การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา ที่มาเลเซีย เพื่อแสวงหาสันติภาพและหย่าศึกสู้รบจบลงด้วยดี ไทย-กัมพูชาเห็นพ้อง 13 ข้อตกลงหยุดยิง อาทิ ยุติใช้อาวุธโจมตีพลเรือนและเป้าหมายทางทหาร ไม่เสริมกำลังทหารเพิ่มตามชายแดนเพื่อไม่ให้สถานการณ์ตึงเครียด หยุดยั่วยุ เลิกแพร่ข้อมูลเท็จ-ข่าวปลอม หยุดสร้างหรือปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานหรือป้อมปราการทางทหารใหม่ๆตามแนวชายแดน ปฏิบัติตามกฎหมายสากลและย้ำให้ปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวา ดึงอาเซียนร่วมตรวจสอบหยุดยิง พร้อมออกแถลงการณ์แจ้งประชาคมโลกรับทราบ “บิ๊กเล็ก” ขอบคุณทีมไทยแลนด์ รัฐบาลและกลาโหมมาเลเซีย ด้านกัมพูชายังนิ่งไม่ตอบรับเก็บทุ่นระเบิด-ร่วมปราบคอลเซ็นเตอร์เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยและจบลงด้วยดี สำหรับการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ที่มีขึ้นอย่างเร่งด่วนระหว่างวันที่ 4-7 ส.ค. ณ ประเทศมาเลเซีย เพื่อหาแนวทางสู่สันติภาพคลี่คลายปัญหาการสู้รบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาใน 3 จังหวัดคือสุรินทร์ อุบล ราชธานีและศรีสะเกษ หลังกัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดศึกยิงไทยก่อนเมื่อเช้ามืดวันที่ 24 ก.ค.ต่อมาการสู้รบรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนทหารกับพลเรือน 2 ประเทศบาดเจ็บล้มตายไม่น้อย โดยการเจรจาได้ข้อยุติที่ดีและมีการแถลงอย่างเป็นทางการแล้ว“บิ๊กเล็ก” นำทีมบินมาเลย์ถก GBCก่อนผลการประชุมจีบีซีจะได้ข้อยุติ ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง เมื่อเวลา 05.30 น. วันที่ 7 ส.ค. พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม รักษาราชการแทน รมว.กลาโหม หัวหน้าคณะฝ่ายไทย นำคณะประกอบด้วย พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทสส. พล.อ.ธงชัย รอดย้อย เสธ.ทบ. พล.ร.อ.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ เสธ.ทร. พล.อ.อ.วชิระพล เมืองน้อย เสธ.ทอ. เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร รองแม่ทัพภาคที่ 2 นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย เดินทางไปร่วมประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ที่ประเทศมาเลเซีย ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการประชุมคณะเลขาฝ่ายไทยที่มีการประชุมเมื่อวันที่ 4-6 ส.ค.เยี่ยมคารวะขอบคุณ “อันวาร์”พล.อ.ณัฐพลและคณะเดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร Subang กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในเวลา 08.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง) จากนั้นเวลา 09.30 น. พล.อ.ณัฐพลเข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และประธานอาเซียน ณ เมืองปุตราจายา แสดงความขอบคุณต่อบทบาทของมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนสันติภาพในภูมิภาค รวมถึงการจัดประชุมจีบีซีครั้งนี้ ไทยได้ย้ำจุดยืนต้องการยุติความขัดแย้งด้วยสันติวิธี ยึดมั่นในกฎหมายระหว่างประเทศ เคารพในอธิปไตยของกันและกันGBC จบด้วยดีแต่ยังตรึงกำลังเข้มอีกด้าน ที่ บก.ทบ. เวลา 09.00 น. พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ว่า เชื่อว่าหลังการประชุมคณะกรรมการจีบีซี ในความคิดตน ทิศทางน่าจะเป็นไปในทางที่ดี การดำเนินการต่อจากนี้ต้องรอให้ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม รักษาราชการแทน รมว.กลาโหม แถลงผลทั้งหมดก่อน ตอนนี้รอคำชี้แจงเป็นอย่างเป็นทาง การในสิ่งที่ได้ไปลงนามกัน ย้ำว่าในข้อเสนอ 8 เรื่อง 6 ประเด็น ให้ความสำคัญทหารไทย ณ ปัจจุบันนี้อยู่ตรงไหนก็ให้อยู่ตรงนั้น คำนึงถึงเรื่องนี้เป็นหลัก เรื่องอื่นถือเป็นเรื่องปกติที่ต้องพูดคุยกัน เช่น การหยุดยิงเราได้พูดคุยกันอยู่แล้ว สถานการณ์ต่อจากนี้ได้เน้นย้ำให้ทหารหน้าแนวตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ตรึงกำลังไว้ตลอด เรื่องแผ่นดินไม่สามารถคุมได้ด้วยเครื่องมือ ต้องใช้คนเฝ้า เมื่อเปรียบเทียบกับท่าทีกัมพูชาเราต้องประกบไว้แบบนี้รอ ตร.ชี้แจงเรื่องจับสายลับ BHQผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีกองกำลัง BHQ หรือองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน สายลับกัมพูชา ที่เข้ามาสอดแนมในไทย ถูกจับกุมได้ที่บุรีรัมย์ พล.ท.บุญสินกล่าวว่า ต้องสืบสวนต่อไปตามขั้นตอนว่า ข้อเท็จจริงคืออะไร มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง ทุกพื้นที่ตนไม่ประมาทได้เรียนผู้ว่าฯทุกจังหวัด ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.จังหวัด) ให้มีความตื่นตัว เฝ้าระวังร่วมกัน เมื่อถามว่าคนที่สามารถจับกุมได้ ยืนยันได้หรือไม่ว่า มาจากกองกำลัง BHQ พล.ท.บุญสินกล่าวว่า รอการชี้แจงจากเจ้าหน้าที่ตำรวจรับทุ่นระเบิดเพียบที่ปราสาทตาควายพล.ท.บุญสินกล่าวยืนยันว่า ทหารหน้าแนวมีขวัญกำลังใจดี พร้อมปกป้องอธิปไตย เนื่องจากได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชน ยืนยันว่าสถานการณ์ปัจจุบันไม่ได้กังวลอะไร หากคุยกันเข้าใจก็ไม่มีอะไร แต่หากคุยกันแล้วไม่เข้าใจ ก็พร้อมปกป้องอธิปไตยของเราต่อประเมินอยู่เราไม่ประมาท กรณีทหารไทยวางรั้วลวดหนามใหม่ที่ช่องอานม้า หลังกัมพูชาเข้ามาตัดรั้ว มีคนกัมพูชาเข้ามาทำคอนเทนต์ เจ้าหน้าที่ได้ให้ออกจากพื้นที่ไป พร้อมวางรั้วลวดหนามใหม่ ป้องกันฐานที่มั่นของเรา สร้างความเข้มแข็งในพื้นที่ที่เราควบคุมอยู่ อนาคตจะมีกิจกรรมลักษณะนี้อยู่หรือไม่มองว่าไม่มีปัญหา เราต้องห้ามอย่างเด็ดขาด ยอมรับว่าทุ่นระเบิดในพื้นที่ยังมีจำนวนมาก โดยเฉพาะพื้นที่ปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ต้องประสานกับกัมพูชาในการเก็บกู้ทหารไทยสบายดีไม่มีป่วยมาลาเรียแม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่ทหารกัมพูชาป่วยหนักเป็นไข้มาลาเรีย ได้เห็นจากสื่อของกัมพูชา เป็นหน้าที่แต่ละฝ่ายในการดูแลกำลังพลของตัวเอง ฝ่ายไทยมีแพทย์สนามดูแลอยู่แล้ว โรงพยาบาลอำเภอในแต่ละจังหวัดพร้อมสนับสนุน ตอนนี้ทหารไทยยังไม่มีการเจ็บป่วย ส่วนการเก็บศพทหารกัมพูชา จากที่ลงพื้นที่ฐานปฏิบัติการภูมะเขือยังเห็นอยู่ แต่ได้ประสานกับกัมพูชาแล้วให้มาเก็บศพไป กัมพูชาตอบรับมาแล้ว ยืนยันว่าฝ่ายกัมพูชาต้องมาเก็บเอง เราไม่เก็บให้ เพราะกระทบต่อมลภาวะทางอากาศทั้งฝั่งไทยและกัมพูชา หากเขาไม่ยอมเก็บเรามีมาตรการในการดับกลิ่นเมินคำขอ “ฮุน เซน” ไม่อยากให้ใช้F–16เมื่อถามถึงกรณีที่สมเด็จฮุน เซนโพสต์ข้อความ ไม่อยากให้ไทยใช้ F-16 ในการปฏิบัติการและขอร้องนานาชาติไม่ให้ขายเครื่องบินรบให้กับไทย พล.ท.บุญสินกล่าวว่า เป็นเรื่องของเรา เขาขอไม่ให้ใช้ก็ไม่เป็นไร แต่เราจะใช้เพื่อปกป้องอธิปไตยของเรา ส่วนข่าวการลอบสังหารสมเด็จฮุน เซน และฮุน มาเนต เป็นข่าวที่ออกมาจากสื่อของกัมพูชา เราไม่ได้ปฏิบัติอยู่แล้ว“ณัฐพล” ขอบคุณทีมไทยแลนด์ที่ทำเนียบเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม รักษาราชการแทน รมว.กลาโหม หารือกับทีมไทยแลนด์และทีมเลขานุการ GBC ก่อนเข้าร่วมประชุม GBC โดยมี น.ส.ลดา ภู่มาศ เอกอัครราชทูต ให้การต้อนรับ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า ความสำเร็จที่เกิดขึ้นตอนนี้มาถึงครึ่งทาง ต้องลุ้นตอนบ่ายว่ากัมพูชาจะจริงใจกับเราด้วยหรือไม่ ถ้าจริงใจกับเราก็จะสำเร็จ ส่วนตัวประเมินความจริงใจของกัมพูชาไว้ 3 ระดับ คิือ 1.ระดับเลขาฯ เราประสบความสำเร็จขั้นที่หนึ่งไปแล้ววันนี้คือขั้นที่ 2.ระดับจีบีซีใหญ่ 3.ขั้นการปฏิบัติ ขอชื่นชมทุกคนด้วยความจริงใจและขอขอบคุณที่ทำให้สถานการณ์คลี่คลายชื่นชมความสามารถการเจรจาพล.อ.ณัฐพลกล่าวต่อว่า รัฐบาลต้องมองหลายปัจจัย ทั้งด้านเศรษฐกิจ และด้านสังคม ทั้งในและระหว่างประเทศ ต้องชั่งน้ำหนักกันเยอะบางครั้งหากมุ่งด้านการทหารอย่างเดียว อาจทำให้ด้านอื่นได้รับผลกระทบ ขอชื่นชมขีดความสามารถในการเจรจา ตอนแรกที่เจ้ากรมชายแดนทหารนำข้อเสนอ 8 ข้อ ยังหนักใจว่าจะสำเร็จหรือไม่ แต่ไม่น่าเชื่อว่าน้องๆจะทำได้สำเร็จ ตนติดตามทุกวัน โทรศัพท์หาเจ้ากรมชายแดนทหารด้วยความห่วงใย ขอให้น้องๆทุกคนมีความภูมิใจ เพราะเรื่องนี้เป็นประวัติศาสตร์สำคัญของชาติลั่นทำงานต่อขอกองทัพหนุนหยุดยิงพล.อ.ณัฐพลกล่าวต่อว่า จากนี้ไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ยังต้องสนับสนุนในการทำงานต่อไป เพราะจากนี้จะเป็นการประชุมคณะกรรมการส่วน ภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการต่างประเทศ มาเกี่ยวข้องเหมือนเดิม ไม่ทิ้งกองทัพ ต้องช่วยกันต่อไป ต้องสนับสนุนให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด อยากฝากกองทัพให้ช่วยสนับสนุนกลไกการหยุดยิงให้เกิดรูปธรรม รวมถึงการสร้างกลไกผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว ปัญหาปัจจุบันที่รัฐบาลและศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ประสบมากที่สุด คือฝ่ายปฏิบัติของกัมพูชามีลักษณะยั่วยุ รุกล้ำ กองทัพมาชี้แจงอย่างเดียวไม่มีน้ำหนัก หากจะมีผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวมาช่วยเป็นพยาน เราจะได้มีพยานในเวทีนานาชาติ แม้ขณะนี้จะเข้ามาเป็นภาระอยู่บ้าง13 ข้อตกลงหยุดยิงรักษาสันติภาพต่อมาเวลา 13.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นมาเลเซีย) การประชุม GBC ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญได้เริ่มขึ้น ฝ่ายไทยนำโดย พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม รักษาราชการแทน รมว.กลาโหม เป็นหัวหน้าคณะ ฝ่ายกัมพูชามี พล.อ.เตีย เสรย-ฮา รองนายกฯและ รมว.กลาโหมกัมพูชา เป็นหัวหน้าคณะ มีผู้แทนของประเทศผู้ร่วมสังเกตการณ์ ได้แก่ มาเลเซีย สหรัฐอเมริกา จีน ผลการประชุมสรุปว่า ทั้ง 2 ประเทศเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อ รักษาสันติภาพ มีสาระสำคัญ ดังนี้ยุติใช้อาวุธทุกประเภทโจมตีพลเรือน–ทหาร 1.ยุติการใช้อาวุธทุกประเภทการโจมตีต่อพลเรือน เป้าหมายพลเรือนและเป้าหมายทางทหาร ในทุกพื้นที่และทุกกรณี 2.รักษาสถานะการวางกำลังในที่ตั้งปัจจุบัน สถานะตั้งแต่ 28 ก.ค.68 โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลังและไม่มีการลาดตระเวนไปยังที่ตั้งของอีกฝ่าย 3.ไม่เพิ่มเติมกำลังตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา 4.ไม่กระทำการอันเป็นการยั่วยุที่ส่งผลให้เกิดความตึงเครียดการมีกิจกรรมทางทหารเข้าไปยังดินแดนเขตน่านฟ้า หรือที่ตั้งของอีกฝ่าย ตามสถานะการหยุดยิง ตั้งแต่ 28 ก.ค.68 และไม่สร้างโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำออกไปนอกขอบเขตของฝ่ายตนย้ำปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวา5.ไม่ใช้กำลังต่อพลเรือน หรือเป้าหมายทางพลเรือนในทุกกรณี 6.การปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวา : การปฏิบัติต่อผู้ที่ถูกจับกุมตัว การขอส่งตัวผู้บาดเจ็บมารักษาในสถานพยาบาลของอีกฝ่าย โดยจะขึ้นอยู่กับศักยภาพในการรองรับของสถานพยาบาลแล้วแต่กรณี สำหรับทหารที่อยู่ในความควบคุมของอีกฝ่ายจะได้รับการปล่อยตัวและส่งกลับประเทศ หลังจากยุติการใช้กำลังโดยสมบูรณ์ รวมทั้งอำนวยความสะดวกในการส่งคืนร่างผู้เสียชีวิตอย่างสมเกียรติโดยเร็วและจัดการศพภายใต้สภาพที่ถูกสุขลักษณะและด้วยความเคารพให้เลิกแพร่ข้อมูลเท็จ–ข่าวปลอม7.กรณีมีความขัดแย้งกันด้วยอาวุธทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทั้งสองฝ่ายจะหารือกันในระดับปฏิบัติผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ เพื่อป้องกันการขยายตัวของสถานการณ์ 8.เห็นชอบให้เพิ่มในเรื่องการปฏิบัติ ดังนี้ 8.1 ดำรงการติดต่อสื่อสารอย่างต่อเนื่องระหว่างหน่วยทหารในพื้นที่ 8.2 จัดการประชุม RBC ภายใน 2 สัปดาห์นับจากการประชุม GBC 8.3ดำรงช่องทางการติดต่อสื่อสารโดยตรงระดับรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารสูงสุดของทั้งสองประเทศ 9.งดเว้นการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จหรือข่าวปลอมดึงอาเซียนร่วมตรวจสอบการหยุดยิง10.ทั้งสองฝ่ายต้องดำเนินการตามผลหารือเมื่อ 28 ก.ค.68 รวมถึงการหยุดยิงและการมีคณะผู้สังเกตการณ์จากประเทศสมาชิกอาเซียน นำโดยมาเลเซีย 11.เห็นชอบให้ RBC ในแต่ละพื้นที่ดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิง โดยมีคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน นำโดยมาเลเซียเป็นผู้ร่วมสังเกตการณ์ โดย RBC จะพบกันเป็นประจำและส่งรายงานให้ GBC ตามสายการบังคับบัญชาของแต่ละฝ่าย 12.ในระหว่างการจัดตั้งคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียนที่มีมาเลเซียเป็นผู้นำ จะใช้กลไกคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว ประกอบด้วยผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารประเทศสมาชิกอาเซียน ประจำประเทศไทยและกัมพูชา ทำหน้าที่แทนเป็นการชั่วคราว 13.ให้จัดการประชุม GBC ในหนึ่งเดือนหลังวันที่ 7 ส.ค. (สถานที่จะตกลงกันภายหลัง) หรือมิเช่นนั้นการประชุม GBC วิสามัญ จะถูกจัดขึ้นเพื่อเจรจาการหยุดยิงหารือฉันมิตร “อันวาร์” ยินดีด้วยหยุดยิงเวลา 14.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ที่ประเทศมาเลเซีย พล.อ.ณัฐพลแถลงผลการประชุม GBC ว่า วันนี้ เป็นประธานประชุมจีบีซี สมัยวิสามัญ ร่วมกับ พล.อ.เตีย เสรย-ฮา รองนายกฯและ รมว.กลาโหม กัมพูชา ซึ่งเป็นไปอย่างฉันมิตร นายกฯมาเลเซียยินดีที่เห็นการหยุดยิงและมีความคืบหน้าที่ดี เป็นก้าวที่สำคัญในการปฏิบัติตามการหยุดยิง นายกฯมาเลเซียยืนยันชัดเจนว่าได้หารือกับผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ และเห็นตรงกันว่าการแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นเรื่องทวิภาคีระหว่าง 2 ประเทศ สอดคล้องแนวทางของไทย มาเลเซียจะเพียงช่วยประสานงานให้ทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อแก้ไขปัญหากันเอง โดยมีอาเซียนสนับสนุนขอบคุณรัฐบาลและกลาโหมมาเลย์พล.อ.ณัฐพลกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ นายกฯ ยินดีเรื่องคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว นำโดยผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียและประกอบด้วยผู้ช่วยทูตทหารจากสมาชิกอาเซียนเท่านั้น สหรัฐฯกับจีนไม่เข้าร่วม ตามที่ไทยและกัมพูชาเห็นสมควร ขอใช้โอกาสนี้ขอบคุณรัฐบาลและกระทรวงกลาโหมมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ประสานงานอำนวยความสะดวกให้การประชุมครั้งนี้ผ่านไปโดยเรียบร้อย โดยมีสหรัฐฯและจีนร่วมสังเกตการณ์เช่นเดียวกับเมื่อวันที่ 28 ก.ค.โดยเป็นระดับเอกอัครราชทูตอดกลั้นสุดๆ กัมพูชาละเมิดหยุดยิงพล.อ.ณัฐพลกล่าวด้วยว่า การประชุมจีบีซีครั้งนี้เป็นการติดตามประเด็นต่างๆที่ผู้นำไทยและกัมพูชาได้หารือกันที่มาเลเซียเมื่อวันที่ 28 ก.ค. ที่ได้ตกลงกันให้มีการหยุดยิง ได้ย้ำในที่ประชุมว่า นับตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนวันที่ 28 ก.ค. ฝ่ายไทยปฏิบัติตามสิ่งที่เห็นชอบร่วมกัน เรื่องการหยุดยิงอย่างเคร่งครัด พบว่าฝ่ายกัมพูชายังคงละเมิดการหยุดยิงหลังเวลาเที่ยงคืนหลังวันที่ 28 ก.ค. ฝ่ายไทยใช้ความอดทนอดกลั้นที่สุดและตอบโต้เพื่อป้องกันตนเองเท่านั้น แม้ปัจจุบันสถานการณ์ชายแดนมีความสงบ แต่ฝ่ายกัมพูชายังคงเสริมกำลังเข้าไปในพื้นที่ และมีการใช้โดรนเข้ามาสอดแนมในพื้นที่ต่างๆของไทย เป็นการกระทำยั่วยุและอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกันไทยหารืออย่างจริงใจตรงไปตรงมาพล.อ.ณัฐพลยังกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนและข่าวเท็จต่างๆซึ่งไม่สร้างสรรค์และไม่ช่วยทำให้เกิดบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการเจรจาและฟื้นฟูความไว้วางใจ จากการประชุมร่วมกันในครั้งนี้ฝ่ายกัมพูชาในระดับนโยบาย ได้แสดงให้เห็นความจริงใจต่อมาตรการหยุดยิงที่ได้ตกลงกันไว้ การกระทำที่ละเมิดการหยุดยิงจึงอาจเป็นการดำเนินการโดยพลการของหน่วยงานในพื้นที่ ดังนั้น เจตนารมณ์ของตนในการเข้าประชุมในครั้งนี้ คือการหารือกับฝ่ายกัมพูชาอย่างตรงไปตรงมา ด้วยความจริงใจและสุจริตของทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อหาแนวทางที่ทำให้การหยุดยิงเดินหน้าต่อไปอย่างยั่งยืน เพื่อนำสันติภาพและความสงบมาสู่ชายแดนไทย-กัมพูชาอีกครั้ง เพื่อประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนสองฝ่ายจะได้กลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติหยุดยิง–คงกำลัง–เลี่ยงยั่วยุ–งดเฟกนิวส์พล.อ.ณัฐพลยังกล่าวด้วยว่า ขอสรุปผลการประชุมสำคัญครั้งนี้ สิ่งที่ทั้ง 2 ได้เห็นชอบร่วมกัน 1.จะยึดมั่นในการหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยต้องครอบคลุมอาวุธทุกประเภท และทั้ง 2 ฝ่ายคงกำลังไว้ในที่ตั้งเดิมตั้งแต่วันที่หยุดยิง โดยไม่มีการเสริมกำลัง 2.ให้มีคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวเข้าไปสังเกตการณ์ในพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ โดยจะไม่มีการข้ามแดนและประสานงานกันอย่างใกล้ชิดกับคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) และคณะ GBC ในแต่ละประเทศเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการละเมิดการหยุดยิงโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง 3.หลีกเลี่ยงการยั่วยุทั้งทางทหารและการให้ข้อมูลบิดเบือนหรือข่าวเท็จ เพื่อสร้างบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการพูดคุยเพื่อหาทางออกโดยสันติยุติใช้กำลังโดยสมบูรณ์ส่งเชลยกลับทันที4.ปฏิบัติตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด โดยในระยะเวลาเฉพาะหน้าคือการเร่งเก็บและส่งร่างผู้เสียชีวิตกลับประเทศอย่างมีเกียรติและมีศักดิ์ศรี ส่วนการส่งกลับเชลยศึกตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศให้ส่งกลับทันที ที่มีการยุติการใช้กำลังระหว่างกันโดยสมบูรณ์ ซึ่งเป็นไปตามอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 3 โดยระหว่างนี้ตนได้ยืนยันว่า ฝ่ายไทยได้ให้การดูแลบุคคลเหล่านี้ตามหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างครบถ้วน 5.จะรักษาช่องทางการพูดคุยและการใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่แก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นไม่ให้ลุกลามบานปลาย โดยจะมีการประชุม RBC ใน 2 สัปดาห์ เพื่อประสานงานการปฏิบัติตามสิ่งที่ได้ตกลงกันไว้ และจะมีการประชุม GBC อีกครั้งในอีก 1 เดือนข้างหน้า เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินการเขมรไม่ตอบรับเก็บทุ่นระเบิด–ปราบคอลฯพล.อ.ณัฐพลกล่าวอีกว่า ได้หยิบยกอีก 2 ประเด็นสำคัญ แต่ฝ่ายกัมพูชายังไม่ได้ตอบรับ ขอครั้งนี้เน้นหยุดยิงก่อนและให้นำไปหารือประชุม GBC ครั้งต่อไป ได้แก่ 1. ความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งทำให้เกิดความตึงเครียด จนนำไปสู่การใช้กำลังระหว่างกัน ฝ่ายไทยพร้อมร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ที่มีการปะทะและพื้นที่อื่นๆตลอดแนวชายแดนเพื่อความปลอดภัยของประชาชนทั้งสองฝ่าย 2.ความร่วมมือปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติโดยเฉพาะการหลอกลวงออนไลน์หรือออนไลน์สแกม ขอย้ำว่าสิ่งที่ได้เห็นพ้องร่วมกัน จะเกิดผลที่เป็นรูปธรรมได้ต้องอาศัยความร่วมมือและความจริงใจของทั้งสอง 2 ฝ่าย ยืนยันฝ่ายไทยจะยึดมั่นในการร่วมมือพูดคุยอย่างสุจริตใจและจริงใจต่อไปบนพื้นฐานเพื่อนบ้านที่ดี หวังกัมพูชาจะปฏิบัติตามเช่นกัน หากสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วก็จะนำสันติภาพ ประชาชนทั้ง 2 ประเทศ จะได้กลับมาใช้ชีวิตได้เป็นปกติสุขอีกครั้งหากมีปะทะจะถก GBC วิสามัญผู้สื่อข่าวถามว่าการประชุมคณะกรรมาธิการปักปันเขตแดน (JBC) จะมีอีกครั้งหรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า การประชุม JBC ครั้งต่อไป จะมีขึ้นในเดือน ก.ย. และการประชุม JBC จะมี รมว.กลาโหมเป็นประธาน ส่วนกระชุม RBC มีแม่ทัพภาคฝ่ายไทย และ ผบ.ภูมิภาคทหารฝ่ายกัมพูชาเป็นประธาน เมื่อถามถึงกรอบเวลาในการติดตามข้อตกลงหยุดยิง และจะพิจารณาให้ประชาชนกลับบ้านอย่างไร พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า การประชุม GBC ครั้งนี้ ตนและ รมว.กลาโหมกัมพูชาได้ลงนามบันทึกผลการประชุมไปแล้ว เป็นกรอบการประชุม RBC ที่จะเกิดขึ้นภายใน 2 สัปดาห์ข้างหน้าและจะลงรายละเอียดภายในกรอบที่ได้ตกลงกัน และหลังจากนั้นอีก 1 เดือน จะมีการประชุม GBC วิสามัญ เพื่อติดตาม แต่ในกรณีที่เกิดเหตุไม่พึงประสงค์ มีการปะทะกันจะมีการประชุม GBC วิสามัญ เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวผวจ.คุยทหารจุดไหนพร้อม ปชช.กลับพล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า สำหรับประชาชนที่จะกลับภูมิลำเนา ปัจจุบัน ศบ.ทก. ได้กำหนดให้ ผวจ.แต่ละจังหวัดประสานผู้บัญชาการหน่วยทหารในพื้นที่ได้โดยตรง จังหวัดใดมีความพร้อม สามารถกลับภูมิลำเนาได้ แต่สิ่งที่กองทัพห่วงใย คือ ปัจจุบันมีกระสุนและจรวดที่ฝ่ายกัมพูชายิงมาตกในชุมชน อาจยังหลงเหลืออยู่ จึงเร่งสำรวจ ดังนั้นประชาชนที่กลับภูมิลำเนาแล้ว หากพบเห็นวัตถุระเบิดให้แจ้งหน่วยทหารและตำรวจในพื้นที่ เพื่อเก็บกู้ระเบิดเพื่อความปลอดภัยของประชาชนฝากขัง “วิน ดา” สายลับกัมพูชาส่วนการจับกุมนายวิน ดา อายุ 36 ปี หรือชื่อทางทหาร ร้อยเอก ซน กิม ไอ สังกัดกองบัญชาการ BHQ สายลับชาวกัมพูชาที่มาแฝงตัวอยู่ในพื้นที่จ.บุรีรัมย์ คอยสืบข่าวส่งความเคลื่อนไหวของทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา นั้น เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ตำรวจ สภ.ลำดวน อ.กระสัง นำตัวไปฝากขังศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ในความผิดเบื้องต้นคดี พ.ร.บ.อาวุธปืนและเข้าเมืองผิดกฎหมาย นางจรีรัตน์ พิรัมย์ ผญบ.หมู่ 9 บ้านโคกสูง ต.ศรีภูมิ อ.กระสัง พื้นที่บ้านของ น.ส.จอย ภรรยานายวิน เผยว่า นายวินเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านเกือบ 2 ปีที่แล้ว แต่ไม่ได้ทำงานอะไร เท่าที่เห็นนายวินเป็นคนอัธยาศัยดี เข้ากับวัยรุ่นในหมู่บ้านได้และร่วมเล่นกีฬากับเยาวชนหลายครั้ง ก่อนหน้านี้ไม่คิดอะไรเพราะเป็นคนมาอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน พอทราบข่าวยอมรับว่าตกใจ ลึกๆเชื่อว่าน่าจะเป็นสายลับจริง สำหรับ น.ส.จอย เคยไปทำงานอยู่พัทยา ต่อมามีแฟนเป็นฝรั่งและสร้างบ้านให้ น.ส.จอยจึงกลับมาอยู่ ต่อมาเห็นนายวินเข้ามาอยู่ด้วยจนมีลูกด้วยกัน 1 คน สาเหตุที่ทั้งสองคนไม่ได้ทำงานและมีเงินใช้ ส่วนตัวเชื่อว่าน่าจะเป็นเงินที่ฝรั่งส่งมาให้ น.ส.จอยทุกเดือนผู้อพยพเริ่มกลับบ้านทำมาหากินส่วนบรรยากาศที่หมู่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ. ศรีสะเกษ หมู่บ้านชายแดนไทย-กัมพูชา ใกล้พื้นที่ปะทะบริเวณเขาพระวิหาร พบว่าขณะนี้ประชาชนบางส่วนที่เคยอพยพไปยังศูนย์พักพิง ทยอยเดินทางกลับบ้านมาใช้ชีวิตตามปกติ พร้อมตรวจสอบความเสียหายบ้านตัวเอง หลายบ้านเปิดร้านค้าขายของตามเดิม เช่น ร้านขายไก่ย่าง ชาวบ้านส่วนใหญ่ยอมรับว่ายังมีความกังวลใจว่าอาจเกิดเหตุปะทะขึ้นอีกครั้งในอนาคต แต่การกลับมาครั้งนี้ เนื่องจากหลายศูนย์พักพิงเริ่มทยอยปิดตัวลง เพื่อเตรียมพื้นที่รองรับนักเรียนช่วงเปิดเทอม ทำให้ชาวบ้านบางส่วนตัดสินใจกลับมาดูแลบ้านเรือนที่ต้องทิ้งร้างไว้นานหลายวันชาวภูมิซรอลบ่นเหม็นกลิ่นศพเน่านายทองคำ วงษ์ใหญ่ อายุ 55 ปี ชาวบ้านภูมิซรอล เผยว่า “ได้อพยพพาพ่ออายุ 80 ปี ที่ป่วยเป็นอัมพาต ไปอาศัยอยู่ที่ศูนย์พักพิงใน อ. เบญจลักษ์ ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค. ที่เป็นวันแรกของการปะทะและพำนักอยู่เกือบ 2 สัปดาห์ ก่อนมีประกาศย้ายศูนย์พักพิง เพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับการเรียนการสอนในช่วงเปิดเทอม จึงอาศัยโอกาสนี้พาพ่อกลับมาบ้าน หลังกลับมาถึงบ้าน ที่ผิดสังเกตอย่างมากคือมีกลิ่นเหม็นคล้ายซากสัตว์เน่า ลอยมาเป็นระยะ โดยเฉพาะเมื่อมีลมพัดแรง สันนิษฐานว่าน่าจะมาจากซากศพทหารกัมพูชาที่เสียชีวิตจากการปะทะและยังไม่ได้รับการเก็บกู้ โดยได้รับข้อมูลจากทหารบริเวณแนวปะทะว่า พื้นที่โซนภูมะเขือนั้นมีกลิ่นรุนแรงมากแม้ใส่หน้ากากอนามัยถึงสามชั้นก็ยังไม่สามารถป้องกันกลิ่นได้ ตอนกลางคืนก็ไม่ได้นอน เพราะมีหมาหอนทั้งคืน พอใกล้รุ่งช่วงตีห้าได้ยินเสียงปืนดังเป็นระยะ อยากให้ผู้มีอำนาจจัดการเรื่องนี้ให้เด็ดขาด จะยิงก็ยิงให้จบ หรือหากจะเจรจาก็ขอให้เรียบร้อยเด็ดขาด พวกเราจะได้กลับมาทำมาหากินตามปกติ” นายทองคำกล่าวหวังประชุม GBC ยุติขัดแย้งได้ขณะที่นายวิมล ทองอ่อน อายุ 56 ปี สมาชิกชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) เผยว่า ตนปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ตั้งแต่วันแรกที่เกิดการปะทะ ปัจจุบันเริ่มมีชาวบ้าน โดยเฉพาะผู้ชาย กลับมานอนที่บ้านบ้างแล้วแต่ยังไม่มากนัก ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ผิดสังเกตว่าหมาหอนตอนกลางคืนเยอะกว่าปกติ หลังมีข่าวว่าทหารกัมพูชาเสียชีวิตจำนวนมาก ชาวบ้านที่ติดตามผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) อย่างใกล้ชิด ก็หวังว่าการประชุม GBC จะออกมาในทางที่ดีและยุติความขัดแย้งให้ได้ เพราะตอนเกิดเหตุปะทะ ชาวบ้านเดือดร้อนไม่มีรายได้ ต้องอพยพหนีภัยมากว่า 10 วันแล้วชาวบ้านวอน จนท.