เส้นทางการรักษาอำนาจเห็นท่าจะตีบตัน..."แพทองธาร ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี ที่ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ได้ยื่นคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญในคดี “คลิปฉาว” เป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังจากขอเลื่อนมา 2 ครั้ง จนกระทั่งครบกำหนดไปแล้วรอเพียงว่าศาลจะนัดฟังคำวินิจฉัยเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นจะได้รู้ว่าจะถูกถอดถอนจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่ยืนยันจากเลขาธิการนายกรัฐมนตรี “หมอมิ้ง” ที่บอกว่าจะไม่ลาออกจากตำแหน่งอย่างเด็ดขาด แต่จะสู้ถึงที่สุดให้รู้ดำรู้แดงไปเลยก็อย่าง “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้พ่อได้บอกว่าจะไม่ลาออกอย่างเด็ดขาด เพราะมั่นใจว่าสามารถชี้แจงให้ศาลเข้าใจเจตนาได้แต่ถ้าไม่ให้ทำหน้าที่ก็กลับไปเลี้ยงลูกที่บ้าน!พร้อมที่จะส่ง “ชัยเกษม นิติสิริ” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของ “เพื่อไทย” อีกคนหนึ่ง เพื่อชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้สภาโหวตพูดง่ายๆว่าสถานภาพของตระกูล “ชินวัตร” ในเส้นทางการเมืองเวลานี้ดูไม่ค่อยจะแจ่มใสนัก “พ่อ” ก็ต้องคดี ม.112 และมีคดีชั้น 14 รพ.ตำรวจ ที่อาการไม่ค่อยจะดีนักลูกสาวก็คดี “คลิปฉาว” บทสนทนากับ “ฮุน เซน” จนเป็นเรื่องเป็นราวระหว่าง 2 ประเทศที่ยังหาจุดจบไม่ได้ว่ากันว่ายังมีอีกเรื่องที่กำลังเป็นเรื่องขึ้นมาเพราะ...“ชัยเกษม” ที่จะส่งชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรี มีปัญหาในด้านคุณสมบัติส่วนตัว 3 ประการ1.เคยแสดงความเห็นว่าควรแก้ไข ม.112 ได้2.ปัญหาสุขภาพที่ยังไม่ดีจนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้3.เนื่องจากเป็นคนแข็งได้ประกาศว่าถ้าหากเขาเป็นนายกรัฐมนตรีจะเป็นตัวของตัวเองไม่มีใครมาสั่งเขาได้จุดนี้ทำให้ “ทักษิณ” ไม่แน่ใจว่าจะทำให้เกิดปัญหาที่สั่งไม่ได้แต่ปัญหาใหญ่สุดก็คือเรื่องสุขภาพนั่นแหละ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับความทรงจำแม้สุขภาพทางกายจะดีแต่สุขภาพทางสมองมีปัญหาดังนั้น การขึ้นเป็นผู้นำประเทศที่มีปัญหาอย่างนี้ย่อมไม่สามารถบริหารและจัดการได้ก็จะทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศต่อพรรค ที่เอาคนป่วยมาเป็นนายกรัฐมนตรีทางที่ดีก็คือไม่สมควรที่จะส่งให้เป็นตัวแทนของพรรคเพื่อส่งชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีนี่คือปัญหาใหญ่อีกเรื่องหนึ่ง!จึงมีความจำเป็นที่จะต้องยอมให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคการเมืองอื่นขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีแทนแต่ก็ต้องพูดคุยกันให้รู้เรื่องซึ่งคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะแคนดิเดตจากพรรคอื่นก็มี "บิ๊กตู่"-"พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค" จากพรรครวมไทยสร้างชาติอีกคนจากประชาธิปัตย์แม้จะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลแต่ก็ไม่สามารถผนึกใจที่จะให้ “ทักษิณ” รับได้ความเป็นไปต่างๆที่เกิดขึ้นนี้ทำให้มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่จะเอา “คนนอกบัญชี” มาเป็นแทน แต่ก็ต้องใช้เสียง สส. 2 ใน 3 สนับสนุนจึงเป็นอีกมุมหนึ่งทางการเมืองที่จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางที่ดีเพื่อเป็นทางออกของ “เพื่อไทย” ก็คือการประกาศ “ยุบสภา” เพื่อเลือกตั้งกันใหม่แม้จะไม่เต็มใจแต่ก็ไม่มีทางเลือกอย่างอื่น!"สายล่อฟ้า"คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม