“บรู๊ค” ดนุพร ดับกระแสปั่น จ้องรื้อบ้านเรือนชาวบ้านเขากระโดง ชี้ทุกหน่วยงานเร่งหาทางออก ไม่ให้ประชาชนเสียประโยชน์ ยังใช้พื้นที่ได้อยู่ แต่ต้องนำที่ของรัฐกลับมาตามกฎหมาย ภท.ย้ำเป็นอำนาจพนักงานที่ดินเพิกถอนโฉนด ไม่ใช่อธิบดี “นิพนธ์” ชี้ศาลฯสั่งเพิกถอนแค่ 35 ราย ไม่เกี่ยวกับอีก 900 รายที่เหลือ กมธ.รีดไขมันหั่นงบส่วนเกิน เกือบ 9 พันล้านพท.ไม่หวั่นโพลวางใจทหารมากกว่ารัฐบาล ยกเป็นผลงานทีมไทยแลนด์ “ณัฐชา” เย้ย “สทร.” เทวดาตกสวรรค์นายดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรคเพื่อไทย รีบดับกระแสข่าวปั่นในโลกโซเชียล รัฐบาลเตรียมทุบทำลายสิ่งปลูกสร้าง อาคาร บ้านเรือนประชาชนในพื้นที่เขากระโดง ยืนยันทุกหน่วยงานกำลังเร่งหาทางออกให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย หวังเป็นทางออกร่วมกันให้คนที่เคยใช้พื้นที่ยังใช้พื้นที่อยู่ได้ โดยประชาชนไม่เสียประโยชน์พท.โต้จ่อทุบบ้านคนเขากระโดงเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 10 ส.ค. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงความพยายามสร้างกระแสให้เกิดความเข้าใจผิดเรื่องที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองว่า ปัญหาที่ดินเขากระโดงหมักหมมกว่า 20 ปี เป็นหน้าที่รัฐบาลบังคับใช้กฎหมาย ไม่ให้ผู้มีอิทธิพลใช้ความเดือดร้อนของประชาชนเป็นข้ออ้างหาผลประโยชน์โดยมิชอบ เพราะที่ดินเขากระโดง 5,083 ไร่ มีคำพิพากษาศาลฎีกาเมื่อปี 2560 เป็นที่สุดแล้ว ว่าที่ดินบริเวณเขากระโดงเป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ไม่ใช่ที่ดินใครคนใดคนหนึ่ง จึงไม่ใช่การกลั่นแกล้งกันทางการเมือง ที่ดินหลวง 5,083 ไร่หายไป เป็นสิ่งที่คนไทยรับไม่ได้ รัฐบาลแค่พยายามบังคับใช้กฎหมาย การปั่นกระแสในโลกโซเชียลว่ารัฐบาลจะทุบทำลายสิ่งปลูกสร้าง อาคาร บ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ รัฐบาลเพื่อไทยไม่มีแนวคิดเช่นนั้นเปิดช่องอาศัยต่อไม่คิดทำลายทิ้งนายดนุพรกล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม และ รฟท. กำลังออกแบบแนวทางแก้ปัญหาให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย สิ่งใดที่เอกชนดำเนินการไปแล้ว สร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ทำให้คนในพื้นที่เป็นอยู่ดีขึ้น ไม่คิดทำลายทิ้ง แต่ต้องหาทางออกร่วมกัน ส่วนการจัดการจะเป็นอย่างไรต้องดูกฎหมายเป็นตัวกำหนดด้วย หวังว่าจะเป็นทาง ออกร่วมกันให้คนที่เคยใช้พื้นที่ ยังใช้พื้นที่อยู่ได้ โดยเฉพาะประชาชนไม่เสียประโยชน์จากการดำเนินการ ขอให้ประชาชนไปค้นหาข้อมูลว่าเรื่องนี้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว รัฐบาลนี้ต้องดำเนินการตามกฎหมาย นำที่ของรัฐกลับมาเป็นของประเทศ กลับมาใช้ประโยชน์ให้ประชาชนในอนาคตดับกระแสข่าวนายกฯจ่อไขก๊อกโฆษกพรรค พท.ยังกล่าวถึงกระแสข่าว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.วัฒนธรรม จะลาออกก่อนศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยคดีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาว่า ในพรรคเพื่อไทยไม่มีการพูดคุยถึงเรื่องนี้ จากการพูดคุยกับ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี บอกว่า ไม่มีการคุยกันเรื่องนี้ เมื่อ ถามว่าพรรคเพื่อไทยประเมินหรือไม่ว่าสถานการณ์จะออกมาทิศทางใด นายดนุพรตอบว่า คุยกันทุกทางออกที่จะเกิดขึ้น ถ้านายกฯอยู่ต่อก็ทำงานไป แต่หากนายกฯถูกศาลตัดสินก็พร้อมน้อมรับคำตัดสินศาล อย่าลืมพรรคเพื่อไทยยังเหลือแคนดิเดตนายกฯ อีกคนคือนายชัยเกษม นิติสิริ ที่สามารถนำนโยบายและงบประมาณที่ผ่านสภาฯไปดำเนินการต่อได้ภท.ย้ำเป็นอำนาจพนักงานที่ดินด้านนายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานด้านกฎหมาย พรรคภูมิใจไทย โพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้นายบุญเชิด คิดเห็น อดีตอธิบดีกรมที่ดิน เรื่องปมปัญหาที่ดินเขากระโดง เมื่อศาลฎีกาพิพากษาแล้วต้องจบ โดยเขากระโดงเป็นที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็นที่ดินรัฐ ต้องเพิกถอนเอกสารสิทธิทั้งหมดว่า คำพิพากษาศาลฎีกามีผลผูกพันเฉพาะคู่ความเท่านั้น โดยผูกพันเฉพาะโจทก์ 35 ราย ไม่มีผลผูกพันกับเจ้าของที่ดินผู้มีเอกสารสิทธิ 995 ราย เพราะไม่มีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ออกมาให้เพิกถอนโฉนดของ 995 ราย และถ้าสั่งตามที่อดีตอธิบดีกรมที่ดินระบุ คงถูกดำเนินคดีอาญามาตรา 157 เหมือนนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาการปลัดกระทรวงมหาดไทย ต้องโทษจำคุก ขอให้ดูกฎหมายที่ดินมาตรา 61 วรรค 1 ดีๆ ที่ระบุให้อำนาจเจ้าพนักงานที่ดิน ไม่ใช่อธิบดีกรมที่ดิน อย่าคิดว่าเป็นอธิบดีแล้วสั่งเจ้าพนักงานที่ดินได้ ไม่มีใครเสี่ยงติดคุกกับอธิบดีแน่“นิพนธ์” ชี้ศาลฯสั่งเพิกถอน 35 รายนายนิพนธ์ บุญญามณี อดีต รมช.มหาดไทย กล่าวว่า เรื่องปัญหาที่ดินเขากระโดงผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ไม่ควรเร่งรีบสั่งการ ควรศึกษาเอกสารข้อมูลที่มีจำนวนมากให้ชัดเจน สมัยเป็น รมช.มหาดไทย อธิบดีกรมที่ดินขณะนั้นได้ทำรายละเอียดเสนอมา อ่านในรายละเอียดคำพิพากษาศาลฎีกาได้สั่งเฉพาะชาวบ้าน 35 รายที่ขอออกโฉนด และ รฟท.ได้ยื่นร้องคัดค้าน กรมที่ดินเพิกถอนเฉพาะชาวบ้าน 35 รายที่ศาลฎีกาสั่งเท่านั้น และศาลไม่ได้สั่งว่าที่ดินทั้งหมดเป็นของ รฟท. และศาลปกครองได้สั่งให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดำเนินการ เพราะปัญหาที่ดินเขากระโดง พระราชกฤษฎีกาไม่ได้กำหนดแนวเขตชัดเจน ที่ผ่านมา รฟท.ไม่ได้ชี้แนวเขตที่ชัดเจน ส่วนอีกกว่า 900 ราย ไม่ได้เพิกถอน ที่ผ่านมากรมที่ดินได้ออกโฉนดให้ชาวบ้านตามขั้นตอนถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าจะให้เพิกถอนต้องมีคำสั่งศาล ที่ผ่านมามีอธิบดีกรมที่ดิน 2 คนขอย้ายตัวเอง เพราะไม่สามารถดำเนินการตามคำสั่งฝ่ายการเมืองได้รอดูฝีมือ “ภูมิธรรม–เดชอิศม์”นายนิพนธ์กล่าวต่อว่า ทราบว่า รฟท.ได้ดำเนินการฟ้องร้องให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ แต่ รฟท.ไม่สามารถดำเนินการเอง จึงส่งให้อัยการสูงสุด (อสส.) ดำเนินการฟ้องร้อง อสส.เองก็ยังไม่มีคำสั่งออกมา ปัญหาที่ดินเขากระโดงมีความซับซ้อน ต้องทำตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่เช่นนั้นอาจถูกฟ้องได้ จะทำตามอารมณ์ความรู้สึกไม่ได้ เพราะกระทบต่อชาวบ้าน 900 กว่ารายที่ถือโฉนดที่ดิน ส่วนที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ที่กำกับดูแลกรมที่ดิน ระบุว่าจะเพิกถอนเอกสารสิทธิภายใน 2 วันนั้น จะรอดูว่าสามารถทำได้หรือไม่ อธิบดีกรมที่ดินคนใหม่ที่เข้ามาจะกล้าดำเนินการหรือไม่ ทั้งนี้กรณีที่ดินเขากระโดงกับที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ จ.ปทุมธานี แตกต่างกัน ที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์เป็นที่ดินมรดกที่ยกให้วัด และศาลฎีกาสั่งให้เป็นของวัดชัดเจน จึงต้องเพิกถอน หากไม่เพิกถอนจะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ซับซ้อนเหมือนที่ดินเขากระโดงเชื่องบประมาณ 69 ผ่านสภาฉลุยนายดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในวาระ 2-3 วันที่ 13-15 ส.ค.ว่า ถือเป็นวาระสำคัญที่จะกำหนดทิศทางเศรษฐกิจประเทศในปีถัดไป พรรคเพื่อไทยมุ่งมั่นจัดสรรงบประมาณรองรับและแก้ปัญหาต่างๆ ในโลกยุคใหม่ ที่เต็มไปด้วยความท้าทายใหญ่ มีการตั้งคณะกรรมาธิการจากตัวแทนทุกพรรคการเมืองขึ้นมาพิจารณาร่วมกัน ทั้งพรรคร่วมรัฐบาล พรรคฝ่ายค้าน มี สส.หลายคนเสนอคำแปรญัตติไว้ จะอภิปรายลงลึกในรายกระทรวง เชื่อว่าการพิจารณาจะผ่านไปได้ด้วยดี รัฐบาลจะได้ขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนกมธ.หั่นงบลงเกือบ 9 พันล้านบาทผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แมนราษฎร ได้นัดประชุมสภาฯ วาระพิเศษ วันที่ 13-15 ส.ค. เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท วาระ 2-3 ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญ ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เป็นประธาน กมธ. พิจารณาเสร็จแล้ว กมธ.มีมติปรับลดทั้งสิ้น 8,920 ล้านบาท มีกระทรวงและส่วนราชการที่ปรับลด สูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ 1.กระทรวงมหาดไทย ปรับลด 2,148 ล้านบาท 2.หน่วยงานรัฐสภา 880 ล้านบาท 3.กระทรวงคมนาคม 795 ล้านบาท 4.กระทรวงสาธารณสุข 693 ล้านบาท 5.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 459 ล้านบาท โดยงบประมาณที่ปรับลดนำไปจัดสรรให้ส่วนราชการตามที่ ครม. เสนอตามความเหมาะสม 8,690 ล้านบาท และจัดสรรให้หน่วยงานของรัฐสภา ศาล องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ และองค์กรอัยการ 230 ล้านบาท อาทิ รัฐวิสาหกิจ ตั้งเพิ่ม 4,914 ล้านบาท กระทรวงการคลัง 1,568 ล้านบาท และงบกลาง 1 พันล้านบาทย้ำกำนัน–ผญบ.ยึดประโยชน์ ปชช.วันเดียวกัน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี มอบสารเนื่องในวันกำนันผู้ใหญ่บ้าน ประจำปี 2568 ว่า ขอส่งความปรารถนาดี ชื่นชมและเป็นกำลังใจมายังกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านทุกคน ที่เป็นกำลังสำคัญดูแลทุกข์สุขพี่น้องประชาชนในพื้นที่ เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนนโยบายภาครัฐไปสู่การปฏิบัติในท้องที่ให้เกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งเป็นสื่อกลางบูรณาการภารกิจและบริการต่างๆ กับภาครัฐ ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีของพี่น้องประชาชน พร้อมกันนี้หวังว่าทุกท่านจะดำรงตนให้เป็นแบบอย่างที่ดีและเป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชน ที่สำคัญมีความซื่อสัตย์สุจริต มีคุณธรรม จริยธรรม และยึดประโยชน์สุขของประชาชนและผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญรัฐบาลลุย 5 ข้อเร่งด่วนช่วย ปชช.นายชนินทร์ รุ่งธนะเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ชายแดน 7 จังหวัดว่า หลังสถานการณ์สู้รบในพื้นที่สงบลง รัฐบาลดำเนินการตามแผนช่วยเหลือฟื้นฟูเป็นรูปธรรมหลายด้าน ในวันที่ 9 ส.ค. รัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยเรียกประชุมผู้ว่าราชการ 4 จังหวัด ได้แก่ จ.สุรินทร์ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ และบุรีรัมย์ สั่งการช่วยเหลือประชาชน 5 แนวทาง ได้แก่ 1.อำนวยความสะดวกการกลับบ้าน ให้กระทรวงคมนาคมเสริมรถเดินทาง กระทรวงสาธารณสุขอำนวยความสะดวกรถพยาบาลแก่ผู้ป่วยและผู้สูงอายุ กรมป้องกันบรรเทาสาธารณภัย เตรียมอาหารแห้ง ของใช้บางส่วนให้ประชาชนกลับไปใช้ช่วงต้น 2.สั่งสำรวจความเสียหายและซ่อมแซม ให้กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นเร่งตรวจสอบความเสียหาย เบิกจ่ายเงินเยียวยา ให้ผู้ว่าฯประสานส่วนราชการ เช่น ทหารช่าง อาชีวศึกษา และโยธาธิการ ซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชน ใช้เงินทดรองจ่ายตามกรอบที่ดำเนินการโดยเร็ว 3.สั่งลดภาระค่าครองชีพประชาชน ขอมติ ครม. ให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค เว้นเก็บค่าใช้จ่ายประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัย 2 เดือน คือ ก.ค.-ส.ค. 4.สั่งสำรวจสุขภาพกายและใจประชาชนที่เสียขวัญจากสถานการณ์สู้รบ และผู้ปฏิบัติงานทั้งทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร และเจ้าหน้าที่ทุกคน 5.สั่งตอบแทนเจ้าหน้าที่อาสาที่ปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือ ขอมติ ครม.จ่ายค่าตอบแทนชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และเจ้าหน้าที่ที่ได้รับแต่งตั้งให้ช่วยภารกิจดูแลประชาชนระหว่างอพยพ วงเงินวันละ 120-240 บาท เป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ไม่หวั่นโพลวางใจทหารมากกว่า รบ.นายดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงผลสำรวจความเห็นประชาชนต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พบว่าประชาชนเชื่อใจกองทัพมากกว่ารัฐบาลว่า กองทัพเป็นหน่วยหน้าในพื้นที่ การที่ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพเป็นสิ่งดี แต่รัฐบาลทำงานร่วมกับกองทัพเป็นหนึ่งเดียว มีการตั้งคณะกรรมการหลายชุดที่มีกองทัพและรัฐบาลร่วมอยู่ด้วย ดังนั้นการที่ประชาชนเชื่อมั่นฝ่ายปฏิบัติการที่ทำงานร่วมกับรัฐบาลจึงเป็นเรื่องดี ถูกต้อง ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นการทำงานของกองทัพ เมื่อถามว่า ผลสำรวจสะท้อนความนิยมรัฐบาลลดลงหรือไม่ นายดนุพรตอบว่า ไม่ เชื่อว่าประชาชนเข้าใจดี ว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ ตัวพึ่งหลักของประเทศและรัฐบาลคือ กองทัพที่จะปกป้องอธิปไตยประเทศ ปฏิเสธไม่ได้ว่ากองทัพคือ กำลังหลักรักษาประเทศ การที่ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพเป็นสิ่งที่ดีเชื่อมั่นกองทัพคือผลงานของทุกฝ่ายน.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ระบุว่า จากผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาล และกระทรวงการต่างประเทศ อยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ที่รวมหลายภาคส่วนมาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผบ.ทหารสูงสุด และ ผบ.ทบ. ทุกฝ่ายคือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกันคือรักษาอธิปไตยประเทศ ปกป้องความปลอดภัยชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทเป็นด่านหน้าพื้นที่ชายแดน แต่ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่น ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่ทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. สถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ไม่มีหน่วยงานใดทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน“ณัฐชา” เย้ย “สทร.” อาจตกสวรรค์อีกเรื่อง นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงกรณีนายวันชัย สอนศิริ อดีต สว. อ้างรู้ด้วยญาณจาก 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน 14 ช่องบาดาลว่า สทร. (นายทักษิณ ชินวัตร) ยังคงดำรงอยู่ และอยู่ต่อไปในครั้งนี้และครั้งหน้า เขายังแน่และยังแน่น ปึ๊ก ปึ๊ก ปึ๊กว่า ขอแนะนำนายวันชัยฟังให้รอบด้าน อย่าฟังแต่เสียงสวรรค์ ฟังฝั่งยมทูตบ้าง แว่วมาว่าตายหมู่เร็วๆนี้ เละ เละ เละ ทั้งรอบนี้ และรอบหน้า ญาณจาก 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน อาจตกลงรวมกันไปอยู่ชั้นใต้ดินศาลเร็วๆนี้ เทวดาตกสวรรค์ หมู่มวลลิ่วล้อแตกพล่าน อาจลามถึง สุนัขรับใช้หลายตัวตายเกลื่อนเลื่อนประชุม ครม.ไปเป็น 19 ส.ค.นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายก รัฐมนตรี กล่าวว่า เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนม พรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และในโอกาสวันแม่แห่งชาติ ตรงกับวันที่ 12 ส.ค. รัฐบาลได้จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล พิธีถวายเครื่องราชสักการะและวางพานพุ่ม และพิธีจุดเทียน ถวายพระพรชัยมงคล ณ ท้องสนามหลวง เชิญชวนประชาชนร่วมกิจกรรมทั่วประเทศ เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ส่วนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) แจ้งงดการประชุม ครม. วันที่ 12 ส.ค. ไปดำเนินการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 19 ส.ค.อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่