มาตรการปราบ “ข่าวปลอม” หรือ “เฟกนิวส์” ของประเทศไทยเริ่มเป็นรูปธรรม เมื่อศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมแห่งชาติ ร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆและแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน 3 ชั่วโมง นับเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญในการจัดการปัญหาอย่างเป็นระบบ พร้อมมีบทลงโทษทางอาญาแก่ผู้เผยแพร่ข่าวปลอมผู้กระจายข่าวปลอมเจอโทษอาญาแน่ เมื่อกระทรวงยุติธรรมจับมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมผนึกพลังร้องทุกข์กล่าวโทษ ถึงขั้นนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมมั่นใจแก้ไขปัญหาเฟกนิวส์ให้มีประสิทธิภาพได้แต่ตามขั้นตอนตรวจสอบใช้เวลานาน กว่าเจ้าของแพลตฟอร์มจะลบ ข้อมูล เป็นจุดอ่อนให้ขบวนการปล่อยข่าวเฟกนิวส์บรรลุเป้าหมายไปแล้ว โดยเฉพาะเรื่องการยั่วยุ ก่อให้เกิดการปลุกระดม สร้างความรุนแรง ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมและสถาบันของชาติแม้ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมแห่ง ชาติยังเน้นให้ความสำคัญเฉพาะข่าวที่เกี่ยวข้องกับปัญหาความมั่นคงชายแดน เพื่อให้ประชาชนได้รับข่าวสารที่มีการ ตรวจสอบ ยืนยันจากหน่วยงานภาครัฐได้อย่างชัดเจนและรวดเร็ว ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของประเทศไทย ซึ่งต่อไปในอนาคต รัฐบาลควรต้องกล้าที่จะใช้ยาแรงจัดการปัญหานี้ทั้งหมดเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะ หน้า หากต้องการแก้ปัญหาแบบยั่งยืน รัฐบาลควรเน้นเสริมสร้างการรู้เท่าทันสื่อให้แก่ประชาชน (Media Literacy) มากกว่านี้ เพื่อให้สามารถตรวจสอบ วิเคราะห์ข่าวสารได้ด้วยตัวเอง ป้องกันการตกเป็นเหยื่อขบวนการปั่นข่าวเท็จ เป็นภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดในระยะยาวและช่วยลดภาระของรัฐรวมถึงออกกฎหมายบังคับแพลต ฟอร์มดิจิทัล เหมือนในประเทศเยอรมนีที่กำหนดให้แพลตฟอร์มดิจิทัลต้องลบเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย ทั้งข่าวบิดเบือน เฟกนิวส์ เฮตสปีช ภายใน 24 ชั่วโมง หลังได้รับแจ้ง หากไม่ดำเนินการจะถูกปรับโทษสูงสุด 50 ล้านยูโร และต้องรายงานทุก 6 เดือน เกี่ยวกับการจัดการเนื้อหาที่ผิดกฎหมายสังคมจึงควรช่วยกันออกแบบกฎหมายให้ดี ภายใต้ข้อควรระวังที่ละเอียดอ่อน คือ อย่าให้ระบบหลังบ้านของแพลต ฟอร์มดิจิทัลยักษ์ใหญ่ต่างๆ เซ็นเซอร์โดยไม่ตั้งใจ เพราะอาจกระทบต่อสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียนของประชาชน ที่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 34.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม