“แพทองธาร” ส่งตัวแทนไปศาลรัฐธรรมนูญ เข้าทำเนียบฯปักหลักฟังคำวินิจฉัยคดีคลิปเสียง “ฮุน เซน” พร้อม รมต.-สส.เพื่อไทยก่อนเปิดใจแถลงข่าว ลูกหาบจับกลุ่มลุ้นนายกฯ รอดพ้นวิกฤติย้ำเชื่อมั่นเจตนาดีเลี่ยงความรุนแรง ไร้เจตนาร้ายต่อประเทศ “สมคิด” บอกวิปรัฐบาลคอนเฟิร์มพรรคร่วมรัฐบาลเหนียวแน่น ไม่ว่าผลออกบวกหรือลบจับมือลุยต่อไม่มีพลิกขั้ว เมินข่าวปั่นทุ่ม 2 พันล้านซื้อมือโหวตหนุนนายกฯค่าย ภท. หยันถึงอย่างไรเสียงก็ไม่พอ “ภูมิธรรม” หารือทูตจีนพร้อมร่วมมือทุกมิติ เผยดีเอสไอจ่อรับปมเขากระโดงเป็นคดีพิเศษน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม จัดคิวส่งตัวแทนไปศาลรัฐธรรมนูญฟังคำวินิจฉัยคดีคลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โดยเจ้าตัวจะเข้าทำเนียบรัฐบาลปักหลักฟังคำวินิจฉัยพร้อมกับ รมต.และ สส.พรรคเพื่อไทย ขณะที่พรรค พท.เชื่อมั่นว่านายกฯจะพ้นคดี ยืนยันพรรคร่วมรัฐบาลยังคงจับมือกันแน่นเดินหน้าต่อไป“อิ๊งค์” เล็งเข้าทำเนียบฯ ลุ้นคำวินิจฉัยเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 27 ส.ค.ที่กระทรวงวัฒนธรรม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.วัฒนธรรม เป็นประธานประชุมคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2568 เพื่อประกาศผลการคัดเลือกศิลปินแห่งชาติ พุทธศักราช 2567 โดยน.ส.แพทองธารมีท่าทีผ่อนคลาย สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส กล่าวสวัสดีคณะกรรมการและทักทายสื่อมวลชนก่อนเปิดประชุมว่า เราไม่ได้เจอกันมาพักหนึ่งผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 29 ส.ค.ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยคดีคลิปสนทนาของน.ส.แพทองธาร ในเวลา 14.30 น. น.ส.แพทองธารจะเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อรอฟังคำวินิจฉัยเวลาใน 15.00 น. รมต.พรรคเพื่อไทยจะเข้าไปร่วมรับฟังคำวินิจฉัยด้วย เมื่อศาลอ่านคำวินิจฉัยเสร็จสิ้นแล้ว น.ส.แพทองธารจะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนพท.หวังนายกฯผ่านพ้นวิกฤติ ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทย (พท.) ว่าระหว่างการประชุมสภาฯ สส.พรรค พท.ได้จับกลุ่มคุยถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคดีคลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ในวันที่ 29 ส.ค. ต่างมีความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันคือเชื่อมั่นในเจตนาดีของ น.ส.แพทองธารที่พูดคุย เพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรง ไม่มีเจตนาร้ายต่อประเทศ และหวังว่า น.ส.แพทองธารจะผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้ รวมถึงมีการพูดคุยกันถึงการเตรียมตัวนัดหมายเพื่อไปให้กำลังใจ น.ส.แพทองธารในการฟังคำวินิจฉัยดังกล่าวพรรคร่วมฯ ปึ้กพร้อมโหวต “ชัยเกษม”เมื่อเวลา 11.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า นายกฯจะส่งตัวแทนไปฟังคำวินิจฉัยที่ศาลรัฐธรรมนูญและจะเดินทางมายังทำเนียบรัฐบาลวันที่ 29 ส.ค. ช่วงเวลา 12.00 น. เพื่อมาฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จะมีรัฐมนตรีมารอและร่วมนั่งฟังด้วย จากนั้นเวลา 15.00 น. สส.พรรคพท.จะมาให้กำลังใจ ไม่ว่าผลออกมาบวกหรือลบไม่ใช่ปัญหา มาให้กำลังใจอยู่ดี ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าหาก น.ส.แพทองธารไปต่อไม่ได้ จะมีการทุ่มเงิน 2 พันล้านบาทซื้อ สส.มาโหวตให้ฝั่งตัวเอง เรื่องจริงไม่น่าเป็นเช่นนั้น เพราะคะแนนเสียงพรรคร่วมรัฐบาลยังเป็นตัวเลขเดิม หากผลออกมาเป็นลบโหวตนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯอีกคนของพรรค พท. แต่ถ้าเป็นบวกทำงานต่อ ยืนยันรัฐบาลไม่ได้วิตกอะไร พรรคร่วมรัฐบาลยังจับมือกันแน่น ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร ได้คุยกับวิปรัฐบาลแล้วเมื่อวันจันทร์ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา ส่วนคนที่คาดหวังว่าจะซื้อโน่นซื้อนี่มาเพื่อเป็นนายกฯ หวังกันไป แม้เสียงจะไม่เยอะมาก แต่เราเลือกนายกฯ ได้เหมือนเดิม ส่วนเรื่องซื้อเสียงคิดได้ แต่ทำไม่ได้เชื่อไม่พลิกขั้วเย้ย ภท.เสียงไม่พอเมื่อถามว่าไม่กังวลว่าจะมีการพลิกขั้วใช่หรือไม่ นายสมคิดกล่าวว่า ไม่มี จะไปพลิกทำไม สมมติพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เสนอชื่อ ถ้าพรรค พท.ไม่ยกมือให้แล้วจะไปอย่างไร พรรคประชาชน (ปชน.) จะเลือกหรือ ถ้าเลือกแล้วจะพอหรือไม่ อัตราเสี่ยงสูงมากกว่าเดินไปแบบนี้แหละ ส่วนรัฐบาลจะครบเทอมหรือไม่เป็นอีกเรื่อง จะอยู่นานหรือไม่อยู่ที่ผลงาน ไปตัดสินกันที่สนามเลือกตั้งดีกว่า ขอให้ฝ่ายค้านอดทนอีกนิด เชื่อว่าไม่เกินเดือน พ.ค. 70 ได้เลือกตั้งแน่นอน อย่าไปรีบร้อน อยากฝากไปถึงคนที่ปั่นข่าว 2 พันล้านบาทเก็บเงินไว้ให้ลูกกินขนมดีกว่า เมื่อถามว่าหากคำตัดสินออกมาเป็นบวกรัฐบาลจะเดินหน้าต่อได้อีกนานหรือไม่ มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ผลงานไม่ออก นายสมคิดกล่าวว่า ผลงานต้องทยอยออกอยู่แล้ว เช่น ยาเสพติด รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายเดี๋ยวก็ออก ช้าแค่ตรงกฎหมายไม่ถอนแจ้งความเอาผิด “ฮุน เซน”นายสมคิดกล่าวอีกว่า จากที่ได้แจ้งความต่อกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ดำเนินคดีกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา กรณีเผยแพร่คลิปเสียงสนทนากับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และรมว.วัฒนธรรม เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ยืนยันเรื่องนี้ไม่ได้เงียบ วันที่ 27 ส.ค. ตนได้ไปให้ปากคำต่อสำนักงานอัยการสูงสุดฝ่ายคดีพิเศษแล้ว ความผิดทางคอมพิวเตอร์ไม่ใช่เรื่องใหญ่มาก แต่ความผิดด้านความมั่นคงถอนแจ้งความไม่ได้ จึงไปยืนยันในเอกสารว่าจะไม่ถอนแจ้งความ คาดขั้นตอนเอกสารจะจบภายในสัปดาห์นี้คงจะมีการแจ้งไปยังผู้ถูกกล่าวหาคือสมเด็จฮุน เซน ที่อยู่ต่างประเทศ ขั้นตอนต่อไปคงออกหมายจับอวยนายกฯกลางสภาฯให้รอดคดีเมื่อเวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาฯ มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม เปิดให้หารือปัญหาความเดือดร้อนประชาชน นายวรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์ สส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย หารือปัญหาสถานการณ์สู้รบแนวชายแดน พื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี บ้านเรือนพังกว่า 80 หลัง แต่จังหวัดเยียวยาเรียบร้อยแล้วตามมติ ครม. ขอบคุณนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย ที่อนุมัติงบฯ 5,000 บาทต่อครัวเรือน สถานการณ์ขณะนี้ย่ำแย่ จะขาดผู้นำไม่ได้ วันที่ 29 ส.ค.จะตัดสินคดี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ขอให้ท่านนายกฯปลอดภัยทุกสิ่ง กลับมาเป็นนายกฯขวัญใจประชาชนต่อไปเปิดศึกแต่หัววันตั้งแต่เริ่มประชุมกระทั่งถึงคิวนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรค พท. หารือความเดือดร้อนประชาชน เป็นคนสุดท้าย โดยใช้เวลากว่า 5 นาที ทำให้นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ประท้วง เพราะปกติจะได้เวลาคนละ 2 นาทีเท่านั้น โดยระบุว่า นายครูมานิตย์พูดวนเวียนซ้ำซากไปมา ถ้าดูจากหน้าจอตอนนี้ มีผู้มาประชุม 240 คน ยังไม่ครบองค์ประชุม 246 คน เห็น สส.หลายคนไปโพสต์ว่า สส.ฝ่ายค้านไม่ยอมมาลงชื่อเข้าประชุม ขอบอกแบบไม่เม้มว่าตนมาแล้ว แต่ไม่ลงชื่อ เพราะถ้าลงชื่อจะไม่มีทางรู้ว่า สส.รัฐบาลรับผิดชอบต่อหน้าที่หรือไม่ ขอใช้คำพูดนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. ประธานวิปรัฐบาล ที่บอกว่าขี้เกียจสันหลังยาวหรือเปล่า ทำให้นายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส.ชุมพร พรรครวมไทยสร้างชาติ ประท้วงว่าสิ่งที่นายวิโรจน์บอก สส.รัฐบาลสันหลังยาว ขอให้เข้าใจว่าพื้นที่ฝั่งธนฯฝนตก รถติดมาก อย่ามาเล่นการเมืองให้มากเกินไป เอาดีเข้าตัวเอาชั่วให้คนอื่น ประชาชนรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ขณะที่นายวัชระพล ขาวขำ สส.อุดรธานี พรรค พท. กล่าวเสริมว่า ใน กทม.มี สส.พรรค พท.คนเดียว ที่เหลือมาจากฝ่ายค้านทั้งหมด หาก สส.ฝ่ายค้านไม่เป็นองค์ประชุมคงต้องตอบคำถามสังคมเอง ส่วน สส.ฝ่ายค้านขึ้นมาตอบโต้ สส.ฝั่งรัฐบาลจนโต้เถียงกันไปมา ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ ประธานการประชุมรีบตัดบทเข้าสู่วาระการประชุมสภาผ่านร่าง พ.ร.บ.ตั๋วร่วมฯต่อมาเวลา 11.00 น. เข้าสู่วาระการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม ในวาระ 2-3 ต่อเนื่องจากการประชุมสัปดาห์ที่แล้ว ก่อนเข้าสู่การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ขอให้ประธานให้คำมั่น อย่าสั่งปิดประชุมเหมือนสัปดาห์ที่แล้ว ถ้าจะปิดประชุมต้องหารือร่วมกันทุกฝ่ายก่อน ขอคำยืนยันจะไม่เกิดเหตุการณ์สั่งปิดประชุมเกิดขึ้นอีก ไม่ใช่เรื่องการประสานงานผิดพลาดแน่ๆ ลูกหาบอย่าโทษฝ่ายค้าน ถ้ามีประเด็นพาดพิงฝ่ายค้าน การประชุมวันนี้ไม่ราบรื่นแน่ ขณะที่วันมูหะมัดนอร์ตอบว่า ถ้าองค์ประชุมครบทุกอย่างก็ประสานกันด้วยความเรียบร้อย อยากพิจารณากฎหมายให้ได้มากที่สุด จากนั้นจึงเข้าสู่การลงมติมาตรา 35 ร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม ซึ่งเป็นไปอย่างขลุกขลัก เพราะ สส.ฝ่ายค้านไม่ร่วมแสดงตนเป็นองค์ประชุมให้ ต้องเสียเวลารอ สส.ฝ่ายรัฐบาลมาแสดงตนเป็นองค์ประชุมเกือบ 10นาที จึงมีผู้มาแสดงตน 248 คน เกินองค์ประชุม 246 คน อย่างฉิวเฉียดเพียง 2 เสียงเท่านั้น ภายหลัง สส.อภิปรายครบถ้วนทั้ง 54 มาตราแล้ว ที่ประชุมจึงลงมติเห็นชอบผ่านร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม วาระ 3 ด้วยคะแนน 382 ต่อ 0 งดออกเสียง 2 ไม่ลงคะแนน 5สส.ติงรถไฟฟ้า 20 บาทอุ้มแค่คน กทม.ต่อมาเวลา 13.00 น. เข้าสู่การพิจารณาร่างพ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย วาระ 2-3 ตามที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ พิจารณาเสร็จแล้ว มีทั้งหมด 10 มาตรา มีสาระสำคัญคือ การปรับปรุงวัตถุประสงค์และข้อบังคับของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนให้เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนประเทศให้มีความต่อเนื่อง เชื่อมโยงกัน โดยการพิจารณาแต่ละมาตราต้องลุ้นองค์ประชุมแบบใจหายใจคว่ำ เนื่องจาก สส.ฝ่ายค้านไม่ร่วมแสดงตนเป็นองค์ประชุมในทุกมาตรา ทำให้แต่ละมาตรามีเสียงเกิน องค์ประชุมมาเพียง 3-5 เสียงเท่านั้น โดยการอภิปรายที่สมาชิกให้ความสนใจมากที่สุดคือ มาตรา 8 ที่ให้นำรายได้ของ รฟม. หลังหักค่าใช้จ่ายต่างๆแล้ว นำมาเป็นรายได้ของรัฐ สส.หลายคนแสดงความเป็นห่วงการนำรายได้ รฟม.ส่งให้รัฐ เพื่อนำไปใช้อุดหนุนค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย อาจถูกมองเป็นการนำเงินของรัฐไปอุ้มเฉพาะคน กทม. ที่มีคน 2 ล้านคน ใช้รถไฟฟ้า ทั้งที่รัฐมีหน้าที่นำงบประมาณไปดูแลประชาชน 70 ล้านคนทั่วประเทศ อาจกระทบต่อวินัยการเงินการคลังประเทศโหวตผ่านวาระสาม ก.ม.รฟม.ขณะที่นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ประธาน กมธ.ฯชี้แจงว่าโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายเป็นประโยชน์กับคนทั้งประเทศ ไม่ได้อุ้มเฉพาะคนกทม. ใน กทม.ไม่ได้มีเฉพาะคนกรุงเทพฯ แต่มีคนต่างจังหวัดอาศัยอยู่จำนวนมาก จึงเป็นประโยชน์กับคนทั้งประเทศ หลังจาก สส.อภิปรายครบทั้ง 10 มาตรา ที่ประชุมลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าววาระสามด้วยคะแนน 248 ต่อ 151 ไม่ลงคะแนน 1 เสียง ส่งให้วุฒิสภาพิจารณาต่อไป“นพรุจ” ให้กำลังใจศาล รธน.ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ถนนแจ้งวัฒนะ นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำพิราบขาว 2006 ยื่นหนังสือให้กำลังใจตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โดยนายนพรุจกล่าวว่า สถานการณ์ของประเทศเข้าสู่ภาวะวิกฤติหลายด้าน ประชาชนได้รับผลกระทบโดยตรง มีเรื่องเกี่ยวข้องกับนายกฯ จนเกือบเข้าสู่สภาวะวิกฤติความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล และความเชื่อมั่นความศรัทธาต่อนักการเมือง พฤติกรรมของนายกฯแสดงถึงความอ่อนด้อยในการบริหาร ขอมอบกำลังใจให้คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในการทำหน้าที่เพื่อดำรงไว้ซึ่งความมั่นคงของชาติ และรักษาไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ ความถูกต้อง ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญที่ให้นักการเมือง และคณะผู้บริหารบ้านเมืองต้องมีคุณธรรมมีมาตรฐานทางจริยธรรมมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์กมธ.ตามน้ำมันกองทัพหาย 2 แสนลิตร เมื่อเวลา 11.10 น. ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาฯ นำโดยนายเอกราช อุดมอำนวย สส.กทม.พรรค ปชน.ประธาน กมธ.และนายเชตวัน เตือประโคน สส.ปทุมธานี พรรค ปชน.รองประธาน กมธ. ร่วมแถลงปัญหาน้ำมันเชื้อเพลิงของหน่วยทหารในพื้นที่ จ.สระบุรีและ จ.นนทบุรี สูญหายนานหลายปีไม่คืบหน้า โดยนายเชตวันกล่าวว่า ปลายปี 66 ผอ.กองเชื้อเพลิงคนใหม่เข้ารับตำแหน่ง พบน้ำมันกรมพลาธิการทหารบก จ.นนทบุรีหายไปจากคลังจัดเก็บ 1 หมื่นลิตร ไม่กล้าเซ็นรับ ไม่มีรายงานสอบสวน ยื้อไปจนมีการสั่งซื้อน้ำมันจากเอกชนรายใหญ่ลงวันที่ 9 พ.ย.66 รวม 9,000 ลิตรนำส่งคืนคลังวันที่ 10 พ.ย.66 จนวันที่ 28 ก.ค.68 กองทัพถึงสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน อีกกรณีน้ำมันดีเซลหายจาก มทบ.ที่ 18 จ.สระบุรีกว่า 215,000 ลิตรในปี 65 กมธ.เคยทำหนังสือทวงถามถึง รมว.กลาโหมและ ผบ.ทบ.ถึง 3 ครั้ง ผ่านมา 3 ปียังไม่คืบ กมธ.ไม่ได้รับความร่วมมือจากกองทัพ และ รมว.กลาโหมขอใช้อำนาจของ กมธ.ทำหนังสือถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อให้ 2 หน่วยงานช่วยแสวงหาข้อเท็จจริงต่อไปนายเอกราชกล่าวว่า วันที่ 28 ส.ค. กมธ.ทหารฯ จะเชิญตัวแทน มทบ.18 และกรมพลาธิการทหารบกเข้าชี้แจง หากไม่มาชี้แจง กมธ.คงต้องใช้ พ.ร.บ.อำนาจเรียกฯ ให้มาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อไป“เบนจามิน” ขอสัญชาติไทยว่าตามเนื้อผ้าเมื่อเวลา 11.00 น. ที่กระทรวงมหาดไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว. มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกฯกล่าวถึงกรณีกรมการปกครองเสนอเรื่องขอสัญชาติไทยของนายเบนจามิน เมาเออร์ เบอร์เกอร์ นักธุรกิจชาวแอฟริกาใต้ นายหน้าขายเครื่องบินให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มาให้ รมว.มหาดไทยพิจารณาว่า ไม่เคยได้ยินชื่อไม่รู้จัก ยังไม่ทราบเรื่อง ถ้ามาว่าไปตามกฎหมาย หากมีสิทธิ์ขอได้ ถ้ามีปัญหาด้านกฎหมายก็ไม่ให้อนุมัติหรือไม่อยู่ที่เรา ต้องผ่านหลายขั้นตอน เมื่อถามว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล อดีตรองนายกฯและ รมว.มหาดไทย ระบุว่าเคยเสนอมายุคนายอนุทิน แต่เอกสารไม่ครบ นายภูมิธรรมตอบว่า ไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องค้างเก่าตนไม่ใช่คนซอกแซกหาประเด็นมาทำงาน ถ้าชัดเจนมีอะไรขึ้นมาจะดำเนินการตามเนื้อผ้า เมื่อถามว่า เรื่องนี้เชื่อมโยงนายทักษิณด้วย นายภูมิธรรมตอบว่า ทุกอย่างเชื่อมโยงตลอด แต่ไม่เชื่อมโยงการทำงานของตนและกระทรวงมหาดไทยดีเอสไอจ่อรับเขากระโดงเป็นคดีพิเศษเมื่อถามว่า พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้ารายงานปัญหาที่ดินเขากระโดงเมื่อวันที่ 26 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล จะมีการรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ขึ้นอยู่กับอธิบดีดีเอสไอ ถ้าเข้าเงื่อนไขและอยู่ในอำนาจของดีเอสไอก็ดำเนินการได้ แต่หากต้องการความชัดเจน หรือต้องการการอนุมัติจากคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) อันนี้ค่อยนัดอีกที แต่อธิบดีดีเอสไอยังไม่มีการเสนออะไร เมื่อวันที่ 26 ส.ค. ตนเพียงอยากฟังว่าอะไรเป็นอะไร จึงให้มารายงานให้ทราบ ได้กำชับให้ยืนยันในหลักกฎหมาย อย่าไปคิดกลั่นแกล้งใคร ให้ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงและความเป็นจริง ถ้าผิดกฎหมายดำเนินการ แต่ถ้าไม่ผิดไม่มีอะไรต้องทำ เมื่อถามว่ากรมที่ดินได้ดำเนินการเพิกถอนที่ดินเขากระโดงแล้วหรือยัง นายภูมิธรรมตอบว่า ยังไม่ทราบ แต่ขณะนี้เขาทำหน้าที่อยู่ ถ้าชัดเจนคงประกาศ เมื่อถามว่าตั้งแต่วันที่ มท.1 ประกาศจะเพิกถอนที่ดินเขากระโดงจนถึงวันนี้มีความคืบหน้าแล้วหรือยัง นายภูมิธรรมตอบว่า ทำไปเยอะแล้ว ถ้าชัดเจนเขาคงจะบอก ตอนนี้เป็นหน้าที่เขา ไม่ได้แทรกแซงทูตจีนพบ มท.1 พร้อมร่วมมือทุกมิติต่อมาเวลา 13.30น. ที่ห้องดำรงราชานุภาพ ชั้น 2 ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจางเจี้ยน เว่ย์ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยเข้าเยี่ยมคารวะนายภูมิธรรม โดยให้สัมภาษณ์ว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่นายภูมิธรรมให้โอกาสพบ แม้ได้มาปฏิบัติหน้าที่ที่ประเทศไทยเมื่อวันที่ 29 ก.ค. เป็นระยะเวลาไม่นาน แต่ได้สัมผัสถึงมิตรภาพระหว่างไทย-จีน กับคำกล่าวที่ว่า “จีน-ไทย” คือครอบครัวเดียวกัน ปีนี้ครบรอบ 50 ปีของการสถาปนาทางการทูตระหว่างจีน-ไทย เป็นปีทองมิตรภาพจีน-ไทย โอกาสพิเศษเช่นนี้ที่ได้มาดำรงตำแหน่งที่ไทยรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง รู้สึกว่ามีหน้าที่สำคัญอย่างยิ่ง อีก 50 ปีข้างหน้าอนาคตระหว่างไทย-จีนจะนำมาซึ่งความสดใส ในอนาคตจะรักษาการติดต่อสื่อสารกับทุกภาคส่วนของไทยอย่างใกล้ชิด เพื่อผลักดันความร่วมมือในหลายมิติโดยผู้นำทั้งสองประเทศ เพื่อผลักดันการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันระหว่างจีน-ไทยอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ผลักดันความร่วมมือหลากหลายด้าน เพื่อสร้างความผาสุกให้กับประชาชนทั้งสองประเทศ หวังว่าจะได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนของประเทศไทยอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่