ช่วยเก็บกู้ลูกปืนใหญ่ที่ชุมชนบ้านผามอ ปากทางขึ้นสู่หน้าด่านอุทยานแห่งชาติผามออีแดง ทางขึ้นเขาพระวิหาร ที่เป็นหมู่บ้านติดชายแดนไทย-กัมพูชา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เจ้าหน้าที่ ชรบ.นำผู้สื่อข่าวมาพบชาวบ้านและเจ้าของบ้านที่ถูกลูกกระสุนปืนใหญ่ตกใส่บ้านจนระเบิดทั้งหลัง สะเก็ดระเบิดยังไปโดนบ้านข้างเคียงอีกหลายหลังพังเสียหาย รวมทั้งลูกปืนใหญ่ยังลงสวนยางและพืชผลทางการเกษตรอีกหลายลูก ชาวบ้านเชื่อว่าลูกปืนใหญ่น่าจะถูกยิงมาลงทั่วบริเวณนี้ โดยหลังมีการเปิดศึกสู้รบเมื่อวันที่ 24 ก.ค. ชาวบ้านพากันอพยพหนีภัยขึ้นรถยนต์เร่งรีบออกจากบ้านไปทันที เมื่อเสียงปืนเริ่มสงบได้กลับเข้ามาดูบ้าน และหลังเก็บบ้านเสร็จกำลังจะออกไปอยู่ศูนย์อพยพใหม่อีกรอบ มีลูกปืนใหญ่ระดมยิงมาลงบ้านลงสวนอีกหลายลูก แต่ไม่รู้ว่าตรงไหนบ้าง จึงขอวอนเจ้าหน้าที่มาตรวจดู และทำลายให้ด้วย เพราะวันนี้ไม่กล้าเข้าบ้านเข้าสวน ขณะเดียวกัน นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผวจ. ศรีสะเกษ ได้ประกาศให้ประชาชนอพยพอีกในวันที่ 7-8 ส.ค. จนกว่าสถานการณ์จะสงบจริงๆทร.จับคนกัมพูชาท่าทางพิรุธเช้าวันเดียวกัน ตำรวจ สภ.เมืองตราด รับแจ้งจาก สอ. รฝ. ต่อต้านอากาศยานระยะไกล กองทัพเรือ ว่า จับกุมชายชาวกัมพูชาในวัดแห่งหนึ่งที่มีกำลังทหารอยู่ภายในวัด เมื่อไปที่เกิดเหตุพบนายบัว พาดี อายุ 40 ปี ชาวกัมพูชา สวมเสื้อสีเขียวคล้ายทหาร กางเกงขาสั้นสีดำ ตัดผมสกินเฮด ตรวจสอบไม่พบมีเอกสารประจำตัวและไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย นายบัวให้การกับตำรวจวกไปวนมาว่า เดินทางมาจากเกาะช้างแต่ไม่รู้จะไปที่ไหน พอถามย้ำอีกรอบกลับบอกว่ามาจากบ้านพี่ชาย เมื่อถูกถามชื่อ 3 ครั้ง ก็ตอบไม่ตรงกันสักรอบ ส่วนเสื้อผ้าบอกว่ามีชาวบ้านนำมาให้ เพราะชุดเดิมเปียกฝน คำให้การของนายบัวมีพิรุธ ตำรวจจึงคุมตัวไป สภ.เมืองตราด สอบปากคำอย่างละเอียดอีกรอบกำชับ 70 ทูตไทยลุยแจงข้อเท็จจริงที่กระทรวงการต่างประเทศ เวลา 18.00 น. นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ เป็นประธานประชุมออนไลน์ร่วมกับเอกอัครราชทูตไทย ผู้แทน สถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศ 70 ประเทศทั่วโลก กับกรมต่างๆ ภายหลังการประชุม GBC ได้ข้อตกลงการหยุดยิง 13 ข้อ ว่า ขอให้ยังคงเดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง เพื่อย้ำความสุจริตใจและความน่าเชื่อถือของไทยในการเป็นประเทศที่มีความรับผิดชอบต่อประชาคมระหว่างประเทศด้วย ติดตามข่าวสารสื่อท้องถิ่น เครือข่ายต่างๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินฝ่ายกัมพูชาว่าได้ยุติการโจมตีด้วยข้อมูลที่บิดเบือนตามข้อตกลงแล้วหรือไม่ หากยังมีการดำเนินการ จะได้เร่งชี้แจงฝ่ายต่างๆได้ทันท่วงที พร้อมขอให้สถานทูตและกงสุลใหญ่ในประเทศที่มีชุมชนชาวกัมพูชาอยู่จำนวนมาก ติดตามความเคลื่อนไหว ถึงการเผยแพร่ข่าวเท็จที่จะกระทบกับภาพลักษณ์ของไทยและอาจจะเป็นการละเมิดข้อตกลงจากที่ประชุม GBC ด้วยอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่