ผลโพลการเมืองที่ออกมาในช่วง 2-3 วันนี้พรรคการเมืองมีคะแนนนิยมตกต่ำทั้งฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาล แทนที่จะมีนักการเมืองเข้ามาแก้ปัญหา กลับเป็นว่ามีนักการเมืองเข้ามาสร้างปัญหา ชิงอำนาจ พูดมากกว่าทำ จากเดิมที่เคยตั้งข้อสงสัยว่ามีกองทัพเอาไว้ทำไม อาจจะมาจากสาเหตุของการยึดอำนาจ ปัจจุบัน ประชาชนเริ่มตั้งข้อสงสัยว่า มีรัฐบาลเอาไว้ทำไม มี สส.-สว.เอาไว้ทำไม และเมื่อชั่งน้ำหนักแล้ว ชาวบ้านสงสัยว่ามีรัฐบาลมี สส.-สว.เอาไว้ทำไมมากกว่าถ้าจะให้เลือก ก็จะเลือกทหารมากกว่าการเมืองแสดงว่า ระบอบการเมืองการปกครอง การบริหารราชการแผ่นดินอยู่ในภาวะล้มเหลว สาเหตุจากความขัดแย้งเขตแดนระหว่าง ไทย–กัมพูชา มีเสียงเรียกร้องให้ทหารเข้ามาปกครอง มากกว่าจะให้ฝ่ายการเมืองบริหารประเทศต่อไป พรรคประชาชน ที่มีทัศนคติที่ไม่ดีต่อกองทัพ ต้องการให้มีการปฏิรูปกองทัพ หรือฝ่ายค้านในอดีต (เพื่อไทย) ก็เห็นด้วยที่จะให้มีการปฏิรูปกองทัพเพราะเป้าหมายเดียวคือ การป้องกันการปฏิวัติรัฐประหาร ที่เป็นหนามยอกอกของฝ่ายการเมืองมาทุกยุคทุกสมัยซึ่งเป็นคนละประเด็นกับความมั่นคงของประเทศครม.มีการพิจารณาโครงการพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพอากาศ และโครงการพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพเรือ ในส่วนของกองทัพอากาศ เสนอโครงการจัดซื้อ เครื่องบินรบ Gripen E/F จำนวน 4 ลำในระยะแรก วงเงิน 19,500 ล้านบาท คาดว่าจะมีการลงนามจัดซื้อในเดือนนี้ด้วยซ้ำกองทัพเรือเสนอโครงการในแผนงบประมาณปี 2569 จัดหาเรือฟริเกต จำนวน 2 ลำ ในการนำมารักษาผลประโยชน์ทางทะเล ฝ่ายการเมือง รัฐบาล ไม่มีข้อคัดค้านจากสถานการณ์ชายแดนที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เนื่องจากไทยมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะสงครามได้ตลอดเวลาซึ่งต่างจาก การซื้อเรือดำน้ำ จากจีนโดยสิ้นเชิงในส่วนรัฐบาลเองมีการจัดสรรงบประมาณตามปกติ โดยเฉพาะการก่อสร้างอาคาร รถไฟฟ้า ซึ่งต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นโครงการก่อสร้างอาคารชลประทานแห่งใหม่โครงการสร้างตึก สตง.แห่งใหม่ที่สูญเสียงบประมาณไปจากเหตุแผ่นดินไหว 2 พันกว่าล้านยังไม่มีคนรับผิดชอบ ทั้งที่รัฐบาลควรจะนำกลับมาทบทวนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีกันใหม่ภายใต้ภาวะฉุกเฉิน สงครามการค้า และสงครามความมั่นคงของประเทศไม่ต้องไปพูดถึงงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจจากเดิมงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านปัจจุบันเหลืออยู่ 4.2 หมื่นล้าน ส่วนใหญ่จะถูกนำไปแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและจัดงานซอฟต์พาวเวอร์ ครม.ที่ผ่านมา อนุมัติงบอีกเกือบ 2 หมื่นล้าน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 เช่น อนุมัติวงเงินกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน 1 หมื่นล้าน กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาอีกกว่า 8 พันล้าน วิกฤติประเทศที่ซ้ำซ้อนจากนี้ไปจะเป็นบทพิสูจน์ขีดความสามารถของรัฐบาลชุดนี้มากน้อยแค่ไหน.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.thคลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม