"นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ แถลงผลสำรวจเมื่อวันอาทิตย์เรื่อง “สถานการณ์ไทย–กัมพูชา ไปต่อแบบไหนดี” ต้องถือเป็นโพลประวัติศาสตร์ เมื่อ คนไทยกว่า 80%ระบุว่า “ไม่ไว้วางใจรัฐบาลไทย” ในเรื่อง การปกป้องผลประโยชน์ของชาติ กรณีความขัดแย้งระหว่างไทย–กัมพูชา ถ้าเป็นนักการเมืองในประเทศประชาธิปไตยที่มีความรับผิดชอบสูง นายกฯต้องลาออกหรือยุบสภาแล้ว ยื้อเป็นรัฐบาลต่อไปความไม่พอใจของประชาชนจะเพิ่มมากขึ้น ทุกวันนี้ประเทศไทยก็เหมือนไม่มีนายกฯอยู่แล้ว เพราะนายกฯถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งพักงาน ก็ยังดีที่รัฐบาลปล่อยให้กองทัพดูแลความมั่นคงชายแดนไปดูผล “นิด้าโพล” กันครับ คนไทยคิดอย่างไรต่อรัฐบาลชุดปัจจุบันคำถามแรก “ความไว้วางใจ” ต่อภาคส่วนต่างๆว่า จะสามารถปกป้องผลประโยชน์ของชาติได้ จากกรณีความขัดแย้งระหว่างไทย– กัมพูชา ปรากฏว่า “กองทัพ” ได้รับ ความไว้วางใจ สูงสุด 95.04% โดยไว้วางใจมาก 75.73% ค่อนข้างไว้วางใจ 19.31% เทียบกับ “รัฐบาลไทย” ที่ได้รับ “ความไว้วางใจ” เพียง 16.11% แต่ได้รับ “ความไม่ไว้วางใจ” สูงถึง 83.59% โดย ไม่ไว้วางใจเลยเกินครึ่ง 54.58% ไม่ค่อยไว้วางใจ 29.01% น่าจะเป็นรัฐบาลแรกในประวัติศาสตร์ที่ไม่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนคนไทยมากมายขนาดนี้วัดตามเปอร์เซ็นต์นี้ ถ้ามีการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ พรรครัฐบาลแพ้แน่นอนไปดูอีกคำถามเรื่อง “ความพอใจ” ต่อบทบาทของภาคส่วนต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย–กัมพูชา ผลสำรวจพบว่า คนไทยมี “ความพอใจ” ต่อบทบาทของ “กองทัพ” สูงถึง 95.25% สูงอย่างไม่เคยมีมาก่อน 75.42% ระบุว่าพอใจมาก รองมา 19.85% ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ในขณะที่ ประชาชน 81.83% ระบุว่า ไม่พอใจการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาของรัฐบาล ไม่พอใจเลย 54.43% ไม่ค่อยพอใจ 27.40% ที่พอใจมีเพียง 18.02% เท่านั้นกระทรวงต่างประเทศ ก็เป็นกระทรวงที่คนไทยไม่ไว้วางใจ โดยไม่ไว้วางใจกระทรวงการต่างประเทศสูงถึง 75.04% และ ไม่พอใจผลงานกระทรวงการต่างประเทศสูงถึง 73.97% แย่พอๆกับรัฐบาล ถ้าไม่ได้ทหารไปช่วย ไทยอาจแพ้กัมพูชามากกว่านี้แม้จะเป็นผลโพลจากตัวอย่างไม่กี่พันคน แต่คะแนนที่ห่างกันสุดเหวี่ยงเกือบสองเท่าตัวเช่นนี้ สะท้อนถึงความไม่ไว้วางใจรัฐบาลชุดนี้ชัดเจน ทุกคนก็รู้ รัฐบาลเช่นนี้บริหารประเทศไปต่อได้ยาก การประชุมสภาผู้แทนก็ล่มแล้วล่มอีก ประธานต้องชิงปิดการประชุมมาไม่รู้กี่นัด ถ้าดันทุรังเป็นรัฐบาลต่อไป ประเทศไทยจะไปต่อไม่ได้ ตั้งแต่เพื่อไทยเป็นรัฐบาลมาสองปีเศษ ธุรกิจเอสเอ็มอีล้มตายไปมากมาย สภาหอการค้าฯ สภาอุตสาหกรรมฯ สมาคมธนาคารไทย ระดมสมองจัดทำ “สมุดปกขาว” ชี้แนวทางแก้ปัญหามอบให้ นายกฯเพื่อไทย ไม่รู้กี่ฉบับแล้ว แต่ไม่เคยได้รับการตอบสนองสักครั้งเดียว รัฐบาลหมกมุ่นที่จะตั้ง บ่อนกาสิโน เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ การจัดแข่งรถสูตร 1 การจัดคอนเสิร์ตจากต่างชาติ ที่ใช้เงินลงทุนมหาศาล ซึ่งไม่รู้ใครได้ประโยชน์เมื่อเป็น รัฐบาลที่ประชาชนไม่ไว้วางใจ แล้วเราจะมีรัฐบาลเช่นนี้ต่อไปเพื่ออะไร?คุณปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ก็เพิ่งออกมาร้องขอรัฐบาล ชาวนากำลังเดือดร้อนอย่างหนัก จากราคาข้าวเปลือกตกต่ำ ภาคกลางร่วงหนักเหลือ 5,300–5,800 บาทต่อตัน ราคาต่ำสุด 4,900 บาทต่อตัน (ฉะเชิงเทรา) คาดว่าอาจหลุดต่ำกว่า 5,000 บาทในเร็วๆนี้ จากปีก่อนที่ 8,000–9,000 บาทต่อตัน “ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นรัฐบาลไหนดูแลเกษตรกรได้แย่ขนาดนี้” คุณปราโมทย์พูดอย่างเหลืออดเขียนแล้วก็นึกถึง โครงการประกันราคาข้าวเปลือกตันละ 15,000 บาท ของ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในปี 2554 ขึ้นมาทันที ผ่านไป 14 ปีมาถึง รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร วันนี้ ข้าวเปลือกเหลือตันละ 5,000 บาท ชาวนาจะใช้ชีวิตอยู่กันอย่างไร?แม้แต่ คนไทย 65 ล้านคน ก็ต้องถามตัวเอง จะมือนาคตต่อไปอย่างไร ถ้ายังมีรัฐบาลที่ไร้ประสิทธิภาพเช่นนี้บริหารประเทศต่อไป.“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม