหลวงลั่นมีหน้าที่ทำตามคำพิพากษานายภูมิธรรมกล่าวว่า ที่ดินแปลงนี้เป็นของหลวง สิ่งที่ศาลต้องการให้ทำอย่างเดียวคือปรับให้มาตราส่วนของกรมที่ดินและการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ตรงกัน เกือบจะเรียบร้อยแล้ว ถือว่าเรียบร้อยแล้วได้ เพราะหลังจากนี้ได้รังวัดใหม่ ไปดูแล้วมาปรับกันแล้ว ถ้า 2 ฝ่ายชัดเจนจะเป็นแผนที่ประกอบการดำเนินการและประกาศให้ผู้อยู่ในพื้นที่รับทราบ ให้รู้ว่าถูกกล่าวหาว่าเข้ามาในที่ดินของหลวง โฉนดต่างๆที่ได้มาต้องถือว่าได้มาโดยมิชอบ จะตรงไหน ใครจะรับผิดชอบว่าไป ถ้าชัดเจนทั้งหมด กรมที่ดินประกาศยกเลิกโฉนดเดิมแล้วให้ไปเรียกร้องเอา เมื่อถามว่าจะใช้ช่องทางมาตรา 61 วรรค 8 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เพิกถอนที่ดินใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า คงหลายส่วน เล่ากระบวนการไปแล้ว ขั้นตอนมีหลายอย่าง ต้องตั้งกรรมการขึ้นมา และยังมีกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อีก ต้องว่าไปตามนั้น ตนมีหน้าที่ทำให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาล กระบวนการหลังจากนี้เป็นเรื่องของกรมที่ดิน รฟท.และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่ได้รับผลกระทบขอบคุณอียูช่วยเหยื่อปะทะไทย–กัมพูชาต่อมาเวลา 13.00 น.นายภูมิธรรมให้การต้อนรับนายเดวิด เดลี เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรป (EU) ประจำประเทศไทย ในโอกาสอำลาตำแหน่งเป็นทางการ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า นายภูมิธรรมขอบคุณและชื่นชมบทบาทของเอกอัครราชทูตสหภาพยุโรป ที่มีส่วนสำคัญส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสหภาพยุโรป ขอบคุณสหภาพยุโรปที่สนับสนุนงบฯช่วยเหลือพลเรือนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ ไทยยึดมั่นในกติกาสากล และพร้อมทำงานเคียงข้างสหภาพยุโรปหุ้นส่วนสำคัญ ผลักดันความร่วมมือทุกมิติ อาทิ การปราบปรามยาเสพติด อาชญากรรมทางไซเบอร์ ด้านนายเดวิดยืนยันความพร้อมของสหภาพยุโรปที่จะสนับสนุนและร่วมมือกับไทยอย่างใกล้ชิด เสียใจต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบ เชื่อมั่นว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถแก้ไขสถานการณ์ผ่านสันติวิธี นำไปสู่ความมั่นคงและสันติภาพที่ยั่งยืนในระยะยาว รวมทั้งได้แสดงความพร้อมสนับสนุนการเจรจา FTA ระหว่างกัน“ลุงป้อม” ทำข้าวหน้าไก่เลี้ยง “อนุทิน”เมื่อเวลา 13.00 น.ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค ภท. นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพปชร.นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพปชร.โดย พล.อ.ประวิตร ลงมือทำข้าวหน้าไก่เลี้ยงต้อนรับ บรรยากาศเป็นกันเอง โดยนายอนุทินชมว่าอร่อย พร้อมกันนี้ได้พูดคุยสถานการณ์บ้านเมือง รวมถึงปัญหาเรื่อง MOU43-44 นอกจากนั้น พล.อ.ประวิตร ยังให้ข้าวหน้าไก่กับนายอนุทินนำกลับไปทานที่บ้านด้วยปิดประตูนิรโทษ ม.112 เด็กต่ำกว่า 18 ปีเมื่อเวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เสริมสร้างสังคมสันติสุข มีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธาน กมธ.ฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุมพิจารณามาตรา 3 ที่เสนอให้มีข้อยกเว้นนิรโทษกรรมคดีมาตรา 112 ให้เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ต่อมาเวลา 17.40 น.นายยุทธพรกล่าวว่า ที่ประชุมมีมติให้แก้ไขประเด็นถ้อยคำตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาแนะนำในการเขียนกฎหมายปรับถ้อยคำและคำเชื่อมเพียงเล็กน้อย แต่ไม่ปรับหรือแก้ไขเนื้อหาสาระสำคัญ และไม่ได้เพิ่มเงื่อนไขการนิรโทษกรรมคดีมาตรา 112 แก่เยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี ตามที่มีการเสนอมาสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนเงื่อนไขระยะเวลาที่จะครอบคลุมการบังคับใช้ยังไม่ได้ข้อสรุป ขอให้ กมธ.แต่ละคนไปศึกษาและกลับมาพิจารณาร่วมกันอีกครั้งสัปดาห์หน้าผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุม กมธ.เพื่อพิจารณามาตรา 3 ที่มีเนื้อหาไม่ให้มีการนิรโทษกรรมในคดีทุจริต คดีความผิดทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและคดีความผิดมาตรา 112 ที่ประชุมพิจารณาข้อเสนอของ น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม.พรรค ปชน. ที่เสนอให้นิรโทษกรรมคดีมาตรา 112 แก่เยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี ขณะที่นายวิชัย สุดสวัสดิ์ สส.ชุมพร พรรครวมไทยสร้างชาติ เสนอให้คงเนื้อหาตามหลักการเดิม ไม่มีแก้ไขโดยให้ลงมติโหวต ที่ประชุมเห็นด้วยกับข้อเสนอนายวิชัย 15 ต่อ 8 คะแนน และงดออกเสียง 1 คือนายณัฐวุฒิอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่